Tuesday, May 31, 2016

เลือกต้นไม้ จัดสวนหย่อมในบ้าน ดูดสารพิษ




ปกติแล้ว เราไม่นิยมปลูกต้นไม้ไว้ในบ้านเพราะด้วยการดูแลที่ยุ่งยาก ไม่ว่าด้วยการรดน้ำ จัดพื้นที่สวนเฉพาะ เชื่อว่าจะแย่งอากาศเราหายใจ มีเศษดินเศษใบไม้ที่อาจจะทำให้บ้านเราดูสกปรกมากกว่าสวย แล้วยิ่งไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนและที่ทำงานมากกว่าบ้าน ก็ยิ่งทำให้เราไม่อยากจะจัดสวนหย่อมเล็กๆ ภายในบ้านกันสักเท่าไหร่ แต่ที่จริงแล้วมีต้นไม้อยู่หลายพันธุ์ที่คุณสามารถปลูกในบ้านได้โดยดูแล รักษาง่ายๆ แค่มีสเปรย์ฉีดให้น้ำก็พอแล้ว


ต้นแรกที่อยากนำเสนอก็คือ ปาล์มไผ่  เป็น ปาล์มใบสวย ขนาดเล็ก เลี้ยงง่าย ทนทาน แม้จะขาดน้ำและแสงแดดนานหลายวันก็ยังอยู่ได้ มีความสูงแค่ 1 - 1.80 เมตร มีความสามารถในการดูดสารพิษายในอาคารได้ดี พวกสารเคมี ยาฆ่าแมลง สารระเหยที่มากับเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ใหม่ๆ เหมาะมากสำหรับการปลูกภายในบ้านเราเป็นที่สุดครับ


อีกต้นก็คือ ต้นแก้วกาญจนา ไม้ชื่อสวย เป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่าย ทนทาน ดูแลแบบทิ้งขว้างก็ไม่ตาย เพราะเป็นไม้ที่เติบโตได้ดีในที่สภาพแห้งแล้งและแสงรำไร เป็นไม้ที่ฟอกอากาศได้ไม่ดีมาก แค่อยู่ในระดับให้รู้ว่าฉันคือต้นไม้ที่ฟอกอากาศได้นะ แต่ฉันชอบคายน้ำ คายความชื้น ช่วยให้บ้านคุณเย็นขึ้นได้ แต่ก็ไม่ควรปลูกหลายต้นมากไป เพราะความชื้นในบ้านสูงเกินไปก็ไม่ดีต่อสีผนังและเฟอร์นิเจอร์ไม้อื่นๆ สาวไทยอย่างแก้วกาญจนานี้มักจะมีหนุ่มต้นเฟิร์นมาจีบบ่อยๆ เพราะเฟิร์นชอบความชื้นที่เธอคายออกมา 


เฟิร์นที่แนะนำก็คือ บอสตันเฟิร์น ต้นไม้ยอดฮิตที่นิยมปลูกภายในอาคาร ถ้าคุณไปร้านขายต้นไม้แล้วามหาต้นนี้ พอยกออกมาก็ต้องร้องอ๋อกันเป็นแถว เพราะตามศูนย์การค้าชอบปลูกประดับกันมาก เป็นไม้ที่ต้องการความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ขาดน้ำไม่ได้เลย ก่อนออกจากบ้านทุกเช้าควรฉีดหรือพ่นสเปรย์น้ำแร่เอเวียง เพราะเขาเป็นไม้เมืองนอกมาจากเมืองบอสตัน พูดเล่นนะครับ แค่สเปรย์ที่ใช้น้ำล้างจานสุดท้ายฉีดประพรมก็พอแล้ว แต่เห็นสำอางแบบนี้ เขาดูดสารพิษฟอกอากาศในบ้านได้เก่งมากนะ
 


