Sunday, November 22, 2015

15 วิธีประหยัดน้ำ เริ่มทำได้ง่าย ๆ เริ่มจากที่บ้าน





        วิธีประหยัดน้ำ เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ให้มีไว้ใช้ได้นานจนถึงรุ่นลูกหลาน แถมยังประหยัดเงินค่าน้ำที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน

         วิธีประหยัดน้ำ สิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แล้วสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้เรียกว่าการช่วยประหยัดน้ำได้หรือเปล่า กระปุกดอทคอมเลยรวบรวม 15 วิธีประหยัดน้ำมาฝากกัน เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำถือเป็นปัญหาเข้าขั้นวิกฤตที่เกิดขึ้นกับทุก ประเทศ ก่อนที่เราจะไม่มีนำไว้ใช้อีกต่อไป แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้อีกทางหนึ่งด้วยนะ 
 

1. เช็คท่อน้ำและก๊อกน้ำ

         รู้ไหมคะว่าน้ำหยดเล็ก ๆ จากท่อน้ำหรือก๊อกน้ำที่ติดตั้งไม่แน่นนั้น ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ซ่อมแซมในแต่ละวันนั้นจะสูญเสียน้ำไปประมาณ 75 ลิตร และถ้าท่อน้ำมีขนาดใหญ่จะเสียน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์ถึง 387 ลิตร คิดูสิคะว่ามันมากมายแค่ไหน
 

2. ไม่ทิ้งขยะลงชักโครก

         การทิ้งขยะลงชักโครกนอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ชักโครกตันแล้วยังเป็นการ สิ้นเปลืองน้ำอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นผ้าอนามัย กระดาษชำระ หรือก้นบุหรี่ที่ถูกท้งลงไป จะต้องใช้น้ำปริมาณมากทีเดียวในการชำระล้างไม่ให้เหลือซาก


3. ตรวจเช็คถังเก็บน้ำชักโครกเสมอ

         หากถังเก็บน้ำชักโครกรั่วจะทำให้มีน้ำไหลลงชักโครกอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นแล้วควรหมั่นตรวจเช็คเป็นประจำ โดยการใส่สีผสมอาหารลงไปในถังเก็บน้ำชักโครกแล้วกดน้ำทิ้ง และหลังจากกดน้ำไปแล้วประมาณ 30 วินาทียังมีน้ำไหลออกมา แสดงว่าถังเก็บน้ำชักโครกชำรุด ต้องรีบซ่อมแซมโดยด่วน
 

4. ปิดน้ำระหว่างแปรงฟัน

         หลาย ๆ คนมักจะเผลอเปิดน้ำขณะแปรงฟัน เพราะคิดว่าคงจะไม่สิ้นเปลืองอะไรมากมาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าการทำเช่นนี้ทำให้เสียน้ำไปถึง 200 แกลลอนหรือ 757 ลิตรโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งเทียบเท่ากับสระขนาดใหญ่ที่สามารถใช้เลี้ยงฉลามได้ถึง 6 ตัวเลยทีเดียว
 

5. ปิดน้ำระหว่างถูสบู่

         จะเปิดน้ำทิ้งไปทำไมหากในระหว่างที่สระผมหรือถูสบู่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงควรปิดน้ำให้สนิทเสียก่อน แล้วค่อยเปิดน้ำอีกครั้งหลังจากชำระร่างกายด้วยสบู่เสร็จ
 

6. อาบน้ำให้เร็วขึ้น

         เพราะในการอาบน้ำแค่ 4 นาทีเท่ากับการใช้น้ำไป 75–150 ลิตร ซึ่งถ้าอาบนานกว่านี้ปริมาณของน้ำที่ต้องใช้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ฉะนั้นแล้วควรอาบน้ำให้เร็วขึ้นอีกนิด ใช้เวลาให้น้อยลง เพื่อช่วยกันประหยัดทรัพยากรน้ำไว้ใช้ในภายภาคหน้า


7. อาบน้ำโดยใช้ฝักบัว

         หลายคนคงชอบนอนแช่ในอ่างอาบน้ำ แต่หลังจากนอนแช่ในอ่างเสร็จก็ต้องมาล้างตัวด้วยน้ำสะอาดอีกรอบอยู่ดี ซึ่งเท่ากับว่าใช้น้ำเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว ฉะนั้นเปลี่ยนมาอาบน้ำโดยใช้ฝักบัวจะช่วยประหยัดได้มากกว่าเยอะเลยง
 

