Thursday, June 16, 2016

10 ข้อผิดพลาดของการแต่งบ้าน เลี่ยงซะก่อนตามแก้ทีหลัง



        รวมข้อผิดพลาดในการออกแบบและตกแต่งบ้านที่มือใหม่ไม่ควรเลี่ยงให้ไกล จะได้ไม่ต้องแก้ไขอะไรตามหลัง ให้เสียเวลาและเงินทองโดยไร้ประโยชน์

          สมัย นี้ใคร ๆ ก็อยากออกไอเดียและโชว์ฝีมือตกแต่งบ้านกันเองทั้งนั้น แต่จะผลลัพธ์จะออกมาเหมาะสมหรือไม่นั้นยังไม่รู้ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรเสี่ยงดวงดีไซน์แบบไม่รู้หลักการกันอีกต่อไป มาดูข้อผิดพลาดในการออกแบบและตกแต่งบ้านที่ควรหลีกเลี่ยงให้ไกลกันค่ะ กระปุกดอทคอมขอบอกเลยว่ามือใหม่อย่างเราต้องศึกษาไว้ให้ดี จะได้ไม่มีปัญหาให้ตามแก้ไขตามหลัง

1. ขนาดเฟอร์เจอร์เล็กหรือใหญ่เกินไป

        เมื่อเจอเฟอร์นิเจอร์ที่สวยโดนใจก็อย่าเพิ่งรีบสอยกลับบ้าน ควรหยุดชั่งใจสักนิดเพื่อเช็กความเหมาะสม ว่าสามารถย้ายเข้าบ้านได้หรือเปล่าและเหมาะสมกับขนาดของห้องที่บ้านเราไหม ฉะนั้นก่อนจะออกไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ จึงควรวัดขนาดห้องและตำแหน่งที่จะนำเฟอร์นิเจอร์มาวางเตรียมไว้ด้วย

2. ตามเทรนด์จนลืมความสบาย

        เรียกว่าเทรนด์ไหนมาแรง ใครแซงหน้าไม่ได้ต้องขอตามก่อน หยุดเถอะค่ะ ! เพราะจริง ๆ แล้วคุณอาจจะไม่ได้หลงใหลและอยากอยู่ในบ้านที่แต่งด้วยเทรนด์นั้นเสมอไป ทางที่ดีเราควรแต่งบ้านในรูปแบบที่เราชื่นชอบจริง ๆ ไม่ยึดติดกับเทรนด์มากไป แต่ถ้าหากอยากตามเทรนด์บ้าง ก็นำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความชอบของเราดีกว่า 

3. ทาสีลงผนังโดยไม่ทดลองทาก่อน

        อ่านหัวข้อแล้วอาจะทำให้ใครหลายคนแอบสะดุ้งเลยก็เป็นได้ เพราะนี้คือข้อผิดพลาดที่คนส่วนใหญ่มักจะทำ เพียงเพราะได้เฉดสีที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากให้ห้องออกมาสวยอย่างที่ฝันไว้ไว ๆ แต่หากรู้ไม่ว่าเมื่อทาลงไปจริง ๆ เฉดสีอาจจะผิดเพี้ยนไปจากที่เราเลือกไว้แต่แรก ดังนั้นก่อนจะทาสีผนังบ้านควรจะทดลองทาสีลงบนผนังพื้นที่เล็ก ๆ พร้อมกับเปิดไฟและพิจารณาดูองค์ประกอบภาพรวมภายในห้องให้ดี ก่อนจะทาทั้งหมด

4. เลือกใช้แต่สีที่ชอบ

        ไม่แปลกเลยค่ะถ้าหากว่าจะเลือกใช้สีที่ชอบมาตกแต่งบ้าน แต่ทางที่ดีควรจะนำสีที่ชอบมาปรับใช้ให้เหมาะสมมากกว่าใช้โทนสีเดียวกันทั้ง หลัง ไม่เช่นนั้นจะทำให้ดูเยอะจนเอียนไปเลยก็ได้ แนะนำให้เลือกสีที่ชื่นชอบมาตกแต่งเพียงบางมุม บางจุด หรือบางรายละเอียด เพื่อให้ห้องดูโดดเด่นแบบพอดีจะดีกว่าค่ะ