พลูด่าง ที่จริงไม้ พันธุ์นี้ก็ไม่ค่อยอยากแนะนำมาก เพราะทุกคนรู้จักกันดี นิยมปลูกมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาย หรือเพลอๆ อาจจะนิยมปลูกมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี เห็นในฉากบ้านเรือนไทยของภาพยนตร์ย้อนยุคบางเรื่องปลูกในกระถางแขวนรูปปลา กระโห้อ้าปากยังแอบนึกในใจสงสัยจะนิยมปลูกตั้งแต่ยุคนั้น พลูด่างเป็นไม้เลื้อย พบได้มากในประเทศเขตร้อน ใบกลมป้อมคล้ายรูปหัวใจ ใบมีสีเขียวและมีรอยด่างสีเหลืองอยู่ที่ใบทำให้ดูสวยงามแต่สกิลลับของพลูด่างที่เรามองเวลาเข้าห้องน้ำตามปั๊มทุกวันก็คือ การฟอกอากาศระดับเอพลัสนั่นเอง


แนะนำไม้บ้านๆ มา 3 ชนิด มาที่ไม้มงคลที่นิยมจัดสวนในบ้านกันบ้าง ไม้แรกคือ เสน่ห์จันทร์แดง ใบรูปหัวใจทีี่มีสีเขียวเข้มตัดกับสีแดงเข้มของก้านใบ เป็นไม้ที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ และเชื่อว่าปลูกแล้วจะมีเสน่ห์เมตตามหานิยมแก่คนทั่วไป แต่ความจริงอีกด้านก็คือมีความสามารถในการดูดสารพิษขั้นสูง โดยเฉพาะสารแอมโมเนียในกาว


มาปิดท้ายกันด้วย ต้นวาสนา ปลูกแล้วจะได้มีวาสนากับเขาบ้าง วาสนาเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้น ปลูกในบ้านต้องคอยตัดให้เตี้ย แต่นิยมปลูกหน้าบ้านกันมากกว่า มีลายและฟอร์มใบสวยที่สุดต้นหนึ่ง มีความสามารถในการดูดสารพิษพวกสารระเหยต่างๆ ได้ดีไม่แพ้พลูด่าง แต่ต่างกันที่ไม่ได้ชอบดมกาวเหมือนพลูด่าง วาสนาจะชอบดูดสารพิษที่ติดมากับสีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์ใหม่ และฟอกอากาศทั่วไปให้สดชื่น


เห็นไหมครับว่า การปลูกต้นไม้ในบ้านจะมีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะเรื่องการดูดสารพิษภายในอาคาร ไม่ต้องห่วงว่าเมื่อถึงเวลากลางคืนแล้วต้นไม้จะแย่งอากาศหายใจจนตาย ถ้าเราเปิดหน้าต่างบ้านให้ลมเข้า อากาศถ่ายเท และไม่ปลูกในห้องนอนติดแอร์ ก็ไม่ต้องห่วง



โดย...โยโมทาโร่ 

Friday, May 27, 2016

ดอกไม้มงคลประจำ 12 ราศี เหมาะกับการปลูกไว้ในบ้าน




      ดอกไม้มงคลของ 12 ราศี มาดูกันว่าแต่ละราศีเหมาะกับการปลูกต้นอะไร หากจะจัดสวนควรจะปลูกดอกไม้อะไรดี เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต

           ใคร ที่กำลังจะจัดสวนใหม่หรือเพิ่งลงมือจัดสวนเป็นครั้งแรก มาดูดอกไม้ประจำราศีที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากให้คนรักสวนได้เลือกนำไปปลูกกัน เพราะนอกจากจะช่วยปรับบรรยากาศให้สดชื่นได้แล้วนั้น ยังช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้ชีวิตของแต่ละราศีดีขึ้นได้อีกด้วย เอาเป็นว่าจะมีดอกไม้ชนิดไหนเหมาะกับราศีของคุณบ้าง ก็ตามไปดูกันเลยค่ะ


