Friday, September 30, 2016

มาจัดบ้านกันเถอะ .... เคล็ดลับจัดบ้านให้เป็นระเบียบ





วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปจัดของกันค่ะ จัดของอย่างไรให้หยิบใช้ได้ง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อย ใครที่มีปัญหาในเรื่องการจัดเก็บของห้ามพลาด !!! ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ


ของที่ใช้ทุกวัน

ของที่ใช้ทุกวันต้องหยิบง่ายใช้สะดวก เห็นชัดเจน ไม่ต้องใช้เวลาหา จึงควรแยกประเภทให้ชัดเจน เก็บง่าย ใช้ง่าย สถานที่เก็บของควรใกล้ตัวผู้ใช้ หรือในสถานที่ที่ต้องใช้ ส่วนของสำรองไว้ใช้ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นและใช้เนื้อที่จัดเก็บ


ของที่ใช้ทุกสัปดาห์

ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาด ควรจัดไว้ในจุดที่หยิบได้ง่าย สะดวก มักจะเก็บรวมกับพวกที่ใช้ทุกวัน หากเป็นของที่ใช้ในสวนหรือเกี่ยวกับรถยนต์ ควรเก็บไว้ในบริเวณโรงรถอย่างเป็นสัดส่วน


ของที่ใช้ประจำเดือน

มักเป็นของที่ต้องใช้เฉพาะเทศกาล ของเหล่านี้มักจะมีที่เก็บเฉพาะ บางครั้งปะปนกับสิ่งอื่นไม่ได้บ้างแล้วแต่ประเภท บางทีเป็นของใหญ่ หากเป็นของที่เกี่ยวกับความเชื่อและศาสนามักจะมีตู้เก็บเป็นสัดส่วน และหลายครั้งจะถูกเก็บอยู่ลึกแต่เข้าถึงง่ายหน่อย หรือบางครั้งเก็บบนตู้สูงด้านบน


ของที่ใช้ประจำปี

เป็นเทศกาลมักจะเก็บอยู่เป็นที่ในส่วนที่ไม่ลึกที่สุดก็สูงที่สุด เป็นของที่ใช้แล้วใช้อีกเช่น ของประดับวันคริสต์มาสหรือปีใหม่ ทั้งไทยจีนฝรั่ง ของไทยมักเป็นของที่ใช้เกี่ยวกับอาหารการทำครัว ของจีนก็เช่นกัน ส่วนของฝรั่งจะมีของประดับบ้านรวมถึงต้นไม้ปลอม


ของที่ใช้ในโอกาสพิเศษ

สิ่งแรกที่อยากพูดถึงคือยาสามัญประจำบ้านและยาเฉพาะ ควรเก็บไว้ในที่มองเห็นสะดวกหยิบง่ายไกลมือเด็ก และไม่ถูกแสงแดด ต่อมาเป็นอุปกรณ์เดินป่า และอุปกรณ์กีฬาที่ไม่ได้เล่นประจำ ของเหล่านี้บางครั้งกินที่และต้องการการเก็บแบบพิเศษ


เป็นอย่างไรบ้างคะ พอจะเป็นพื้นฐานให้เพื่อน ๆ ได้เก็บข้าวของกันได้หรือเปล่า ?


ขอบคุณที่มา: http://www.thaihomeonline.com/article/tips-home/123/
http://board.postjung.com/991628.htmlโพสท์โดย: CMCpro
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/16255248632577002/

Thursday, September 29, 2016

13 ประโยชน์สุดเจ๋งจากเศษสบู่ก้อนเล็ก ๆ ที่ใช้อาบน้ำต่อไม่ได้แล้ว





       รวมประโยชน์จากเศษสบู่ก้อนเล็ก ๆ ที่เอาไปใช้อาบน้ำต่อไม่ได้แล้ว แต่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ต่อได้อีก ถ้าสงสัยว่าเศษสบู่ก้อนเล็ก ๆ เอาไปใช้ทำอะไรต่อได้บ้าง ก็ตามไปชมกันเลยค่ะ