5. เลือกที่รูปลักษณ์เฟอร์นิเจอร์

       เข้าใจว่าการตกหลุมรักเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านมันเป็นอย่างไร แทบจะควักเงินซื้อซะเดี๋ยวนั้นเลยก็มี แต่ในความเป็นจริงแล้วเราต้องพิจารณาฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งานให้ถี่ ถ้วน ก่อนดูรูปลักษณ์ความสวยงามภายนอก 

6. ติดตั้งไฟแบบไร้หลักการ

        บางคนอาจคิดว่าติดหลอดไฟตรงก็ได้ แค่มีแสงสว่างก็น่าจะเพียงพอ ทั้งที่จริงแล้วเรื่องแสงไฟเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว เพราะมีผลต่อบรรยากาศในบ้านโดยรวม ทั้งยังดีต่อสุขภาพสายตา หากติดตั้งได้อย่างเหมาะสม

7. ติดตั้งผ้าม่านแบบผิด ๆ

        เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้บ้านดูแคบทั้ง ๆ ที่ขนาดพื้นที่จริงไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น หากจะตกแต่งหน้าต่างด้วยผ้าม่าน แนะนำให้แขวนราวม่านขึ้นไปให้สูงกว่าขอบหน้าต่างประมาณหนึ่ง เพื่อขยายขนาดความกว้างของบ้านให้เพิ่มขึ้น และถ้าอยากให้บ้านดูอลังการขึ้นมาอีกนิดก็แค่เลือกใช้ม่านที่แยกออกเป็น 2 ฝั่งก็จะช่วยได้ค่ะ


8. กรอบรูปเยอะจนดูรกตา

        สารพัดกรอบภาพวาด กรอบภาพเขียน และกรอบภาพถ่ายที่นำมาติดตกแต่งผนังบ้าน อาจทำให้บ้านดูรกมากกว่าดูสวยงาม ทางที่ดีควรลดจำนวนของกรอบรูป คัดเลือกขนาด และจำนวนกรอบรูปให้เหมาะสมกับความกว้างของผนัง แต่ถ้าอยากโชว์ภาพทั้งหมดก็ไม่จำเป็นต้องโชว์พร้อม ๆ กัน นำมาเปลี่ยนวนที่ละเซตก็ได้

9. ใช้ลวดลายมากไป

        ของแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ที่มีลวดลายทั้งหลาย ต่างก็มีความโดดเด่นในตัวของมันเอง ดังนั้นถ้าเรายิ่งแต่งแต้มบ้านด้วยลวดลายเหล่านี้มากเกินไปก็จะทำให้ดูลายตา แนะนำให้ใช้แค่ 1-2 ลายก็พอแล้วค่ะ

10. ปล่อยสายไฟรกรุงรัง

        แม้จะแต่งบ้านได้สวยและน่าอยู่ขนาดไหน แต่หากมีสายไฟห้อยระโยงระยางก็ทำให้บ้านไม่น่ามองได้เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าลืมเก็บสายไฟให้เรียบร้อยและเป็นระเบียบด้วยนะคะ

        แต่ละข้อผิดพลาดนั้นไม่ได้จำกัดให้คนรักบ้านต้องหลีกเลี่ยงหรือห้ามเสมอไป แค่ต้องการให้นำไปใช้อย่างพอดีและตกแต่งให้เหมาะสม เพียงเท่านี้คุณก็จะได้บ้านที่สวยโดนใจแถมยังอยู่สบายไม่ต้องตามแก้ไขให้ เป็นภาระเพิ่มอีกจะดีกว่าค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก homedit และ Howdoesshe
https://home.kapook.com/view149943.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/12314598971056430/

Friday, June 10, 2016

15 ทริคดูแลเสื้อผ้าให้สะอาด มั่นใจไร้กลิ่นอับรบกวนในหน้าฝน




        ทริคดูแลและทำความสะอาดเสื้อในช่วงหน้าฝน แม้จะไม่มีแดดแต่ก็ยังสะอาดปราศจากกลิ่นอับชื้น คืนความสดชื่นให้คุณสวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างมั่นใจ
 