1. ราศีมังกร

        ราศีมังกรมีลักษณะนิสัยเป็นผู้นำและไม่เกรงกลัวกับการต่อสู้ทุกสถานการณ์ เป็นคนอบอุ่น สามารถปกป้องคนที่อยู่รอบข้างได้ ฉะนั้นชาวราศีมังกรจึงเหมาะที่จะปลูกแอฟริกันไวโอเลต ซึ่งลักษณะและสีสันของดอกแอฟริกันไวโอเลต ก็เหมือนกับอารมณ์สุขุมที่อยู่ภายในตัวของชาวราศีมังกรนั่นเอง


2. ราศีกุมภ์

        ชาวราศีกุมภ์รักในการใช้ชีวิตอย่างอิสระ เป็นคนโรแมนติก ซื่อสัตย์ต่อคนรักอย่างมาก มองโลกในแง่ดี และเป็นที่รักของทุกคน ดอกไม้ที่เหมาะกับชาวราศีกุมภ์นั่นก็คือกล้วยไม้ ที่จะช่วยให้ชาวราศีกุมภ์มีสง่าราศี เป็นที่ต้องตาต้องใจ และดึงดูดผู้คนให้เข้าหา


3. ราศีมีน

        ราศีมีนมีน้ำเป็นสัญลักษณ์ประจำราศี ซึ่งสื่อถึงความคิดสร้างสรรค์และสิ่งเหนือธรรมชาติ ชาวราศีนี้เป็นคนใจกว้าง เข้าสังคมง่าย มีเหตุมีผล และเป็นที่รักของคนรอบข้าง ฉะนั้นจึงควรปลูกดอกบัวเอาไว้ในสวน เพื่อเสริมสิริมงคลให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตและคนในครอบครัว


4. ราศีเมษ

        ชาวราศีเมษมีไฟสัญลักษณ์ประจำราศี ดังนั้นบุคลิกของชาวราศีนี้จึงดูแข็งแกร่ง มั่นใจ มีพลังในตัวเยอะ ชอบการผจญภัย แต่เอาแต่ใจตัวเองไปบ้างก็มี ฉะนั้นดอกไม้ที่เหมาะกับชาวราศีเมษนั่นก็คือบานชื่น เพื่อนำความสุข สดชื่น และทำให้คนในบ้านมีจิตใจแจ่มใสดังชื่อของดอกไม้


5. ราศีพฤษก

        ชาวราศีพฤษกภายนอกอาจจะดูแข็งกร้าวและดุดันไปบ้าง แต่ภายในกลับเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหว โรแมนติก รักใครรักจริง และชอบใช้ชีวิตแบบช้า ๆ สบาย ๆ แต่มั่นคง จึงเหมาะที่จะปลูกดอกลิลลี่ ที่จะสื่อถึงความรักอันงดงาม อีกทั้งยังทำให้เป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่พบเห็นด้วย


6. ราศีเมถุน

        ชาวราศีเมถุนเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและเป็นกันเอง เข้ากับทุกคนได้หมด ด้วยบุคลิกเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ชาวราศีเมถุนกลายเป็นที่รักของคนรอบข้าง ดังนั้นดอกกุหลาบจึงเป็นดอกไม้ที่เหมาะสมกับชาวราศีนี้มากที่สุด ที่สำคัญยังช่วยเสริมความสง่างามและภาคภูมิให้แก่ผู้ที่ปลูกด้วย


7. ราศีกรกฎ

        ชาวราศีกรกฎภายนอกจะดูเป็นคนเข้มแข็งสามารถปกป้องคนรอบข้างได้ แต่ภายในกลับอ่อนไหวต่ออารมณ์ความรู้สึกง่าย คิดมาก และเป็นราศีที่มีความโรแมนติกสูง ดังนั้นจึงเหมาะกับการปลูกต้นมะลิและกุหลาบ เพราะไม้ดอกทั้ง 2 ชนิดนี้จะสะท้อนตัวตนของของชาวราศี ทั้งยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตด้วย