        เศษสบู่ก้อนเล็ก ๆ ที่เอาไปอาบน้ำต่อก็ไม่ได้ เพราะเล็กเกินไปสำหรับมือของเรา อย่าเพิ่งโยนทิ้งเด็ดขาด เพราะเศษสบู่ก้อนเล็ก ๆ เหล่านั้นสามารถเอาไปใช้งานต่อได้หลายอย่างเลย นั่นแน่...คิดไม่ออกใช่ไหมล่ะคะ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำประโยชน์ของเศษสบู่ก้อนเล็ก ๆ มาบอกต่อแล้ว ต่อจากนี้ก็จะสามารถใช้สบู่ต่อได้จนหมดก้อน ต่อให้เหลือก้อนเล็กแค่ไหนก็ไม่ต้องทิ้ง


1. เคลือบสิ่งของ

        หากสีทาบ้านกระเด็นไปโดนสิ่งของ ค่อนข้างล้างหรือซักออกยาก บางทีก็ต้องซักกันหลายรอบ ฉะนั้นเอาสบู่ก้อนเล็ก ๆ มาถูผ้าหรือสิ่งของที่อยู่ในระยะที่สีสามารถกระเด็นไปโดนได้เอาไว้ ก็จะทำให้ล้างหรือซักสีออกจากสิ่งของเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น


2. เก็บเศษแก้ว

        แก้วแตกทีไรมีงานใหญ่ทุกที แต่จะกลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ เพียงแค่นำสบู่ก้อนเล็กที่ไม่ใช้แล้ว มาถูลงบนพื้นที่มีเศษแก้วแตกให้ทั่ว เศษแก้วชิ้นเล็ก ๆ เหล่านั้นก็จะเข้าไปอยู่ในก้อนสบู่จนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือให้บาดเท้าแน่นอน


3. ลดแรงเสียดทานบานพับประตูบ้าน

        พอกันทีกับเสียงสยองทุกครั้งที่เปิด-ปิดประตูบ้าน ให้นำสบู่ก้อนแช่น้ำมาถูบานพับให้ทั่ว หรือเอาเศษสบู่ก้อนผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย อย่าให้เหลวจนเกินไป แล้วนำมาหยอดที่บานพับประตูที่มีเสียง เพียงเท่านี้เสียงเอี๊ยดอ๊าดก็จะหายไป


4. ช่วยดับกลิ่นอับในกระเป๋า

        ถ้าไม่อยากใส่เสื้อผ้าที่เหม็นอับตลอดทริปการเดินทาง ก่อนปิดกระเป๋าให้นำสบู่ก้อนที่ไม่ใช้แล้วมาแพ็กลงในกระเป๋า เอาไว้มุมใด มุมหนึ่ง หรือจะใส่ถุงตาข่ายตาถี่ ๆ แขวนไว้ด้านใน ต่อให้ระยะทางจะอีกยาวไกล ยังไงก็ไม่มีเรื่องกลิ่นให้เป็นอุปสรรค


5. ป้องกันเศษดินติดซอกเล็บ

        ก่อนลงมือขุดดิน ถอนหญ้า ปลูกต้นไม้ ให้นำสบู่ก้อนเล็ก ๆ มาถูตามซอกเล็บโดยไม่ต้องล้างออก เศษสบู่ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เศษดิน เศษหิน หรือของสกปรกเข้าไปติดอยู่ในซอกเล็บ หลังทำสวนเสร็จก็ค่อยล้างออก


6. เคลือบตะปูกันเนื้อไม้แตก

        ไม่ว่าจะงานซ่อมบ้าน สร้างบ้าน หรืองาน DIY ที่ต้องลงมือตอกตะปูลงไม้ทั้งหลาย แนะนำให้ใช้สบู่ก้อนมาถูที่ตะปูเพื่อเคลือบผิวเอาไว้ แล้วตะปูก็จะตอกง่ายขึ้น ไม่ทำให้เนื้อไม้แตกขณะใช้ค้อนตอก