        เมื่อย่างเข้าสู้หน้าฝน คงไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตเท่ากับการซักทำความสะอาดเสื้อแล้วล่ะจริงไหมคะ ? กระปุกดอทคอมจึงไม่อยากให้คุณต้องทนสวมใส่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นเหม็นอับและไม่ สะอาด ด้วยการนำทริคดูแลเสื้อผ้าในช่วงหน้าฝนมาฝากกันค่ะ ที่จะช่วยกำจัดคราบสกปรกและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้าได้อย่างดี เยี่ยม จะสวมใส่เสื้อผ้าไปไหนมาไหนในหน้าฝนนี้ ก็ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลใจอีกต่อไป


1. ไม่ควรซักผ้าทุกครั้งหลังใส่

        จะซักผ้าอะไรกันบ่อย ๆ ชนิดที่ว่า ถอดออกเมื่อไรโยนใส่เครื่องซักผ้าซักเลย เพราะเนื้อผ้าบางชนิดไม่ต้องการการทำความสะอาดบ่อยเกินไป มิเช่นนั้นเนื้อผ้าอาจจะยืดและย้วยเอาได้ หรือบางครั้งซักแล้วตากผ้าตอนฝนตกพอดีก็จะเกิดกลิ่นเหม็นอับอีก ที่สำคัญเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เปลืองน้ำ เปลืองไฟ และเปลืองอุปกรณ์ซักผ้าอีกต่างหาก ดังนั้นควรจัดแยกชนิดผ้าก่อนว่าควรซักอย่างไรและควรซักตอนไหนจะดีกว่าค่ะ

2. ทำความสะอาดส่วนที่เปื้อนก่อนซักจริง

        การซักผ้าในเครื่องซักผ้าไม่ได้หมายความว่าเสื้อผ้าจะสะอาดหมดจดทุกซอกทุก มุม ฉะนั้นจึงควรที่จะตรวจดูคราบเปื้อนบนเสื้อผ้าแต่ละชิ้น เพื่อทำความสะอาดจุดคราบเปื้อนนั้น ๆ ก่อนนำเข้าเครื่องซักผ้า เช่น ส่วนใต้วงแขนหรือจุดที่เปื้อนคราบสกปรก

3. ซักกางเกงยีนส์หลังใส่มา 6 ครั้ง

        แม้ว่ากางเกงยีนส์จะซักยากขนาดไหน แต่ก็จำเป็นต้องซักอยู่ดี มิเช่นนั้นอาจจะเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามติดคุณไปทุกที่ทุกเวลา หลังใส่กางเกงยีนส์มา 6 ครั้งก็ให้นำไปซักหรือซักเลยทันทีเมื่อเปื้อนคราบสกปรก

4. ไม่ต้องซักสูททุกครั้งหลังใส่ก็ได้

        บางครั้งการซักเสื้อสูทบ่อย ๆ อาจจะทำให้สูทเสียทรงไปเลยก็ได้นะคะ เอาเป็นว่าเสื้อสูทตัวไหนที่ไม่ได้ใส่บ่อย ก็ให้นำมากลับเอาด้านในออกข้างนอก แล้วนำไปตากให้โดนลมและแสงแดด เพื่อกำจัดความอับชื้นก็พอค่ะ

5. ไม่ควรซักชุดนอนบ่อยเกินไป

        ชุดนอนทำมาจากเนื้อผ้าที่อ่อนโยนเพื่อให้สะดวกสบายเวลาใส่นอน หากซักทุกครั้งหลังใส่ก็จะทำให้เนื้อผ้าถูกทำลายเอาได้ แนะนำให้ซักชุดนอนหลังใส่มาแล้วประมาณ 2 วัน ก็จะช่วยถนอมใยผ้าให้ใช้งานได้อีกนาน