8. ราศีสิงห์

        ชาวราศีสิงห์เป็นผู้ที่บุคลิกโดดเด่น มีความคิดสร้างสรรค์ มั่นใจในตัวเองสูง ใจกว้าง และชอบที่จะเป็นศูนย์กลางของคนรอบข้างเสมอ ฉะนั้นคงไม่มีดอกไม้ไหนที่จะเหมาะสมกับชาวราศีสิงห์นอกจากดอกทานตะวัน เพราะดอกทานตะวันจะสื่อถึงความสุข ความอบอุ่น และความมั่นใจในตัวของชาวราศีนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้ผู้คนอยากเป็นมิตรและเสริมดวงการงานให้รุ่งโรจน์อีกด้วย


9. ราศีกันย์

        ชาวราศีกันย์เป็นคนที่พิถีพิถันกับการใช้ชีวิต เจ้าระเบียบ ทำงานหนัก และมักขี้อาย ชอบสงวนท่าทีภายนอกไว้ ทั้งที่จริงแล้วชาวราศีกันย์นั้นเป็นคนฉลาดและรอบคอบคนหนึ่ง ใส่ใจคนรอบข้างเสมอ ฉะนั้นจึงเหมาะที่จะปลูกดอกเดซี่และดอกเวอร์บีนา ที่ช่วยให้ชาวราศีนี้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าได้


10. ราศีตุลย์

        ชาวราศีตุลย์ขึ้นชื่อในเรื่องของความยุติธรรม ซื่อสัตย์ และสามัคคี แต่ขณะเดียวกันชาวราศีนี้ก็มีมุมโรแมนติกอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ราศีตุลย์ดูเป็นคนมีเสน่ห์มากที่สุดราศีหนึ่ง ดอกไม้ที่เหมาะกับชาวราศีนี้คือดอกไฮเดรนเยีย เพราะจะสะท้อนถึงความจริงใจ ความสุขุมนุ่มลึก และช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชาวราศีตุลย์ได้


11. ราศีพิจิก

        ชาวราศีพิจิกเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ทะเยอทะยาน แข็งแกร่ง และดูน่าเชื่อถือ แม้จะดื้อรั้นไปบ้าง แต่ภายในกลับอ่อนไหวต่ออารมณ์ความรู้สึกง่าย อารมณ์แปรปรวน ฉะนั้นเหมาะที่จะปลูกดอกโบตั๋นแดง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มบรรยากาศโรแมนติกให้กับที่พักอาศัย ที่สำคัญเมื่อออกดอกก็ให้โชคลาภและช่วยเรียกสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตอีกด้วย


12. ราศีธนู

        ชาวราศีธนูเป็นคนฉลาด มีสติปัญญาดี แข็งแกร่ง และที่สำคัญชอบออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิต แถมยังเป็นคนมองโลกในแง่ดีอีกต่างหาก ดอกไม้ที่เหมาะกับชาวราศีนี้ก็คือดอกคาร์เนชั่น ที่แสดงถึงความมุ่งมั่น ความเป็นนักสู้ในตัวของชาวราศีธนู อีกทั้งยังช่วยเสริมดวงด้านโชคลาภด้านการเงินด้วย

        เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก่อนจะลงมือปลูกดอกไม้หรือจัดสวน ก็อย่าลืมนำดอกไม้ประจำราศีของคุณไปปลูกติดบ้านไว้ด้วยนะคะ จะได้ช่วยเสริมความเฮงและราศีของแต่ละคนให้ดียิ่งขึ้นยังไงล่ะ
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, Fromyouflowers และ Teleflora
http://home.kapook.com/view147954.html

Tuesday, May 17, 2016

7 สัญญาณตู้เย็นเสียรีบส่งซ่อม อย่าปล่อยทิ้งไว้นานไม่อย่างนั้นพังแน่ !