7. ปรับรองเท้าหนังให้นุ่มใส่สบาย

        ถึงรองเท้าหนังจะดูสวยหรูน่าจับจองขนาดไหน แต่ถ้าหากเจอหนังแข็ง ๆ ก็ดูไม่น่าใส่ขึ้นมาทันที แต่ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก แค่นำก้อนสบู่ที่ไม่ใช้แล้วมาถูด้านในของรองเท้า สบู่ก็จะช่วยปรับหนังที่แข็งให้นุ่มลง กลายเป็นรองเท้าที่ใส่สบายมากขึ้น


8. ช่วยถอดแหวนแน่น ๆ ออกอย่างง่ายดาย

        หากเผลอสวมแหวนที่มีขนาดเล็กกว่านิ้ว แล้วปรากฏว่าถอดไม่ออก ไม่ต้องตกใจเพราะแก้ง่าย ๆ ไม่ถึงขั้นตัดนิ้ว แค่ใช้สบู่ก้อนถูไปรอบ ๆ แหวนและนิ้ว แล้วค่อย ๆ ขยับแหวนทีละนิด แหวนก็จะถูกถอดออกจากนิ้วอย่างง่ายดาย


9. ปลดล็อกซิปฝืด ๆ ให้ลื่นและรูดง่าย

        ถ้าไม่อยากแก้ปัญหาด้วยการตัดเสื้อผ้าตัวโปรดทิ้งไป เพียงเพราะปัญหาซิปรูดออกยาก เราแนะนำให้ใช้สบู่ถูลงบริเวณรางซิปให้ทั่ว รูดเบา ๆ ซิปก็จะรูดง่ายขึ้น แต่ก่อนเอามาใส่อย่าลืมล้างคราบสบู่ออกด้วยล่ะ


10. ช่วยลอกวอลเปเปอร์เก่าทิ้ง

        วอลเปเปอร์ต่อให้ติดแน่นแค่ไหนก็ลอกออกได้ง่ายขึ้น เพียงนำเศษสบู่เก่า ๆ ทั้งหลายมาละลายในน้ำร้อนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปทาที่ผนัง ก็จะสามารถดึงวอลเปเปอร์ออกได้สบาย ๆ ไม่ต้องเสียเวลางัดแงะอีกต่อไป


11. ถูกุญแจฝืดให้ปลดล็อกง่าย

        ยืนไขกุญแจที่ประตูอยู่นานสองนาน ทำเท่าไรก็ไม่ยอมเปิดออกสักที นั่นไม่ใช่เพราะกุญแจผิดดอกหรือกลอนพังอะไร แต่เป็นเพราะกลอนข้างในมันฝืด ฉะนั้นให้นำสบู่มาถูกุญแจก่อนไขก็จะทำให้ปลดล็อกกลอนได้ทันที


12.  รีไซเคิลเป็นสบู่เหลว

        จะทิ้งเศษก้อนสบู่ไปก็เสียดาย ถ้าอย่างนั้นให้รวบรวมสบู่ก้อนชิ้นเล็กชิ้นน้อยในบ้านมาให้ได้มากที่สุด แล้วสับหรือขูดฝอยให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปต้มกับน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะและน้ำสะอาด 2 แกลลอน คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี แล้วเทใส่ขวดปั๊มก่อนนำไปใช้งาน


13. เช็ดกระจกลดความมัวจากไอน้ำ

        ถ้ากระจกในห้องน้ำมันจะมัวหมองจนมองไม่เห็นอะไรเลย งั้นมาป้องกันไอน้ำเกาะกระจกกันด้วยการนำก้อนสบู่เก่าที่ไม่ใช้แล้วมาถูบนกระจก แล้วใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม ๆ เช็ดออก กระจกก็จะกลับมาเงางามเหมือนเดิม ไม่ว่าจะอาบน้ำตอนไหนก็ไม่มีรอยไอน้ำเกาะอีกต่อไป
 