6. ทำราวตากในบ้าน

        แทบอยากร้องไห้ พอตากผ้าเสร็จฝนก็ตั้งเค้ามาไกล ๆ เลยต้องรีบเก็บผ้าไปกองรวมกันไว้ก่อน แถมยังทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นจนต้องซักใหม่ ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก เพียงแค่ทำราวตากผ้าในบ้านไว้หรืออาจจะใช้ราวตากผ้าแบบเคลื่อนที่ สามารถย้ายกลับเข้ามาตากในที่ร่มได้ ไม่ต้องกองรวมหนีฝนให้อับชื้นอีก

7. ห้ามนำผ้าเปียกชื้นใส่ถุงซักผ้า

        แม้ว่าผ้าเปียกชื้นตัวนั้นจะต้องใส่ถุงผ้าเวลาซักทุกครั้ง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำเข้าไปซักทั้งที่ยังเปียกชื้น เพราะจะทำให้ผ้าตัวอื่น ๆ ในเครื่องเหม็นกลิ่นอับตามไปด้วย ทางที่ดีควรตากให้แห้งก่อนใส่ถุงซักผ้าและนำไปซักรวมกับผ้าชิ้นอื่น ๆ

8. อย่าซักผ้าจำนวนมากในเครื่องซักผ้า

        แม้เวลาในแต่วันจะมีไม่มาก แต่เราก็ไม่ควรรีบเร่งถึงขนาดใส่ผ้าทั้งหมดที่มีลงในเครื่องจนเกินปริมาณที่ เครื่องจะรับไหว มิเช่นนั้นผ้าของคุณก็จะไม่สะอาดอย่างทั่วถึง แถมยังเป็นบ่อเกิดของกลิ่นอับบนเสื้อผ้าที่ยากจะแก้ไขอีกต่างหาก ฉะนั้นควรจะแยกผ้าและแบ่งปริมาณให้พอเหมาะกับขนาดของเครื่องด้วยนะคะ

9. ตากผ้าเลยทันทีเมื่อซักเสร็จ

        หลังสัญญาณเครื่องซักผ้าเตือน อย่าชะล่าช้าใจเอนหลังนอนแล้วปล่อยให้ผ้ารออยู่ในเครื่องต่อไป เพราะขืนปล่อยไว้นาน ๆ ผ้าก็จะส่งกลิ่นเหม็นอับจนทำให้เราต้องซักใหม่อีกรอบ คราวนี้ทั้งเสียเวลาแถมยังเปลืองไฟเปล่า ๆ อีกต่างหาก รีบนำมาตากให้โดนแดดและลม ผ้าจะได้แห้งก่อนที่ฝนฟ้าจะมาเยือน

10. รักษาความสะอาดของเครื่องซักผ้าอยู่เสมอ

        อีกหนึ่งตัวการที่ทำให้ผ้ามีกลิ่นอับในช่วงหน้าฝนนั่นก็คือ สิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ในเครื่องซักผ้า ดังนั้นหลังซักทำความสะอาดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าต่อเลยทุกครั้ง ด้วยการใส่เบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวงลงในช่องผงซักฟอก เปิดเครื่องให้ทำงานด้วยระบบน้ำร้อน แล้วเติมน้ำส้มสายชูลงช่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม เมื่อเครื่องทำงานเสร็จก็ต้องเช็ดถูทำความสะอาดตามซอกต่าง ๆ ของเครื่องซักผ้าด้วยนะคะ เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างอีกต่อไป

11. จัดเก็บเสื้อผ้าไม่ให้หนาแน่นจนเกินไป

        เสื้อผ้าก็เหมือนคนที่ต้องอยู่ในที่ที่อากาศปลอดโปร่ง ไม่แออัดจนเกินไป มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เสื้อผ้าเกิดกลิ่นเหม็นอับตามมา แต่ถ้าหากตู้เสื้อผ้ามีขนาดเล็กบวกกับจำนวนเสื้อผ้าที่มากเป็นพิเศษ แนะนำให้แขวนถุงบุหงาหรือถุงน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นอับบนเสื้อผ้าด้วยก็จะดี