8. เปลี่ยนวิธีล้างจาน

         หลาย ๆ คนอาจจะชินกับการเปิดน้ำไหลผ่านเพื่อล้างฟองสบู่ แต่กว่าจานจะสะอาดก็ต้องเสียน้ำไปมากเหมือนกัน เลยอยากแนะนำให้รองน้ำใส่กะละมังหรือซิงค์เอาไว้ก่อนแล้วค่อยนำจานมาล้าง ซึ่งวิธีนี้ทำให้จานสะอาดมากกว่า แถมยังใช้น้ำในการล้างจานน้อยกว่าด้วย
 

9. ไม่เปิดน้ำไหลผ่านผักและผลไม้

         เช่นเดียวกับการล้างจาน การเปิดน้ำให้ไหลผ่านผักและผลไม้ต้องใช้น้ำเยอะและอาจจะล้างผักผลไม้ได้ไม่สะอาด ฉะนั้นจึงแนะนำให้ล้างโดยการเปิดน้ำใส่ซิงค์หรือกะละมังแล้วนำผักกับผลไม้ แช่ลงไปดีกว่า
 

10. ปลูกหญ้ารอบโคนต้นไม้

         การปลูกหญ้ารอบโคนต้นไม้จะช่วยชะลอการระเหยน้ำ ถ้าบริเวณที่ปลูกต้นไม้มีแค่ดินหรือมีหญ้าเป็นหย่อม ๆ น้ำจะระเหยเร็วมากหลังจากรดน้ำต้นไม้ ทำให้ต้นไม้ได้รับน้ำไม่เพียงพอ เหี่ยวเฉา และต้องรดใหม่อีกรอบ


11. ล้างรถให้ถูกวิธี

         การล้างรถอย่างถูกวิธีก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยประหยัดน้ำได้ โดยการล้างรถจากส่วนบนมาส่วนล่างและใช้ถังน้ำแทนสายยางจะช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า แถมหลังจากนี้ก็จะได้ไม่ต้องตกใจกับค่าน้ำแพง ๆ ในแต่ละเดือนอีกต่อไปแล้วด้วย
 

12. ซักผ้าครั้งละมาก ๆ

         การซักผ้าครั้งละน้อยชิ้นจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมากเพราะต้องทยอยซักเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อนำปริมาณน้ำซักผ้ามาคิดรวมกันแล้วจะมากกว่าการซักครั้งเดียวรวมกัน หลายเท่า ฉะนั้นแล้วควรเก็บไว้ซักพร้อมกันอาจจะซักผ้าแค่ 1 หรือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
 

13. ตรวจสอบมิเตอร์น้ำ

         การตรวจสอบมิเตอร์น้ำเป็นประจำ นอกจากจะช่วยให้รู้ว่าแต่ละเดือนนั้นใช้น้ำไปเท่าไรแล้ว ยังสามารถเช็คน้ำรั่วได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยให้ปิดน้ำแล้วไปเช็คมิเตอร์ ถ้ามิเตอร์ยังเพิ่มแสดงว่ามีน้ำรั่ว และถ้าเจอก็รีบให้ซ่อมแซมเสียนะคะ ก่อนที่จะเสียน้ำไปมากกว่านี้


14. รียูสน้ำซักผ้า

         หลังจากซักผ้าและล้างจานอย่าเพิ่งเทน้ำทิ้ง เพราะสามารถนำไปรดน้ำต้นไม้ต่อได้ แต่แนะนำให้ใช้น้ำสุดท้ายเท่านั้นนะคะ เพราะน้ำจากการซักผ้าและล้างจานครั้งแรก ๆ นั้นมีสารเคมีอยู่ ซึ่งอาจทำให้ต้นไม้เหี่ยวหรือเฉาตาย
 

15. ช่วยกันอนุรักษ์ป่า

         เพราะต้นไม้และป่าเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำ เมื่อต้นไม้ถูกตัดแล้วก็จะไม่มีแหล่งดูดซึมน้ำฝนและก่อให้เกิดสภาวะแห้งแล้ง ตามมา ฉะนั้นเราทุกคนจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ป่าเพื่อรักษาต้นน้ำของเราเอาไว้
 

         เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับวิธีประหยัด 15 วิธีที่เรานำมาฝาก จะเห็นได้ว่าแต่ละวิธีต่างก็เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากอะไร บางวิธีก็เป็นวิธีที่คาดคิดไม่ถึงแต่ก็ช่วยประหยัดน้ำได้มากเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ต้องอาศัยจิตสำนึกของเราทุกคน ฉะนั้นแล้วถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ช่วยกันประหยัดไว้ค่ะ เพื่อช่วยกันอนุรักษ์น้ำไว้ใช้กันนาน ๆ ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน 
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก treehugger eartheasy  และ epa
http://home.kapook.com/view129790.html
เครดิตภาพ http://funmozar.com/water-wallpapers/ 

Friday, November 20, 2015

ทายนิสัยจาก 9 สีประตูบ้าน สีใดที่บ่งบอกความเป็นคุณ !