        นึกไม่ถึงกันเลยใช่ไหมคะว่า สบู่ก้อนเก่า ๆ เหลือใช้จะมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ หากบ้านไหนที่มีสบู่ก้อนเล็ก ๆ เหลือใช้ ก็อย่าเพิ่งทิ้ง ลองนำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างที่เราแนะนำไปดูนะคะ
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก viralnova, creeklinehouse และ diaryofamadcrafter
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/193232640238546001/
http://home.kapook.com/view157363.html

Monday, September 19, 2016

ตู้เย็นไม่เย็น ทำยังไงดี ?...7 วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาได้




ตู้เย็นไม่เย็น อย่าเพิ่งเรียกช่าง เพราะบางปัญหาที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็น สามารถแก้ไขเบื้องต้นเองได้ หากตู้เย็นกำลังมีปัญหา 7 วิธีซ่อมตู้เย็นเหล่านี้สามารถช่วยได้นะ

          ตู้ เย็นเป็นเครื่องครัวที่มีความสำคัญมากถึงมากที่สุด เพราะช่วยรักษาความเย็น และยืดอายุอาหารให้อยู่ได้นานขึ้น แต่หากวันหนึ่งเริ่มรู้สึกว่าตู้เย็นไม่เย็นขึ้นมาเมื่อไร เราก็คงเริ่มร้อนใจตามไปด้วย แช่อะไรไว้ในตู้เย็นได้ไม่นานก็คงพากันบูดซะหมดแน่ แถมเครื่องดื่มที่แช่ไว้ก็ไม่เย็นชื่นใจอย่างที่ควร ดังนั้นถ้าใครอยากรู้ว่า ตู้เย็นไม่เย็นเกิดจากอะไร, ตู้เย็นไม่เย็น ทำไงดี วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาตู้เย็นไม่เย็น มาฝากกันค่ะ
 

1. เคลียร์ตู้เย็นให้โล่ง

          ขั้นแรกลองเปิดตู้เย็นสำรวจดูสิว่ามีของอะไรอัดกันแน่นอยู่ในนั้นบ้าง เพราะข้าวของที่เต็มตู้จนจะทะลักออกมานี่ล่ะค่ะ เป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็นเอาซะเลย หนำซ้ำยังจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น เปลืองไฟโดยใช่เหตุอีกต่างหาก รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ารอช้า รีบเคลียร์ของในตู้เย็นให้โล่งขึ้นดีกว่า อะไรที่ใกล้เสีย หรือไม่จำเป็นก็เอาออกไปให้หมด ตู้เย็นจะได้กลับมาเป็นปกติ


2. ละลายน้ำแข็ง

          ยอมรับมาซะดี ๆ เถอะค่ะ ว่าคุณไม่ค่อยได้ใส่ใจตู้เย็นจนปล่อยให้ในช่องทำน้ำแข็งมีก้อนน้ำแข็งหนา เตอะใช่หรือเปล่า และนั่นเป็นสาเหตุให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่สะดวก จนเกิดไม่เย็นขึ้นมาซะดื้อ ๆ เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุตู้เย็นไม่เย็นอาจเกิดจากก้อนน้ำแข็ง คงจะดีกว่าถ้าจะกดละลายน้ำแข็งบ้าง เพื่อลดภาระให้ตู้เย็นไม่ต้องทำงานหนักเท่าที่ควร ประหยัดทั้งไฟ และทำให้ตู้เย็นทำความเย็นได้ดีขึ้นด้วย


3. ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม

          ถ้ารู้สึกว่าทำไม ตู้เย็นไม่เย็น ทั้ง ๆ ที่ก็เคลียร์ของและลายน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเช็กที่ตัวปรับอุณหภูมิในตู้เย็นดู เพระไม่แน่ว่าบางทีเราอาจจะเผลอเอามือไปปัดโดนตอนควานหาของในตู้เย็นก็เป็น ได้ แนะนำให้ปรับระดับความเย็นให้อยู่ในช่วงกึ่งกลางของระดับที่ตู้เย็นมีให้ บางครั้งเราอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไปก็ได้นะ