         ถ้าตู้เย็นมี อาการเหล่านี้อย่านิ่งเฉยหรือปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล เพราะนั่นแสดงว่าตู้เย็นของคุณมีปัญหาเข้าให้แล้ว แล้วแต่ละอาการบอกอะไรกับเราได้บ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีสังเกตปัญหาเบื้องต้นก่อนส่งช่างซ่อมมาบอกค่ะ 

          หลายคนรู้ว่าตู้เย็นผิดปกติ เช่น เสียง ระดับความเย็น หรืออาการอื่น ๆ แต่ไม่ยอมยกไปซ่อมซะทีเพราะเห็นว่ายังใช้งานได้อยู่ โดยไม่รู้เลยว่าความผิดปกติเหล่านั้นเป็นการเตือนให้รู้ว่าถึงเวลาที่ตู้ เย็นควรถูกส่งถึงมือช่างซ่อมได้แล้ว เพราะตอนนี้ระบบภายในกำลังรวน หากปล่อยไว้อาจพังจนใช้การไม่ได้เลยก็ได้นะ มาดูกันว่าความผิดปกติของตู้เย็นมีอะไรบ้าง แล้วแต่ละอาการหมายความว่าอย่างไร จะได้อธิบายให้ช่างฟังได้ถูกต้องและซ่อมได้ตรงจุดมากที่สุด


1. อาหารเสียก่อนวันหมดอายุ

          ถ้าอาหารเสียก่อนวันหมดอายุหรืออาหารสด เช่น ผักกับเนื้อสัตว์เน่าทั้งที่เพิ่งซื้อมา แสดงว่าตู้เย็นของคุณมีปัญหาเข้าให้แล้วล่ะ และอาการนี้ก็เป็นไปได้ว่าตัวควบคุมอุณหภูมิมีปัญหา คอยล์ร้อนมีฝุ่นเกาะ มอเตอร์ทำงานหนัก หรือคอยล์ร้อนร้อนเกินไปนั่นเอง
 

2. น้ำแข็งเกาะผนังตู้เย็น 

          ถ้ามีน้ำแข็งเกาะตามผนังตู้เย็นด้านในหรือช่องฟรีซทั้งที่เพิ่งละลายน้ำแข็ง ไป สาเหตุมาจากคอยล์เย็นที่อยู่ด้านในของตู้เย็นถูกน้ำแข็งเกาะ เลยส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิภายในตู้เย็นและทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะเต็มผนัง
 

3. น้ำแข็งเกาะช่องฟรีซ

          การที่ช่องฟรีซจะเกิดน้ำแข็ง แสดงว่าตู้เย็นจะต้องมีอุณหภูมิที่ต่ำมาก ๆ แต่ถ้าปรับอุณหภูมิของตู้เย็นระดับเย็นน้อยสุดแล้ว ปรากฏว่ายังเกิดน้ำแข็งเกาะช่องฟรีซอยู่ แสดงว่าตู้เย็นอาจจะปล่อยสารทำความเย็นออกมามากเกินไปนั่นเอง


4. ตู้เย็นไม่มีเสียง แต่ไฟยังติดอยู่

          เป็นปกติที่ตู้เย็นจะมีเสียงตลอดเวลา เพราะนั่นแสดงว่าตู้เย็นกำลังทำงานอยู่ แต่ถ้าไม่ได้ยินสียงใด ๆ ออกมาจากตู้เย็นทั้ง ๆ ที่ตอนเปิดตู้เย็นไฟยังสว่าง แสดงว่าคอมเพรสเซอร์อาจจะเสีย สามารถทดสอบได้โดยหมุนปุ่มควบคุมอุณหภูมิไปที่ระดับเย็นสุด ถ้าหากคอมเพรสเซอร์ยังคงไม่มีเสียงอยู่แสดงว่าชำรุดหรือเสียแล้วล่ะ ส่วนอีกวิธีก็คือการละลายน้ำแข็ง แล้วถอดปลั๊กตู้เย็นออกทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จากนั้นเปิดใหม่อีกครั้ง ถ้าคอมเพรสเซอร์ยังทำงาน แสดงว่าอาจจะเป็นเพราะระบบละลายน้ำแข็ง
 