12. เก็บหมวกและเข็มขัดไว้กับแผ่นอบแห้ง

        หมวกเป็นเครื่องแต่งกายที่ไม่ต้องซักบ่อยก็จริง แต่หากทิ้งไว้นาน ๆ อาจจะมีเชื้อราขึ้น แนะนำให้นำแผ่นอบแห้งไปวางใกล้ ๆ กับหมวก หรือจะใส่ไว้ในกล่องเดียวกันด้วยก็ดีค่ะ กลิ่นหอม ๆ ของแผ่นอบแห้งจะซึมซับเข้าไปในเนื้อผ้า ช่วยดับกลิ่นอับเหงื่อและป้องกันเชื้อราได้ค่ะ

13. วางชอล์กในตู้เสื้อผ้า ดับกลิ่นอับและลดความชื้น

        ปัญหาที่ตามมาในช่วงหน้าฝนนั่นก็คือ เสื้อผ้าอับชื้นและมีกลิ่นเหม็นอับ แต่ชอล์กเขียนกระดานช่วยคุณได้ แค่นำแท่งชอล์กประมาณ 2 แท่ง ไปวางไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของตู้เสื้อผ้าหรือลิ้นชักชุดชั้นใน ก็จะช่วยดูดซับความชื้นและกลิ่นเหม็นอับภายในตู้ให้หายไปได้

14. เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูซักผ้าเช็ดตัว

        ถ้าไม่อยากทนใช้ผ้าเช็ดตัวอับ ๆ ชื้น ๆ ให้ระคายผิวในช่วงหน้าฝนนี้ ให้นำผ้าเช็ดตัวลงไปซักในเครื่องซักผ้า โดยเปลี่ยนจากผงซักฟอกให้เป็นเบกกิ้งโซดา และน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นน้ำส้มสายชูแทน ก็จะกำจัดได้ทั้งกลิ่นอับ ความชื้น และเชื้อรา เพื่อคืนความสดชื่นให้กลับคืนมาอีกครั้ง

15. เครื่องอบผ้าช่วยลดกลิ่นอับและทำให้ผ้าแห้ง

        หากใครไม่มีเวลามากในการแก้ไขปัญหาเสื้อผ้าเหม็นอับ แนะนำให้หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงบนเสื้อผ้าที่เพิ่งซักเสร็จ จากนั้นก็นำเข้าไปอบในเครื่องอบผ้าให้เรียบร้อย ต่อให้ฝนจะตกติดต่อกันยาวนานแค่ไหน แต่ผ้าของคุณก็จะสะอาดหอมไร้กลิ่นอับ ไม่ต่างจากการตากให้โดนแดดอย่างไรอย่างนั้นเลย

        แม้ ว่าฝนฟ้าเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่เราก็สามารถทำให้เสื้อผ้าสะอาดหอมและไร้กลิ่นอับชื้นได้ ฉะนั้นหากใครที่กำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ก็อย่าลืมนำทริคดี ๆ แบบนี้ไปใช้กับเสื้อผ้าของคุณดูนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก couponcloset, Thecrunchymoose และ Homesogood
http://home.kapook.com/view149507.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/explore/laundry-hamper/


Monday, June 6, 2016

10 วิธีไล่นกพิราบระเบียงและหลังคาบ้าน วิธีง่าย ๆ ที่ได้ผลจริง


วิธีไล่นกพิราบ นกตัวน้อยแต่สร้างความรำคาญให้ไม่น้อยหน้าหนูและแมลง มาดูกันว่าเรามีวิธีไล่นกพิราบไม่ให้มาเกาะที่ระเบียง หลังคา หรือคอนโดได้อย่างไร โดยที่ไม่ต้องใช้ยาเบื่อและวิธีรุนแรง

นกพิราบ ศัตรูตัวฉกาจที่คอยสร้างความรำคาญไม่น้อยไปกว่าหนูและแมลง นอกจากจะชอบบินมาเกาะตามระเบียงและหลังคาแล้วยังปล่อยของเสียเรี่ยราด ที่ทำความสะอาดยากแล้ว ยังเอาเชื้อราที่ชื่อ คริปโตค็อกโคสิส (Cryptococcosis) มาหาเราด้วย ถ้าหากเจ้าเชื้อร้ายนี้เข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะจากการสัมผัสหรือการหายใจเข้าไปละก็ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว และยิ่งไปกว่านั้นพวกมันอาจเห็นบ้านของคุณเป็นที่พึ่งแห่งใหม่ คาบเศษหญ้าเศษใบไม้มาทำรังอยู่ถาวร วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำวิธีไล่นกพิราบมาฝาก เพื่อป้องกันการติดเชื้ออันตรายตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่ต้องคอยเก็บกวาดอึกับรังนกอีกต่อไป