4. เปลี่ยนยางขอบประตูตู้เย็น

          ถ้า ทุกสาเหตุที่ว่ามายังไม่ใช่คำตอบของปัญหาตู้เย็นไม่เย็น ทีนี้คงต้องมาสังเกตขอบประตูตู้เย็นกันแล้วล่ะ ว่ายังมีสภาพการใช้งานได้ตามปกติหรือเปล่า หรือเริ่มเสื่อมและปิดไม่ค่อยแน่น ซึ่งหากพบว่ายางขอบประตูตู้เย็นเสื่อม ก็ต้องรีบซื้อมาเปลี่ยนโดยด่วนเลยค่ะ ซึ่งก็สามารถหาซื้อยางอันใหม่มาเปลี่ยนเองได้ง่าย ๆ ราคาก็ประมาณ 400 บาทเท่านั้น


5. เปลี่ยนพัดลมระบายอากาศ

          ตัว การหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาตู้เย็นไม่เย็น ก็คือพัดลมระบายอากาศ ที่เป็นตัวระบายความร้อน และส่งความเย็นให้กระจายไปรอบ ๆ ตู้เย็น ซึ่งถ้าหากขัดข้องก็จะทำให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่เป็นปกติ ทำให้ตู้เย็นไม่เย็นได้ ดังนั้นถ้าหากสงสัย ให้คุณลองทดสอบพัดลมระบายอากาศของตู้เย็นที่อยู่ด้านหลังช่องแช่แข็ง ด้วยการกดละลายน้ำแข็งก่อน เพื่อกำจัดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ที่ใบพัด แต่ถ้าละลายน้ำแข็งแล้วใบพัดยังไม่หมุน ก็คงต้องหาพัดลมระบายอากาศมาเปลี่ยนแล้วล่ะ อย่าลืมดูรุ่นของพัดลมให้ถูกต้องด้วย เมื่อได้มาแล้วก็จัดการเปลี่ยนได้เลยค่ะ โดยถอดปลั๊กตู้เย็นออก หรือสับสวิตช์ไฟได้ยิ่งดี แล้วถอดพัดลมอันเก่าออก จากนำพัดลมอันใหม่มาใส่แทน เสร็จแล้วก็เสียบปลั๊กตู้เย็นดูสิว่าทำงานปกติหรือไม่


6. ตั้งตู้เย็นบนพื้นเรียบเสมอกัน

          การตั้งตู้เย็นบนพื้นที่ไม่เสมอกันดูเหมือนจะเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่เชื่อไหมคะว่าสามารถเป็นสาเหตุตู้เย็นไม่เย็นได้เช่นกัน เนื่องจากหากตู้เย็นวางบนพื้นที่ไม่เรียบ ประตูตู้เย็นก็มีโอกาสจะปิดไม่สนิทจนทำให้ความเย็นระเหยออกมาจนตู้เย็นไม่ เย็นได้ ดังนั้นลองสำรวจพื้นด้านล่างดูสักหน่อยก็ดี ว่าตู้เย็นตั้งอยู่บนพื้นที่เรียบเสมอกันอยู่หรือเปล่า ถ้าตู้เย็นเอียง จะได้ขยับหรือปรับไปวางในที่ที่เหมาะสมได้ทัน


7. เรียกช่างดีกว่า

          หากปัจจัยแวดล้อมที่กล่าวมาทั้งหมดก็ยังไม่ใช่ และไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าตู้เย็นไม่เย็นเพราะอะไรกันแน่ คราวนี้คงต้องลงลึกไปถึงกลไกเครื่องยนต์ของตู้เย็นกันแล้วล่ะ หากพบว่ามีความผิดปกติ เช่น คอมเพรสเซอร์ที่อยู่ในกล่องกลม ๆ ด้านล่างของตู้เย็นส่งเสียงดัง พัดลมระบายอากาศด้านหลังตู้เย็นมีเสียงแปลก ๆ หรือการทำงานของตู้เย็นดังผิดปกติ ให้รีบเรียกช่างมาดูอาการ เพราะอาจมีชิ้นส่วนใดในตู้เย็นชำรุด จนตู้เย็นไม่สามารถทำความเย็นได้เป็นปกตินั่นเอง ส่วนค่าซ่อมตู้เย็นไม่เย็นก็ขึ้นอยู่กับว่าอะไหล่ชิ้นไหนชำรุด ทางที่ดีลองสอบถามจากช่างก่อนตัดสินใจใช้บริการดีกว่านะคะ

          ถ้าตู้เย็นของคุณมีปัญหา ก็ลองสำรวจความเสียหายตามที่กล่าวมาทั้งหมดดูก่อน หากพบว่ามีอาการตรงกับข้อไหน จะได้รีบจัดการแก้ปัญหาให้ตู้เย็นกลับมาทำความเย็นได้เหมือนเดิม แต่ถ้าแก้ไม่ได้จริง ๆ สงสัยคงต้องใช้ข้อสุดท้าย พึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเลยดีกว่า
 

http://home.kapook.com/view63001.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/556968678889622260/

Wednesday, September 7, 2016

12 วิธีทำความสะอาดบ้านด้วยมะนาว กับเคล็ดลับที่คุณอาจไม่เคยรู้




วิธีทำความสะอาดบ้านด้วยมะนาว วิธีที่จะทำให้บ้านสะอาดได้อย่างรวดเร็ว ไม่เสี่ยงอันตรายจากสารเคมีตกค้าง แถมยังเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายมาก เพราะเชื่อว่าทุกบ้านต้องมีอยู่แล้วแน่นอน

         ช้าก่อน ! หากใครคิดจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีมาทำความสะอาดบ้าน ขอให้ลองคิดใหม่ เพราะอันที่จริงแล้วเรามีของดีที่ช่วยทำความสะอาดบ้านแบบไร้สารเคมีอยู่ใกล้ ตัว นั่นก็คือ มะนาว นอกจากจะมีกรดที่ช่วยกัดกร่อนสิ่งสกปรกได้แล้ว ยังไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตราย และหาได้ง่ายภายในครัวเรือนอีกต่างหาก เอาเป็นว่าใครที่กำลังสงสัยว่ามะนาวจะช่วยทำความสะอาดได้จริงหรือไม่ แล้วจะทำได้อย่างไรนั้น ก็ตามไปดูวิธีทำความสะอาดบ้านด้วยมะนาวกันเลยค่ะ

1. ซอกซอนเศษอาหารบนร่องเขียง

         หลายคนคิดว่าแค่ล้างเขียงด้วยน้ำยาล้างจานอย่างเดียวก็จบ แต่ความจริงแล้วมันยังไม่จบอย่างที่คิดค่ะ เพราะเศษอาหารต่าง ๆ และเจ้าเชื้อโรคจะเข้าไปฝังตัวอยู่ตามร่องเขียงที่มีดหั่นลงไป ทางที่ดีหลังล้างเขียงเสร็จให้นำมะนาวที่ฝานครึ่งซีกมาถูลงบนหน้าเขียงให้ ทั่ว จากนั้นโรยเบกกิ้งโซดาลงไป พร้อมกับใช้มะนาวถูอีกครั้ง เพื่อให้สะอาดล้ำลึกถึงร่องเล็ก ๆ บนเขียง

2. ทำความสะอาดถังขยะ ดับกลิ่นอับสุดเหม็น

         ต่อให้ใช้ถุงพลาสติกรองก้นถังขยะเอาไว้ สิ่งสกปรกและน้ำขยะก็ทำให้ถังขยะส่งกลิ่นเหม็นอยู่ดี ฉะนั้นเราจึงต้องทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ ด้วยการโรยเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง ลงไปในถัง แล้วตามด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง เกลือ 1 ถ้วยตวง น้ำแข็งก้อนอีก 2 ถ้วยตวง และมะนาวฝานประมาณ 2-3 ชิ้น แล้วขัดถูภายในให้เกลี้ยงเกลา เพื่อล้างคราบสกปรกพร้อมกำจัดกลิ่นเหม็นเน่าให้หายไป

3. เปลี่ยนคราบกรังในไมโครเวฟให้เช็ดล้างง่าย

         มาทำความสะอาดและกำจัดคราบอาหารในไมโครเวฟออก ด้วยการฝานมะนาวลงในถ้วยใส่น้ำเปล่า จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่องให้ทำงานประมาณ 3 นาที ทิ้งไว้อีก 2-3 นาที ไอระเหยจะเข้าทำความสะอาดคราบกรังให้อ่อนตัว ง่ายต่อการเช็ดล้าง จากนั้นค่อยเปิดไมโครเวฟนำถ้วยน้ำออกมา แล้วเช็ดทั้งภายในแลภายนอกไมโครเวฟให้เกลี้ยงเกลา

4. ขัดก๊อกน้ำให้เงางาม

         แม้ก๊อกน้ำจะเงางามขนาดไหน แต่ถ้าใช้งานไปนาน ๆ ก็อาจจะหม่นหมองได้ เพราะมีคราบสนิมและคราบน้ำเกาะอยู่ แต่วิธีคืนความเงางามให้ก๊อกน้ำนั้นก็ไม่ยาก แค่หั่นมะนาวครึ่งลูกแล้วนำมาถูทำความสะอาดก๊อกน้ำให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพักก่อนทำความสะอาดซ้ำอีกรอบ เพียงเท่านี้ก๊อกน้ำของคุณก็จะกลับมาเงางามน่าใช้งานอีกครั้งแล้วล่ะ

5. ก้อนน้ำแข็งละลายสิ่งสกปรกบนปากท่อน้ำทิ้ง

         สิ่งสกปรกและเศษอาหารจากการล้างจาน มักเกาะติดและสะสมเป็นคราบอยู่ที่ปากท่อน้ำทิ้ง และส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งบ้าน ซึ่งวิธีแก้ไขนั้นก็ง่ายมาก เริ่มจากนำมะนาวมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำใส่ช่องถาดทำน้ำแข็งช่องละ 1 ชิ้น จากนั้นเทน้ำส้มสายชูลงไปแล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็ง เมื่อส่วนผสมจับตัวเป็นก้อนแล้วให้นำไปวางคาไว้ที่ปากท่อน้ำทิ้งประมาณ 4-5 ก้อน น้ำแข็งจะค่อย ๆ ละลายลงไปล้างทำความสะอาดภายในท่อพร้อมกับช่วยลดกลิ่นเหม็นอับ

6. DIY น้ำยาล้างจานสูตรมะนาว

         แม้น้ำยาล้างจานจากท้องตลาดจะทำให้จานสะอาดได้อย่างง่ายดาย แต่ก็อาจทิ้งสารตกค้างไว้ได้ งั้นเอาอย่างนี้มาลอง DIY น้ำยาล้างจานสูตรน้ำมะนาวใช้เองกันดีกว่าค่ะ โดยผสมน้ำเปล่า ½ ถ้วยตวง กับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง สบู่เหลวมะกอก ¼ ถ้วยตวง น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ และเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากันดี จากนั้นเทใส่ขวดโหล เวลาใช้ให้นำมาผสมน้ำเปล่าครั้งละ 2-3 ช้อนโต๊ะ เพียงเท่านี้จาน-ชามทุกใบก็จะสะอาดเกลี้ยง

7. ลดกลิ่นอับในเตาอบ ป้องกันแมลงวันอพยพมาตอม

         เพราะกลิ่นอาหารภายในเตาอบมันช่างยั่วยวนให้เจ้าแมลงวันบินมาตอมซะเหลือเกิน แก้ไขได้โดยการหั่นมะนาวครึ่งลูกแล้ววางไว้ในเตาอบ ปิดฝาประตูทิ้งไว้ 1 ทั้งคืน จากนั้นเปิดให้เครื่องทำงาน 2-3 นาที แล้วปล่อยให้เครื่องเย็นตัวลงสักพัก ก่อนจะนำมะนาวมาขัด ๆ ถู ๆ ทำความสะอาดภายใน ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดออก เพื่อกำจัดคราบและกลิ่น

8. ขัดเงาเครื่องครัวชิ้นเก่าให้เหมือนใหม่

         สารพัดเครื่องครัวชิ้นเก่าที่ทำจากทองแดง หากเก็บไว้นาน ๆ ก็อาจจะหม่นหมองไม่เงางามอีกต่อไป แต่ถ้าอยากให้มันกลับมาเงางามเหมือนใหม่อีกครั้ง แนะนำให้ใช้มะนาวครึ่งลูกชุบเกลือแล้วนำมาถู เครื่องครัวก็จะกลับมาดูใหม่น่าใช้งานกว่าเดิมอย่างแน่นอน แถมยังเป็นวิธีที่ไม่มีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย

9. ทำความสะอาดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ

         ถ้าไม่อยากให้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำต้องสึกกร่อนก่อนอายุไข เพราะโดนน้ำยาเคมีกัดกร่อน ลองหันมาใช้มะนาวทำความสะอาดแทนดูสิคะ โดยการนำมะนาวที่หั่นลูกไปชุบเกลือ แล้วนำมาถูตามเครื่องสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ในห้องน้ำ เพื่อกำจัดคราบและเชื้อแบคทีเรีย หรือจะนำมาประยุกต์ใช้กับเครื่องเคลือบลายครามต่าง ๆ ก็ได้ค่ะ รับรองสะอาดและปลอดภัยไม่ทำลายพื้นผิวแน่นอน

10. กำจัดคราบสกปรกบนกระเบื้อง

         มุมต่าง ๆ ในบ้านที่ตกแต่งด้วยกระเบื้อง โดยเฉพาะห้องน้ำ และห้องครัวนั้นต้องทำความสะอาดด้วยสูตรธรรมชาติแบบปลอดสารเคมี เพียงแค่คั้นน้ำมะนาว 1/3 ถ้วยตวง มาผสมกับน้ำเปล่า 7 ถ้วยตวง เบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวงให้เข้ากัน จากนั้นนำผ้าผืนหนามาชุบนแล้วเช็ดทำความสะอาดกระเบื้องให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15-20 นาที ค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะเห็นได้เลยว่ากระเบื้องดูสะอาด เงางาม และไร้ร่องดำ

11. แช่สนิมบนมีดให้หายไป

         รู้หรือไม่ว่าการล้างทำความสะอาดมีดก็อาจจะทำให้สนิมก่อตัวได้ หากเราไม่เช็ดให้แห้งก่อนเก็บเข้าที่ ฉะนั้นวิธีล้างสนิมให้หลุดออกจากมีดนั้นไม่ยาก เพียงแค่นำมีดลงไปแช่ในน้ำมะนาว ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วนำมาเช็ดให้แห้ง สนิมก็จะหายไปในทันที

12. คืนความขาวสะอาดให้ผ้าขาวอีกครั้ง

         ถ้าไม่อยากทนใช้งานผ้าขาวที่หม่นหมองเพราะสิ่งสกปรก แนะนำให้นำน้ำเปล่าประมาณครึ่งหม้อขึ้นตั้งเตาเปิดไฟกลาง จากนั้นหั่นสไลด์มะนาวให้เป็นชิ้นแล้วนำลงไปต้มพร้อมน้ำเปล่า รอให้เดือดแล้วปิดไฟ จากนั้นรีบนำผ้าขาวมาแช่ในน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยน้ำไปซักตามปกติ ผ้าก็จะกลับมาขาวเหมือนใหม่แล้วล่ะ

         เห็น ไหมล่ะคะว่าการทำความสะอาดบ้านไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมีเพียงอย่างเดียว เพราะจริง ๆ แล้วทุกบ้านต่างก็มีตัวช่วยเจ๋ง ๆ อย่าง มะนาว ที่สามารถทำความสะอาดได้สารพัด เอาเป็นว่าลองหันมาใช้วิธีทำความสะอาดแบบนี้ดูนะคะ แล้วจะรู้ว่า สะอาดแบบปลอดภัยมันดีอย่างไร


http://home.kapook.com/view154756.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/75505731223999097/