5. มีน้ำซึมออกจากตู้เย็น

          สาเหตุที่ทำให้น้ำซึมมีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ประตูปิดไม่สนิทเพราะขอบยางตู้เย็นเสื่อมสภาพ มีน้ำแข็งเกาะมากเกินไป หรือถาดรองน้ำอาจจะรั่วก็ได้ วิธีการแก้ไขสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ โดยแก้ไขตามจุดที่ทำให้เกิดปัญหา เช่น ถ้าขอบยางเสื่อมสภาพก็ให้เปลี่ยนใหม่ เป็นต้น


6. ช่องฟรีซเย็น แต่ช่องแช่ของไม่เย็น

          ถ้าช่องแช่ของส่วนอื่น ๆ ไม่เย็น มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ทั้งที่ช่องฟรีซนั้นยังเย็นและทำงานปกติ ในกรณีนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าพัดลมของมอเตอร์เสีย ชำรุด หรือเสื่อมสภาพ ซึ่งถ้าเปลี่ยนใหม่ราคาจะแพงพอ ๆ กับราคาของตู้เย็นใหม่เลยทีเดียว  


7. ค่าไฟสูงกว่าปกติ

          ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างจะกินไฟเยอะ เพราะต้องทำงานตลอดเวลา ยิ่งตู้เย็นที่ผ่านการใช้งานมายาวนานก็ยิ่งกินไฟมาก ฉะนั้นถ้าค่าไฟสูงกว่าเดือนที่ผ่าน ๆ มา ทั้งที่ใช้ไฟตามปกติ แสดงว่าสาเหตุอาจจะมาจากตู้เย็นก็ได้
 

          อาการบางอย่างเราก็สามารถแก้ไขได้เองเบื้องต้น อย่างเช่น การเปลี่ยนขอบยางตู้เย็น แต่อาการบางอย่างต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ หรือไม่ก็ต้องซื้อตู้เย็นใหม่ไปเลย ถ้าไม่เชี่ยวชาญจริง ๆ แนะนำให้เรียกช่างมาซ่อมดีกว่านะคะ เพราะไม่อย่างนั้นอาจต้องซื้อตู้เย็นใหม่เลยก็ได้ 
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก hometips, techtalk และ sfgate
http://home.kapook.com/view146057.html

Wednesday, May 11, 2016

14 วิธีเพิ่มช่องทางระบายอากาศ เปลี่ยนบ้านร้อนให้เย็นทันใจ




วิธีเพิ่มช่องทางระบายอากาศ ให้มีการไหลเวียนของลมในบ้านได้ดีขึ้น แม้อากาศข้างนอกจะร้อนแค่ไหน แต่บ้านก็ยังเย็นฉ่ำสบาย ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศบ่อยเหมือนที่เคย

       เคย เป็นไหม ? อยากจะหลบอากาศร้อน ๆ แล้วเข้าไปนอนฟินในบ้าน แต่กลับรู้สึกร้อนหนักกว่าเดิม ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าระบบระบายอากาศในบ้านไม่ดีพอ เพราะนอกจากอากาศร้อนจะไม่ไหลออกไปนอกบ้านแล้ว อากาศดี ๆ ก็ยังไม่พัดเข้ามาในบ้านอีก วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำเอาวิธีในการเพิ่มช่องทางระบายอากาศในบ้านมาฝากกัน ค่ะ เพื่อปรับบรรยากาศและเปลี่ยนอากาศภายในบ้านให้เย็นขึ้น โดยไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศนาน ๆ เหมือนก่อนหน้านี้


1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้บ้านอมความร้อน

        ก่อนจะเปลี่ยนสิ่งของรอบข้าง ขอให้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองให้ได้ซะก่อน เริ่มจากลด ละ เลิก การเผาไหม้ต่าง ๆ ในบ้าน เช่น การปิ้งย่างอาหาร การจุดเทียนทิ้งไว้ หรือสูบบุหรี่ในบ้าน เพราะพฤติกรรมเหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้เกิดควันและความร้อนอบอวลอยู่ในบ้าน ทางที่ดีควรลดจำนวนให้น้อยลงหรือย้ายออกมาทำนอกบ้านจะดีกว่า

2. ติดตั้งเครื่องดูดควันในห้องครัว

        หากห้องครัวบ้านไหนมีเครื่องดูดควันอยู่แล้วก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าบ้านไหนยังไม่ได้ติดตั้งและจำเป็นต้องทำกับข้าวในบ้าน ก็ควรซื้อมาติดตั้งไว้ในห้องครัวสักเครื่อง เพราะมันจะช่วยดูดควันและความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำอาหารออกไป ไม่ให้ไอความร้อนและกลิ่นอาหารอบอวลอยู่ภายในบ้าน

3. ใช้พัดลมดูดอากาศในห้องน้ำ

        อย่าปล่อยให้ไอน้ำและกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ ทำให้บรรยากาศในบ้านเสียเลย แค่ติดตั้งพัดลมดูดอากาศไว้ที่ห้องน้ำซะ เปิดใช้งานระหว่างที่กำลังอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว และหลังทำธุระ ทิ้งไว้สักประมาณ 20 นาที ทั้งไอน้ำและกลิ่นเหม็นอับเหล่านั้น ก็จะถูกดูดออกไปด้านนอกจนหมด

4. เลือกขนาดหน้าต่างให้เหมาะสม

        ใช่ว่าติดตั้งหน้าต่างเยอะ ๆ จะทำให้การระบายอากาศในบ้านดีขึ้น เพราะความสำคัญอยู่ที่การเลือกขนาดหน้าต่างให้ถูกต้องด้วย โดยควรจะเลือกหน้าต่างที่มีความสูงตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป เพราะนอกจากจะช่วยให้การระบายอากาศดีขึ้นแล้วมันยังช่วยลดการกักเก็บความ ร้อนบนฝ้าเพดานได้อีกด้วย

5. ทำช่องรับแสงและลม

        อย่างที่ทราบกันดีว่าความร้อนจะต้องลอยตัวสูงขึ้น ฉะนั้นการทำช่องรับแสงและลม ก็จะช่วยให้ความร้อนที่ลอยตัวสูงมีทางที่จะระบายออกไปนอกบ้านได้ และวิธีการนี้ยังช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกทางหนึ่งด้วย

6. ติดตั้งหน้าต่างระบายอากาศ

        สำหรับบ้านที่มุมอับ ไม่สามารถนำพื้นที่มาใช้ประโยชน์ได้ ลองเปลี่ยนผนังบริเวณนั้นเป็นหน้าต่างดู เพราะนอกจากจะทำให้ระบบระบายอากาศดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้แสงแดดส่องถึง และทำให้มุมอับดูสว่างขึ้นด้วยโดยไม่ต้องเปิดไฟ

7. ติดตั้งหน้าต่างให้ถูกทิศ

        ทิศทางในการติดตั้งหน้าต่างก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน โดยแนะนำให้ติดตั้งหน้าต่างเอาไว้ที่ทิศเหนือและทิศใต้ เพราะจะทำให้อากาศหมุนเวียนภายในบ้านได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน บ้านของคุณก็จะไม่ร้อนเหมือนที่ผ่าน ๆ มา

8. ทำความสะอาดตัวกรองอากาศ

        ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมในบ้านถึงได้อึดอัดทั้ง ๆ ที่เปิดเครื่องปรับอากาศ นั่นก็เป็นเพราะตัวกรองหรือแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศสกปรก นั่นเอง เช่น มีฝุ่นเกาะหนาทึบจนไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ ฉะนั้นควรจะถอดออกมาทำความสะอาดและกำจัดฝุ่นอยู่สม่ำเสมอด้วยเช่นกัน แล้วก็จะทำให้ลมที่ออกมาจากเครื่องปรับอากาศเย็นและแรงขึ้นด้วย

