Thursday, November 12, 2015

8 สิ่งของสะสมเชื้อโรคสุดยี้ ! พร้อมวิธีทำความสะอาดอย่างจริงจัง





        รวมบรรดาสิ่งของใกล้ตัวที่สกปรกมากที่สุดจนน่าตกใจ และวิธีทำความสะอาดสิ่งของเหล่านั้นให้ห่างไกลจากเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียด้วยตัวเอง

          แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเราจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียได้มากขนาดนี้ ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้นำเอาทั้ง 8 สิ่งของที่ว่ามาพร้อมกับ วิธีทำความสะอาดอย่างจริงจังมาฝาก เพื่อให้คุณและคนในบ้านห่างไกลจากสิ่งสกปรกที่เป็นต้นเหตุของโรคร้ายทำลายสุขภาพร่างกายกัน

1. ฟองน้ำล้างจาน

          แม้เราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ฟองน้ำล้างจานได้ แต่เราก็ต้องทำความสะอาดมันอย่างถูกวิธี เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าเชื้อแบคทีเรียนานาชนิดที่เป็นต้นเหตุของไข้หวัดใหญ่ อย่าง ซาลโมเนลลา อีโคไล และสแตฟิโลค็อกคัส ที่ชอบเจริญเติบโตมาพร้อมกับความชื้นและเศษอาหารหมักหมม อาจจะมาทำร้ายร่างกายของเรา

  วิธีทำความสะอาด

          หลังล้างจานทั้งหมดเสร็จแล้วให้นำเจ้าฟองน้ำไปซักกับน้ำเปล่าและน้ำสบู่ให้ สะอาดเอี่ยม จากนั้นบิดให้แห้งวางตากไว้ด้านนอก และห้ามวางกลับไปในน้ำสบู่ซ้ำอีกรอบเด็ดขาด เมื่องานล้างจานครั้งสุดท้ายของวันผ่านพ้นไป ให้นำฟองน้ำเปียก ๆ ไปอบฆ่าเชื้อในไมโครเวฟ 1 นาที (ขอย้ำ ! ว่าต้องเป็นฟองน้ำเปียกไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดประกายไฟได้) เท่านี้ร่างกายของเราก็จะห่างไกลเชื้อแบคทีเรียแล้ว

2. อ่างล้างจานในครัว

          อย่าคิดว่าอ่างล้างจานในครัวจะสะอาดทุกครั้งที่เราล้างจานไปด้วย เพราะเศษอาหารจากจานข้าว เศษผักผลไม้ หรือแม้กระทั่งเศษเนื้อดิบจากเขียงหั่นอาหาร ที่เกาะติดอยู่ตามอ่างจะค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นเชื้อแบคทีเรียในจำนวน 500,000 ตัวเทียบเท่ากับชักโครกเลย หากเราพลาดปล่อยให้เชื้อพวกนี้เข้าสู่ร่างกายคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

  วิธีทำความสะอาด

          มาทำความสะอาดอ่างล้างจานอย่างตรงจุดกัน ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมาชำระล้าง ไม่ว่าจะเป็นสารฟอกขาวแบบคลอรีน ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ หรือน้ำยาทำความสะอาดสูตรแอนตี้แบคทีเรีย ซึ่งแต่ละสูตรจะต้องใช้ในปริมาณ ¼ ถ้วยตวงผสมกับน้ำเปล่า 1 ส่วน แล้วนำไปขัดถูทำความสะอาดอ่างล้างจาน ท่อน้ำทิ้ง และก๊อกน้ำ จากนั้นทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออกให้เกลี้ยง เราจะต้องทำความสะอาดแบบนี้ถึง 2 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์

3. แปรงสีฟัน

          เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนแปรงสีฟันได้ทุกครั้งที่ต้องการใช้งานใหม่ ฉะนั้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้เชื้อแบคทีเรียค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอยู่ในปากของเรา เชื้อโรคที่อยู่ในห้องน้ำจากการกดชักโครกก็จะลอยมาตามลมแล้วไปติดเข้ากับ แปรงสีฟันเปียกชื้นของเรา ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียชนิด อีโคไล ลิสทีเรีย สแตฟิโลค็อกคัส และเชื้อราที่ซุกซ่อนอยู่ตามขนแปรงอีกด้วย

  วิธีทำความสะอาด

          เรามาป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากแปรงสุดที่รักกันเถอะค่ะ เมื่อทำธุระที่เกี่ยวข้องกับชักโครกเสร็จให้ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำทิ้งทุก ครั้ง เพราะไม่อย่างนั้นละอองสิ่งสกปรกจะกระเด็นไปตามอากาศแล้วมาเกาะที่แปรงสีฟัน หากเป็นไปได้ไม่ควรเก็บแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำโดยเด็ดขาด รวมไปถึงเราต้องทำความสะอาดแปรงสีฟัน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยขัดล้างตามปกติแล้วล้างด้วยเพื่อฆ่าเชื้อโรค ที่สำคัญอย่าลืมเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือนด้วยนะคะ

4. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

          ความล้ำหน้าของเทคโนโลยีในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เราใช้งานกันอย่างเพลิดเพลินจนหลงลืมเรื่องความสะอาดไปในบัดดล ไม่ว่าจะเป็นรีโมทคอนโทรล คีย์บอร์ด หรือมือถือ ต่างก็สะสมเชื้อแบคทีเรียและไวรัสไว้หลากหลายชนิด ซึ่งพอ ๆ กับอ่างล้างจานและชักโครกเลยทีเดียว

  วิธีทำความสะอาด

          เมื่อครบ 1 สัปดาห์ให้เรานำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ มาเช็ดทำความสะอาด จัดการเคาะเศษขยะออกให้หมด รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เป็นจอทัชสกรีนให้นำน้ำยาทำความสะอาดแบบฆ่าเชื้อมาฉีด แล้วเช็ดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์

5. พรมในบ้าน

          ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลของพรมจึงทำให้ใครหลายต่างยกย่องให้เป็นของแต่งบ้าน ชิ้นโปรด แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าพรมรองพื้นนี่แหละที่เป็นตัวการสะสมเชื้อแบคทีเรียอันดับ ต้น ๆ ของบ้าน ในจำนวน 200,000 ตัวต่อ 1 ตารางนิ้ว ซึ่งประกอบไปด้วยเชื้ออีโคไล แซลโมเนลลา และเชื้อดื้อยาที่มาจากเศษผิวหนังตามร่างกายคนและสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงเกสรดอกไม้และสิ่งสกปรกที่มาจากนอกบ้านอีกด้วย

  วิธีทำความสะอาด  

          จะว่าไปการทำความสะอาดพรมนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ซึ่งต้องเริ่มจากการที่เราลงมือทำเองก่อน ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบหัวแปรงกวาดทำความสะอาดเอาสิ่งสกปรกตามซอกออกให้หมด แล้วนำน้ำยาฆ่าเชื้อมาฉีดทำความสะอาด และจ้างบริษัททำความสะอาดพรมมาทำความสะอาดปีละ 1 ครั้ง

6. ผ้าขนหนู

          หากเราปล่อยให้ผ้าขนหนูเปียกชื้นนานเกินกว่า 20 นาทีขึ้นไป เป็นเวลาที่เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราจะค่อย ๆ เจริญเติบโตอยู่บนผ้าขนหนูของเรา รวมไปถึงเชื้อโรคดื้อยาถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการแพ้และผดผื่นตามผิวหนัง

  วิธีทำความสะอาด

          ทุกครั้งหลังอาบน้ำเสร็จเราต้องทำผ้าขนหนูให้แห้งในทันทีเพื่อตัดวงจรเชื้อ โรคให้หมดสิ้น โดยการนำเข้าไปอบในเครื่องอบผ้าให้แห้ง หรือซักกับผงซักฟอกและน้ำร้อน ก่อนจะนำไปอบแห้งให้เชื้อแบคทีเรียตายสนิทอีกครั้ง

7. กระเป๋าสตางค์และกระเป๋าถือ

          แม้กระเป๋าจะเป็นแฟชั่นไอเทมที่ติดตัวเราตลอดเวลา แต่ด้วยกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันนั้นนำพากระเป๋าเราไปสู่น้ำมือของเชื้อ โรคร้ายได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นหากเราปล่อยปละละเลยการทำความสะอาดที่ถูกต้อง เชื้อแบคทีเรียนับล้านชนิดที่ติดมากับกระเป๋าก็จะทำให้เราป่วยได้เช่นกัน

  วิธีทำความสะอาด 

          อย่างที่รู้ ๆ กันว่าเราควรทำความสะอาดกระเป๋าหนังและไวนิลด้วยการหาผลิตภัณฑ์สเปรย์ฆ่า เชื้อมาฉีดพ่นแล้วเช็ดให้สะอาด และกระเป๋าแบบทั่วไปให้นำไปซักในเครื่องซักผ้าก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญเราควรแขวนกระเป๋าเก็บดีกว่าวางไว้ที่พื้นให้สัมผัสเชื้อโรคเอาได้ ง่าย ๆ

8. ที่นอนน้องหมา

          ที่นอนน้องหมาเป็นสิ่งของที่คนรักสัตว์ไม่ควรละเลย  ซึ่งบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยน้ำลาย เศษขน เศษอุจจาระ และเศษผิวหนังที่หลุดร่อนลงไปสะสม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เชื้อโรคเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

  วิธีทำความสะอาด

          ใน 1 สัปดาห์ เราจะต้องทำความสะอาดที่นอนน้องหมา แค่ถอดปลอกหุ้มที่นอนออกมาซักในน้ำร้อนและตากให้แห้ง แต่ถ้าไม่สามารถถอดปลอกออกได้ให้ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อ มาพ่นทำความสะอาดแล้วเช็ด เพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์ที่เรารักค่ะ

          ทั้งหมดที่ว่ามาคือตัวแทนสิ่งของสะสมเชื้อโรคมากที่สุดในบ้าน ซึ่งเราต้องดูแลทำความสะอาดกันอย่างจริงจังเพื่อป้องกันเชื้อโรค ไม่เช่นนั้นก็อย่าหาว่าไม่เตือนนะจะบอกให้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก realsimple, wikihow  และpets.petsmart
http://home.kapook.com/view129879.html

No comments:

Post a Comment