1. เคเบิลไทร์รัดราวระเบียง

        เคเบิลไทร์หรือเข็มขัดรัดสายไฟ มีลักษณะเป็นพลาสติกเส้นเล็ก ๆ สามารถไล่นกพิราบได้ โดยการนำไปรัดกับระเบียงโดยที่ไม่ต้องตัดส่วนที่เหลือ เพราะสายส่วนที่ชี้ออกมา จะทำหน้าที่เหมือนหนามแหลมตำเท้านกไม่ให้มาเกาะ แต่จะไม่คมและไม่เจ็บเมื่อคนสัมผัส แต่ควรต้องรัดถี่ ๆ เพื่อไม่ให้เหลือที่ว่างจนนกบินลงมาเกาะได้

2. หนามกันนกทำเอง

        ใช้ลวดเส้นเล็กปักลงบนฟิวเจอร์บอร์ดในแนวตั้งความสูงประมาณ 3  นิ้ว ปักถี่ ๆ ให้ทั่วแผ่นแล้วนำไปวางไว้ที่ระเบียงหรือบนหลังคา เนื่องจากขาของนกพิราบสั้น ถ้าบินมาเกาะหนามกันนกที่ทำไว้แล้วจะทำให้ลวดทิ่มทั้งเท้าและลำตัวจนไม่กล้าบินลงมาเกาะอีก

3. ตอกตะปูไม้อัด


        วิธีนี้ใช้หลักการเดียวกับข้อ 1 และข้อ 2 ซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้งการไล่นกพิราบที่ระเบียงและไล่พิราบบนหลังคา เพราะไม้อัดและตะปูมีน้ำหนักพอสมควร ไม่ปลิวตามแรงลม สามารถนำไปตั้งไว้ได้ วิธีทำนั้นก็ง่ายมากโดยตอกตะปูลงไปบนแผ่นไม้อัดถี่ ๆ จากนั้นนำไม้อัดไปวางหงาย อาจจะทำตัวยึดช่วยยึดระหว่างพื้นระเบียงหรือหลังคากับแผ่นไม้อัดด้วยก็ได้

4. ติดตาข่ายพีวีซี

        การติดตาข่ายเป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้นกพิราบบินเข้ามาในระเบียง โดยนำตาข่ายพีวีซีขึงปิดช่องว่างระหว่างเพดานกับพื้นระเบียงให้มิดชิด แต่ถ้าไม่อยากให้ตาข่ายบดบังทัศนียภาพ อาจเปลี่ยนจากตาข่ายพีวีซีธรรมดาเป็นตาข่ายพีวีซีใส ที่มีความทนทาน แข็งแรง และยังสามารถมองเห็นวิวนอกระเบียงได้ดีกว่าด้วย

5. กำจัดรังนก

        นอกจากนกพิราบจะชอบมาเกาะหลังคาหรือระเบียง แถมยังอึจนสร้างความสกปรกให้บ้านแล้ว มุมอับอย่างข้างกระถางต้นไม้หรือคอมเพรสเซอร์แอร์ก็เป็นอีกจุดที่นกพิราบชอบสร้างรัง วิธีกำจัดก็คือหยิบรังนกไปทิ้ง ไม่ให้เหลือเศษหญ้าหรือเศษไม้ที่นกนำมาทำรัง เมื่อนกพิราบเริ่มทำรังอีกรอบก็ให้รีบจัดการ ส่วนช่องว่างระหว่างคอมเพรสเซอร์แอร์กับผนังหรือเพดาน ก็ให้นำกับดักมาวางไว้ เช่น แผ่นยางแหลมไล่นก หรือทำตะแกรงครอบเอาไว้แทน แล้วนกพิราบจะไม่กลับมาทำรังอีกเลย