         เชื่อหรือไม่ว่าแค่สีประตูหน้า บ้านก็สามารถบ่งบอกลักษณะนิสัยของเจ้าของบ้านได้เลยนะ ส่วนสีไหนจะเผยความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้านออกมาได้อย่างไรบ้าง ก็ตามไปลุ้นกันเลย !

          คุณอาจจะเคยได้ยินสำนวนที่ว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" แต่วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับคำว่า "รู้สีประตูหน้าบ้านก็รู้ใจ" กันค่ะ เพราะการสร้างที่อยู่อาศัยต้องตอบสนองความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้านให้ได้มาก ที่สุด ดังนั้นการเลือกใช้สีประตูหน้าบ้านก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่าเจ้าของบ้านมี ลักษณะนิสัยใจคอเป็นอย่างไรกัน เพื่อให้เราได้ลองทำความรู้จักกับเจ้าของบ้านตั้งแต่หน้าประตูก่อนเข้าไปเจอ ตัวจริงในบ้าน

1. ประตูสีเทา

          เจ้าของบ้านที่เลือกใช้ประตูหน้าบ้านสีเทานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนใจเย็นและคิดก่อนทำเสมอ ประกาศตัวยืนอยู่ข้างความยุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร เอาใจใส่ดูแลคนรอบข้างแบบไม่มีขาดตกบกพร่อง จึงทำให้ใคร ๆ ก็ต่างตกหลุมรักเข้าอย่างจัง หากคุณได้มีโอกาสก้าวเข้าไปในบ้านหลังนี้จะรู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองเพราะ พวกเขารักในอิสระเอามาก ๆ


2. ประตูสีเหลือง

          ประตูหน้าบ้านสีเหลืองสามารถบ่งอบอกว่าเจ้าของบ้านเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มีเสน่ห์กับผู้ที่พบเห็น ฉลาดเข้าใจอะไรได้ง่าย มีความมั่นใจในตัวเอง สามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้เป็นอย่างดีเยี่ยม แม้ตัวเองจะมีพื้นที่ส่วนตัวค่อนข้างมากก็ตาม จนคาดเดาได้เลยว่าบ้านหลังนี้ต้องเต็มไปด้วยความสนุกสนานอยู่แล้วมีความสุขแน่นอน


3. ประตูสีเขียว

          สีเขียวคือสีแห่งความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ฉะนั้นหากเจ้าของบ้านคนไหนเลือกใช้ประตูสีเขียวนั้นก็หมายความว่า เขาเป็นคนรักสงบไม่ชอบสร้างศัตรู ถือเอาความยุติธรรมให้นำหน้าไว้ก่อน เป็นที่พึ่งของหมู่มิตร เฉลียวฉลาด รักใครแล้วรักอย่างจริงจังเพียงแต่ไม่ค่อยแสดงออกสักเท่าไร

4. ประตูสีชมพู

          เจ้าของบ้านที่มีประตูหน้าบ้านสีสันสดใสอย่างสีชมพู มักจะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแง่บวก ความรักถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับพวกเขาไม่ว่าความรักนั้นจะเป็นคนรักหรือ คนรอบข้างก็ตามแต่ เป็นคนที่โอบอ้อมอารี อ่อนโยน โรแมนติก และจริงใจมากที่สุดคนหนึ่ง คุณอาจจะหวั่นไหวเอาได้ง่าย ๆ ถ้าได้ลองก้าวเข้าไปในบ้านหลังนี้แล้ว คอยดูสิ!
 
5. ประตูสีม่วง

          ประตูบ้านสีสันโฉบเฉี่ยวอย่างสีม่วงนั้นแสดงถึงว่าเจ้าของบ้านเป็นคนมีไฟและ มุ่งมั่นกับการเดินไปสู่เป้าหมาย มีปัญญาที่เป็นเลิศ ชอบผลิตความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันเจ้าของบ้านที่เลือกใช้ประตูบ้านสีม่วงก็เป็นคนที่ค่อนข้าง หัวโบราณอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นคนยึดติดกับหลักขนบธรรมเนียมแบบเดิม ๆ ในการดำเนินชีวิต

6. ประตูสีส้ม

          หากบ้านไหนเลือกใช้ประตูหน้าบ้านเป็นสีส้มนั้นแสดงว่าเจ้าของบ้านเป็นคนที่ ค่อนข้างร่าเริงแจ่มใส เมื่อเดินเข้าบ้านไปเราจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเพราะเจ้าของบ้านเป็นคนคิด บวก รักและใส่ใจคนรอบข้างเอามาก ๆ มุ่งมั่นในสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ ชอบผลิตความคิดสร้างสรรค์จนทำให้คนรอบข้างต้องรู้สึกประหลาดใจอยู่เสมอ 

7. ประตูสีฟ้า

          ประตูหน้าบ้านไหนที่เป็นสีฟ้าจะสื่อถึงท้องฟ้า ผืนน้ำ และความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยที่ดี อีกทั้งยังสะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้านว่าเป็นคนใจกว้าง ภายนอกอาจจะดูแข็งแกร่งแต่ภายในก็แอบหวั่นไหวอยู่บ้าง อ่อนโยนต่อผู้คนรอบข้าง ดูแลเอาใจใส่เก่ง ถ้าใครได้เป็นคู่จะรู้ว่าเขาหรือเธอคนนี้เป็นคนโรแมนติกเอามาก ๆ เลยล่ะ

8. ประตูสีแดง

          บ้านไหนที่มีประตูบ้านเป็นสีร้อนแรงแบบนี้แสดงถึงว่าเจ้าของบ้านเป็นคนเปิด เผย อัธยาศัยดี มีความเชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง ทำอะไรด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อาจจะดูใจร้อนและอารมณ์รุนแรงไปหน่อยในบางครั้ง แต่ก็เป็นคนที่มีความจริงใจและไว้ใจได้มากคนหนึ่งเลยทีเดียว

9. ประตูสีดำ

          ประตูบ้านสีดำสุดคลาสสิกสามารถบ่งบอกได้ว่าเจ้าของบ้านเป็นคนที่ค่อนข้างลึก ลับซับซ้อน แต่ก็รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ไม่กลัวการเผชิญหน้าในสถานการณ์แปลกใหม่ ผู้คนแปลกหน้า หรือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน นิสัยมาดมั่นทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและแอบทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย แต่บางครั้งก็มีมุมลังเลหรือไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดกับบางสถานการณ์เหมือนกัน


          แต่ลักษณะทั้งหมดที่ว่ามานี้อาจเป็นเพียงแค่การคาดเดาส่วนหนึ่งเท่านั้น เอาไว้ให้คุณใช้เป็นใบเบิกทางสำหรับการทำความรู้จักกับตัวตนของเจ้าบ้าน อย่างน้อย ๆ ก็จะได้รู้ว่าคนที่อยู่หลังประตูบ้านบานนี้มีลักษณะนิสัยอย่างไร 
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodhousekeeping และ houzz
http://home.kapook.com/view130478.html
cr. pic. https://www.pinterest.com/pin/366902700897205453/

Thursday, November 19, 2015

นี่บอกเลย ! 15 สิ่งของซื้อแล้วคุ้ม ใช้ประโยชน์ได้หลายทาง


   


        แม้สินค้าแต่ละตัวจะมีวิธีใช้เขียนไว้ให้บนฉลาก พอเอาเข้าจริง ๆ ของใช้ที่ซื้อแต่ละชิ้นสามารถนำมาใช้งานได้มากกว่านั้นนะรู้กันบ้างหรือ เปล่า ?

          แม้แต่เหรียญยังมี 2 ด้าน แล้วนับภาษาอะไรกับของใช้ธรรมดา ๆ ในบ้านที่สามารถใช้งานได้มากกว่าข้อกำหนดในฉลาก เช่นเดียวกับสิ่งของที่เราคัดสรรมาให้ได้ชมกันในวันนี้ที่ไม่ได้มีข้อจำกัด การใช้งานตายตัว เพราะมันสามารถนำมาทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีกเยอะเลย บอกเลยว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแน่นอน โดยเฉพาะในยุคที่เงินทองหายากแต่ของกลับแพงขึ้นทุก ๆ วันแบบนี้ !


1. หนังยางล็อกกลอนประตู

          คุณพ่อ-คุณแม่ท่านใดที่กังวลว่าลูกน้อยจะเผลอล็อกประตูอยู่ในห้องคนเดียว แนะนำให้หาหนังยางรัดผมเส้นหนา ๆ มาคล้องด้ามจับกลอนประตูด้านหนึ่งแล้วม้วนบิดให้เป็นเกลียวเพื่อไปคล้องกับ อีกด้าน หนังยางจะกั้นกลอนประตูไว้ทำให้ไม่สามารถกดล็อกได้

ภาพจาก theartofed

2. ปลอกหมอนผ้าคลุมเสื้อ

          ไม่ต้องกังวลว่าเสื้อผ้าชุดโปรดจะโดนฝุ่นเกาะอีกต่อไป เพราะแค่นำปลอกหมอนที่ไม่ใช้มาตัดขอบด้านบนให้เป็นช่องใส่หัวไม้แขวน เท่านี้เราก็จะได้ถุงคลุมชุดโปรดสุดประหยัดไว้ใช้กันแล้ว

ภาพจาก  bumblebeelinens 

3. ปลดล็อกซิปด้วยสบู่

          ซิปไหนที่ว่ารูดออกยากให้ลองนำสบู่มาถูทั้งด้านในและด้านนอกดูสิคะ จากซิปที่เปิดยากจนอยากจะเอาสิบล้อมาลาก ก็รูดออกได้ง่าย ๆ เพียงใช้มือดึงลงมาเบา ๆ เท่านั้นเอง





4. คลิปหนีบล็อกหัวปลั๊ก

          อย่าปล่อยหัวปลั๊กพันกันมั่วเด็ดขาดเพราะมันอาจนำมาซึ่งไฟฟ้าลัดวงจรได้หาก ไม่ระวังมากพอ นำคลิปหนีบกระดาษอันใหญ่มาหนีบขอบชายโต๊ะไว้ แล้วนำหัวปลั๊กแต่ละอันเสียบเข้าไปที่ด้ามจับเพื่อล็อกให้อยู่หมัดและเป็น ระเบียบ

ภาพจาก lifehacking   

5. หลอดเก็บสร้อยให้ได้ทรง

          ใครจะยอมให้สร้อยราคาแพง ๆ ต้องพันกันเป็นปมอยู่ในกล่องล่ะ ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นรีบเอาหลอดดูดน้ำอันใหม่มาทำเป็นที่เก็บสร้อยใน ราคาสบายกระเป๋ากันดีกว่า โดยร้อยสร้อยเข้าไปในหลอดแล้วติดตะขอเท่านี้สร้อยก็จะไม่พันกันแล้ว

ภาพจาก hithaonthego 
 
6. หนังสือพิมพ์ขัดเครื่องหนัง

          หนังสือพิมพ์ก็ใช่ว่าจะต้องชั่งกิโลขายเสมอไปให้หยิบบางส่วนเอาออกมาเก็บไว้ เพื่อใช้ประโยชน์กันดีกว่า แค่ขยำให้เป็นก้อนแล้วนำไปขัดเครื่องหนังอย่างรองเท้าหรือโซฟา ความเงางามก็จะกลับคืนมาใสปิ๊งเหมือนซื้อใหม่

ภาพจาก befedagain 

7. สเปรย์น้ำมันแก้บานพับฝืด

          ต่อให้บ้านตกแต่งไว้โมเดิร์นทันสมัยขนาดไหน ถ้ามีเสียงประตูดังเอี๊ยดขึ้นมาเมื่อใดก็จบกันทันที ไม่ต้องไปปรึกษาช่างซ่อมให้วุ่นวาย เพราะเราสามารถนำสเปรย์น้ำมันในครัวมาฉีดแทนจาระบีกลิ่นฉุน ๆ ได้

ภาพจาก mykindofcooking 

8. หมวกอาบน้ำคลุมรองเท้า

          รู้หรือไม่ว่าหมวกอาบน้ำช่วยถนอมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดได้นะ เพียงแค่นำมาครอบใต้รองเท้าไว้ สิ่งสกปรกไหน ๆ ก็ไม่สามารถเข้ามาเกาะรองเท้าของเราได้แล้ว แถมยังช่วยประหยัดที่เก็บได้มากกว่ากล่องใส่รองเท้าเยอะเลย

ภาพจาก mothersniche 

9. แป้งแก้สร้อยพันกัน

          ปัญหาสร้อยพันกันเป็นปมคงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่ยังไงเสียแป้งเด็กก็สามารถแก้ไขได้ ให้นำแป้งเด็กมาโรยลงไปบนปมสร้อยมันจะช่วยทำให้แกะปมสร้อยคอได้ง่ายขึ้น

ภาพจาก jewelry 
 
10. ฟองน้ำขัดก้อนขุยผ้า

          อย่าเพิ่งถอดใจถ้าเจอก้อนขุยผ้าบนเสื้อหนาวแบบถัก ให้รีบไปหยิบฟองน้ำมาถูเบา ๆ ก้อนขุยเหล่านั้นก็จะหลุดหายไปเอง

ภาพจาก larkabout   

11. ที่ขัดเล็บกำจัดคราบบนเครื่องหนัง

          ไม่ว่าจะเครื่องหนังแบบเงาหรือแบบกำมะหยี่ถ้าเลอะคราบแล้วจะหาทางแก้ไขยาก ลำบาก แต่สามารถแก้ไขได้โดยนำตะไบเล็บถูบริเวณที่มีคราบเบา ๆ แล้วสิ่งสกปรกก็จะค่อย ๆ หลุดออกไป แถมยังไม่มีผลกระทบอะไรกับเครื่องหนังอีกต่างหาก

ภาพจาก abeautifulmess 

12. ยาสีฟันไล่กลิ่นหัวหอมที่มือ

          ใครว่ายาสีฟันใช้แปรงฟันได้อย่างเดียว ด้วยคุณสมบัติเย็นหอมชื่นใจจึงทำให้ยาสีฟันสามารถนำมาถูมือดับกลิ่นหัวหอม ฉุน ๆ ชวนน้ำตาไหลหลังซอยหอมได้ค่ะ

ภาพจาก growingupherbal   

3. หวีสางพรม

          เตรียมบ้านรับแขกทั้งทีจะให้ดีต้องจัดการให้เรียบทุกมุมมอง แม้แต่เชือกพรมก็ต้องไม่พันกันเป็นเส้นหมี่ เพียงแค่ใช้หวีซี่ห่าง ๆ มาหวี ขนพรมก็จะคลายตัวออกพลิ้วไหวจนสวยงาม

ภาพจาก rubyrose805 
 
14. จานกระดาษรองกระทะเทฟลอน

          ระวังค่ะอย่าปล่อยให้กระทะเทฟลอนเป็นรอยขีดข่วน มิเช่นนั้นสารเคมีอันตรายจะลงไปปนกับอาหาร แนะนำให้ใช้จานกระดาษรองปิดหน้ากระทะเทฟลอนทุกใบเวลาเก็บซ้อนกันจะได้ไม่ เกิดรอยอันตราย

ภาพจาก largefamiliesonpurpose 

15. ขวดใส่พริกไทยใช้ใส่อาหารสัตว์หรือปุ๋ย

          บรรดาขวดใส่เครื่องเทศและเครื่องปรุงที่มีฝาเปิดแบบรูสามารถผันตัวกลับมาใช้ งานใหม่ได้อีกครั้ง เริ่มจากนำขวดเหล่านั้นไปล้างน้ำให้สะอาดเอี่ยมแล้วใส่ปุ๋ยต้นไม้หรืออาหาร ปลาลงไปแทน ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายไม่ต้องลำบากเททั้งถุง

                                                      ภาพจาก mrshappyhomemaker

          ที่นี้เชื่อกันแล้วใช่ไหมคะว่าสิ่งของเหล่านี้สามารถใช้งานได้หลากหลาย แม้ไม่ได้มีวิธีใช้เขียนไว้ข้างฉลากก็ตาม แล้วอย่าลืมเอาเทคนิคดี ๆ อย่างนี้ไปใช้ให้เกิดผลกันด้วยนะคะ
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodhousekeeping, growingupherbal และ mrshappyhomemaker
http://home.kapook.com/view130671.html

Friday, November 13, 2015

สาเหตุกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เสื้อผ้า พร้อมวิธีกำจัดอย่างตรงจุด !




         มาหาต้นตอของกลิ่นเหม็นสุดจะทนในตู้เสื้อผ้าและวิธีการกำจัดกลิ่นเหม็น นั้นให้หายไป เพื่อคืนความสดชื่นและสดใสให้กับตู้เสื้อผ้ากันเถอะค่ะ

          หลายคนคงกำลัง เจอปัญหาตู้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นกันอยู่ใช่ไหม ? เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแต่หารู้ไม่ว่าหากปล่อยไว้มันอาจจะนำพา มาซึ่งผลเสียอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นเหม็นในตู้ที่ติดไปกับเสื้อผ้าตอนนำมาสวมใส่ แถมยังเป็นตัวทำลายบุคลิกของคุณจนหมดสิ้น ดังนั้นกระปุกดอทคอมจะมาช่วยหาที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์และเผยวิธีการดับ กลิ่นเหม็นในตู้เสื้อผ้าให้หมดไป เพื่อให้คุณเดินออกจากปัญหานี้ได้อย่างถูกต้อง

ที่มาของกลิ่นเหม็นในตู้เสื้อผ้า

1. กลิ่นอับจากรองเท้าลอยฝังลึกตามเสื้อผ้า

          คนรุ่นใหม่ที่ชอบอาศัยอยู่ตามคอนโด ห้องเช่า และอพาร์ทเม้นท์ทั้งหลาย อาจจะต้องเผชิญกับกลิ่นรองเท้าอับ ๆ ที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า เพราะคุณจำเป็นที่จะต้องเก็บรองเท้าเอาไว้ในห้อง บวกกับพื้นที่ในห้องไม่เอื้ออำนวยให้กลิ่นถ่ายเทได้สะดวก กลิ่นรองเท้าจึงไหลเข้าไปติดค้างอยู่ตู้เสื้อผ้า

2. ผ้ายังไม่ทันแห้งก็เก็บมาใส่ตู้ซะแล้ว

          เมื่อย่างเข้าสู่หน้าฝนเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่าผ้าที่ซักตากไว้ต้องแห้งช้า เพราะความชื้นที่มากับฝนและพอฝนมาเราก็ต้องรีบเก็บผ้าทั้ง ๆ ที่ยังไม่แห้งดี เมื่อนำเอาไปใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าความชื้นเหล่านั้นจะก่อตัวขึ้นเป็นเชื้อรา และส่งกลิ่นไปทั่วทั้งตู้

3. ไอระเหยจากเครื่องหอมที่หมดอายุแล้ว

          หลายคนที่กลัวว่าตู้เสื้อผ้าจะมีกลิ่นอับจนทำให้เสื้อผ้าเหม็นตามไปด้วย แล้วแก้ปัญหาด้วยการนำเครื่องหอม อย่างถุงบุหงาและผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นมาวางไว้นานเกินจนมันหมดอายุขัย จากกลิ่นหอม ๆ ที่เคยกระจายออกมาจะกลับกลายเป็นกลิ่นอับที่ออกมาจับเสื้อผ้าแทน
4. ไอเทมชิ้นโปรดที่ใส่ทุกวันนั่นแหละตัวการสำคัญ

          เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีไอเทมชิ้นโปรดที่ใส่บ่อยและไม่ค่อยได้ซัก อย่างเช่น กางเกงยีนส์ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ เสื้อคลุม หมวก และอื่น ๆ อีกมากมาย รู้หรือไม่ว่าไอเทมเหล่านี้คือตัวการส่งกลิ่นคราบเหงื่อ กลิ่นควันรถ กลิ่นอาหาร หรือแม้กระทั่งกลิ่นบุหรี่ให้กระจายไปทั่วทั้งตู้นั่นเอง

5. สัตว์เสี้ยงและสัตว์ที่ไม่ได้รับเชิญก็เพิ่มกลิ่นเข้ามา

          ต้องเริ่มกันที่สัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมาและน้องแมวกันก่อน เพราะพวกเขาได้รับอนุญาตให้คลุกคลีอยู่ในทุก ๆ ส่วนของบ้าน ดังนั้นอย่าคิดว่าพวกเขาจะไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่ามในตู้เสื้อผ้าของคุณเด็ดขาด ส่วนเจ้าสัตว์ที่ไม่ได้รับเชิญอย่างแมลงสาบ หนู มด และอื่น ๆ ที่แอบแฝงตัวเข้าไปซุกซ่อนอยู่ภายในนั่นเอง โดยสัตว์ที่ว่ามาจะส่งกลิ่นสาบที่ตัว กลิ่นฉี่ กลิ่นมูล กลิ่นเศษอาหาร หรืออาจรวมไปถึงกลิ่นซากสัตว์ที่เข้าไปตายให้คลุ้งกระจายอยู่ภายในตู้เสื้อ ผ้า

6. ใช้ตู้เก็บของอเนกประสงค์ส่งกลิ่นน้ำยาไปเกาะผ้า

          ดูเหมือนว่าข้อนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับกลิ่นเหม็นในตู้เสื้อผ้า แต่ตู้พวกนี้ก็มีไว้เก็บผ้าที่ใช้งานทั่วไปในบ้าน ดังนั้นถ้าที่บ้านเก็บผ้าขนหนูและผ้าอเนกประสงค์เอาไว้ในตู้เก็บของ อเนกประสงค์ กลิ่นจากน้ำยาเคมีประเภททำความสะอาดและฆ่าเชื้อก็จะกระจายตัวไปทั่วทั้งตู้ และสิ่งสกปรกจากอุปกรณ์ทำความสะอาดก็จะวนเวียนอยู่ในนั้นเช่นกัน

วิธีกำจัดกลิ่นเหม็นในตู้เสื้อผ้า
1. แขวนเสื้อให้ติดริมหน้าต่างเพื่อปล่อยกลิ่นอับ

          บ้านไหนที่มีเนื้อที่ไม่เพียงพอที่จะใช้ตู้เสื้อผ้า เราขอแนะนำให้ใช้ราวแขวนมาติดตั้งไว้ริมหน้าต่างเพื่อแขวนเสื้อผ้าไล่กลิ่น อับให้ระเหยออกไป แถมเสื้อผ้ายังได้สัมผัสกับไอแดดธรรมดาสร้างกลิ่นสดชื่นให้กับเสื้อผ้าอีก ด้วย หรือใครที่กำลังจะทำความสะอาดตู้ครั้งใหญ่ก็ให้นำเทคนิคนี้ไปใช้เพื่อให้ กลิ่นเหม็นคลายตัวออกจากเสื้อผ้าของคุณ
2. ใส่แผ่นอบแห้งเข้าไปในรองเท้า ดับกลิ่นที่ต้นตอ

          ในเมื่อเราไม่สามารถหาทางเลี่ยงเอารองเท้าไปไว้ที่อื่นได้ ดังนั้นเราต้องดับกลิ่นที่ต้นตอให้สิ้นไป ด้วยการใส่แผ่นอบแห้งเข้าไปในรองเท้าที่ไม่ได้ใส่ และเปลี่ยนแผ่นอบแห้งทุกวัน เจ้ากลิ่นเหม็น ๆ ที่ว่าก็ไม่กล้าไหลผ่านเข้ามาในตู้เสื้อผ้าได้อีก
3. วางสบู่กระจายกลิ่นหอมได้อย่างรวดเร็ว

          ถ้ากลิ่นอับในตู้เสื้อผ้าไม่ได้มีฤทธิ์ร้ายแรงอะไรมากนัก แนะนำให้เอาสบู่กลิ่นที่เราชื่นชอบมาวางไว้ในตู้ เพราะกลิ่นหอม ๆ ของสบู่จะกระจายไปดับกลิ่นเหม็นได้อย่างรวดเร็ว แถมเสื้อผ้าในตู้ยังหอมได้ดั่งใจพร้อมใช้งานอีกต่างหาก
4. ฉีดน้ำหอมลงถังซักผ้า

          ถ้าเสื้อผ้าของคุณได้รับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากในตู้ไปซะแล้ว แนะนำให้เอาเสื้อผ้าทั้งหมดไปซักและให้รีบฉีดน้ำหอมลงไปในถังเมื่อถึงการซัก น้ำสุดท้าย เสื้อผ้าของคุณก็จะกลับมาหอมชื่นใจได้อีกครั้ง
5. หาเวลาว่างชำระล้างแหล่งส่งกลิ่นในบ้าน

          บางครั้งกลิ่นจากในตู้เสื้อผ้าก็ไม่ได้มาจากตู้เสื้อผ้าเสมอไป ปัจจัยภายนอกก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กลิ่นเข้าไปอยู่ในตู้ได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงควรหาเวลาว่างเพื่อเช็ดล้างตั้งแต่พัดลม เครื่องปรับอากาศ รองเท้า และตู้เสื้อผ้าบ้าง เพื่อให้แน่ใจได้ว่าแหล่งเหล่านี้ไม่ใช่ตัวการใหญ่ของกลิ่นเหม็นในตู้เสื้อ ผ้าอีก
6. ทำที่ดับกลิ่นจากผลส้มและกานพลู

          หากคุณไม่ชอบใจนักกับผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นแบบเคมีและอยากได้กลิ่นธรรมชาติเข้า มาช่วยเหลือแทน ให้เอาผลส้มมา 1 ลูก แล้วนำกานพลูไปเสียบให้ทั่วทั้งผล เพื่อวางไว้ดับกลิ่นเหม็นในตู้เสื้อผ้า เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เราจะสังเกตได้เลยว่ากลิ่นเหม็นหายไปและมีกลิ่นหอม แบบธรรมชาติเกิดขึ้นแทน
7. อย่าถอดเสื้อผ้าเปื้อนวางทับเสื้อผ้าสะอาด

          หากที่บ้านคุณมีการเก็บเสื้อผ้าแบบพับใส่ตะกร้าเพื่อรอการเก็บเข้าตู้ เราขอแนะนำว่าอย่าเผลอถอดผ้าเปื้อนทับลงไปบนกองเสื้อสะอาดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นกลิ่นเหม็นจะลงไปจับที่ผ้าดีและรอไปกระจายตัวในตู้เสื้อผ้า
8. แขวนเครื่องหอมในตู้และเปลี่ยนใหม่เมื่อหมดอายุ

          อีกหนึ่งวิธีที่เราพอจะทำได้นั่นก็คือ การแขวนเครื่องหอมหรือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นไว้ในตู้เสื้อผ้า และจดจำวันหมดอายุให้ดีเพื่อทำการเปลี่ยนเอาอันใหม่เข้าไปแขวนแทน เพราะถ้าเราลืมเปลี่ยนกลิ่นอับเมื่อเครื่องหอมสิ้นอายุขัยก็จะออกมาจับที่ เสื้อผ้าแทน

          เมื่อ รู้อย่างนี้แล้วก็อยากให้คนที่กำลังเผชิญปัญหาตู้มีกลิ่นเหม็นรีบนำเอาวิธี เหล่านี้ไปใช้กันโดยด่วน เพราะเสื้อผ้าที่คุณสวมใส่คือบุคลิกที่ทำให้คุณมั่นใจพร้อมทำสิ่งต่าง ๆ ในระหว่างวัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  howtocleanstuff และ wikihow
http://home.kapook.com/view128004.html
 รูปนี้โพสต์โดย wareepornoil เมื่อ 26 พ.ค. 58 11:13:56 จาก URL นี้ : www.shelterness.com