9. แง้มหน้าต่างหรือเปิดช่องระบายอากาศไว้ตอนกลางคืน

        แม้ว่าอากาศในช่วงกลางคืนจะไม่ร้อนเท่ากลางวัน แต่ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาสมดุลของอากาศหมุนเวียนไว้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความชื้นและเชื้อราตามมา ฉะนั้นควรแง้มหน้าต่างตอนกลางคืนเอาไว้สักนิด เพื่อให้อากาศหมุนเวียนสักหน่อย ก็จะช่วยให้คุณนอนหลับสบายขึ้นแล้วล่ะค่ะ

10. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบจักสานและวัสดุจากไม้ไผ่

        ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ก็มีส่วนสำคัญในการระบาย อากาศไม่แพ้กัน ทางที่ดีควรจะเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่หรือ เครื่องจักสาน เพราะวัสดุเหล่านี้จะไม่กักเก็บความร้อนเอาไว้ ลมสามารถพัดผ่านเข้า-ออกได้อย่างดี

11. หลีกเลี่ยงสิ่งก่อสร้างปิดทางลม

        คนไหนที่กำลังจะรีโนเวท ต่อเติม หรือปลูกสร้างใหม่ ควรจะศึกษาทิศทางลมให้ดีซะก่อน มิเช่นนั้นถ้ารีโนเวท ต่อเติม หรือก่อสร้างผิดทิศทางขึ้นมา สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นจะไปปิดกั้นทางลมผ่านเข้า-ออกบ้าน ทำให้อากาศภายในบ้านหมุนเวียนได้ไม่ดีและทำให้อากาศในบ้านร้อนมากขึ้นนั่น เอง

12. ปรับพื้นที่ทางเดินเข้าบ้านด้วยวัสดุที่ไม่เก็บความร้อน

        รู้หรือไม่ว่าพื้นทางเดินเข้าบ้านก็มีส่วนที่ทำให้บ้านเย็นได้ แค่เพียงตกแต่งทางเดินเข้าบ้าน ด้วยวัสดุที่ไม่เก็บซับความร้อนหรือปูหญ้าบนทางเดินแทนไปเลยก็ได้ค่ะ ลมจะได้ไม่พัดพาไอร้อนเข้ามาในบ้านยังไงล่ะ

13. แต่งรอบบ้านด้วยองค์ประกอบน้ำ

        น้ำมีส่วนช่วยให้บ้านเย็นขึ้นได้มากทีเดียว โดยการนำสระน้ำ บ่อปลา หรือน้ำพุ มาตกแต่งในบ้าน ในสวน หรือรอบรั้วบ้าน แล้วน้ำก็จะช่วยปรับเปลี่ยนอากาศร้อนโดยรอบให้เย็นขึ้น ก่อนพัดลมเย็น ๆ ผ่านเข้ามายังในบ้าน

14. ปลูกต้นไม้ที่ช่วยดูดซับสารพิษในบ้าน

        อากาศที่เป็นพิษคืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำบรรยากาศในบ้านอึดอัดและร้อน ดังนั้นการปลูกต้นไม้ที่ช่วยดูดซับสารพิษ ก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี ต้นไม้ที่ช่วยดูดซับสารพิษในบ้าน ได้แก่ ฟิโลเดนดรอน เดหลี ลิ้นมังกร และปาล์มไผ่ เมื่อสารพิษหมดไปอากาศในบ้านก็จะโล่งโปร่งสบายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

        เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อย่ารอให้บ้านร้อนจนนอนแทบไม่ได้เลยนะคะ ลุกขึ้นมาทำตามวิธีที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้กันเถอะ แล้วบ้านจะช่วยปกป้องคุณจากความร้อน ให้คุณพักผ่อนได้อย่างสบายกายและสบายใจ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก todayshomeowner, ashrae, onegreenplanet, hubpages และ energywise
http://home.kapook.com/view147314.html