6. ใช้แผ่นซีดีสะท้อนแสง

        หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าแสงวิบวับจากแผ่นซีดีนี่แหละ ช่วยไล่นกพิราบได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ โดยการนำแผ่นซีดีเก่ามาร้อยเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปแขวนตามระเบียงหรือหลังคา นอกจากนี้ในเวลาที่ลมพัด เสียงแผ่นซีดีที่กระทบกันยังช่วยไล่นกพิราบได้อีกด้วย

7. เลี้ยงสัตว์

        ให้เจ้าตูบและเจ้าเหมียวเป็นผู้อารักขาระเบียง ถึงแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านแต่สัญชาตญาณการเป็นผู้ล่ายังคงมีในตัวอยู่ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าพวกมันชอบวิ่งไล่จับนกแค่ไหน ไม่ต้องเสียเวลาออกคำสั่ง แค่เห็นนกพิราบบินลงมาพวกมันก็เต็มใจลุกขึ้นวิ่งไล่จับนกพิราบให้แล้ว

8. ปูกระดาษหนังสือพิมพ์

        ถ้าหากที่บ้านมีกองหนังสือพิมพ์ที่อ่านแล้วจำนวนมากรอวันกำจัด แทนที่จะนำไปทิ้งหรือชั่งกิโลขาย ก็นำกระดาษหนังสือพิมพ์เหล่านั้นไปปูบริเวณที่นกชอบมาเกาะหรือมาขี้ใส่ แล้วใช้เทปกาวติดขอบไว้กันหนังสือพิมพ์ปลิว เมื่อนกพิราบบินลงมาเหยียบก็จะเกิดเสียงที่เนื้อกระดาษ ทำให้นกพิราบตกใจไม่สามารถเดินต่อได้และจะไม่บินลงมาที่ระเบียงหรือหลังคาบ้านอีก

9. แขวนโมบาย

        ตามธรรมชาตินกพิราบจะตกใจเสียงและสิ่งของที่ขยับได้ เมื่อโมบายโดนลมพัดหรือโดนปีกนกพิราบที่บินมาใกล้ ก็จะเกิดเสียงและทำให้นกพิราบตกใจจนบินหนีไป โดยควรเลือกโมบายที่มีน้ำหนักเบา เมื่อโดนลมพัดแล้วมีเสียง ยิ่งมีแสงสะท้อนวิบวับด้วยยิ่งดี

10. ฉีดน้ำไล่

        วิธีนี้ต้องอาศัยความขยันและอดทน เพราะการฉีดน้ำไล่ใช่ว่าจะได้ผลตั้งแต่ครั้งแรกหรือช่วงแรก ๆ ต้องหมั่นทำบ่อย ๆ ยิ่งฉีดน้ำไล่ทุกครั้งที่นกพิราบบินโฉบลงมาเกาะระเบียงหรือพื้นยิ่งดี ถ้าจะไล่แบบถาวรต้องอาศัยความอดทนทำไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็อาจจะกินเวลายาวนานเป็นเดือนก็ได้

11. วางลูกเหม็น

        นอกจากจะใช้ลูกเหม็นกำจัดกลิ่นอับและป้องกันเหล่าแมลงตัวเล็กตัวน้อยในบ้านได้แล้วเนี่ย ยังใช้ไล่นกพิราบได้อีกด้วย โดยการนำลูกเหม็น พิมเสน หรือการบูรไปวางไว้บริเวณที่นกชอบมาเกาะหรือทำรัง แล้วคอยเปลี่ยนใหม่เรื่อย ๆ เมื่อกลิ่นจาง

        จากวิธีที่กล่าวมา อาจจะไม่ได้ช่วยกำจัดนกพิราบแบบถาวร เพียงแค่ช่วยบรรเทาและไล่ไม่ให้นกพิราบเข้าใกล้บ้าน แต่ที่สำคัญก็อย่าลืมทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่นกพิราบทิ้งไว้ด้วยนะคะ  

ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikihow, aaanimalcontrol, boldsky, care2 และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช