Tuesday, June 30, 2015

10 วิธีกำจัดปลวกจอมแทะในบ้านให้สิ้นซาก


          วิธีกำจัดปลวกที่แอบซ่อนอยู่ในบ้านให้ตายยกรังไม่ใช่เรื่องยาก และวิธีกำจัดปลวกก็ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทกำจัดปลวกเสมอไป เพราะการกำจัดปลวกให้หมดไปจากบ้านทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ

          ปลวกในที่นี้ไม่ได้เป็นคำแซวใครนะจ๊ะ แต่เป็นน้องปลวกตัวจิ๋วที่ทรงพลังมากพอจะพังบ้านไม้ได้เป็นหลัง ๆ เลยทีเดียว และใครก็ตามที่เพิ่งค้นเจอรังปลวกอยู่ในบ้านก็ต้องรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กันเป็นแถวแน่นอน เพราะถ้าขืนปล่อยปลวกให้แทะไม้ในบ้านเราได้อย่างสบายอารมณ์ ไม่วันใดก็วันหนึ่งบ้านคงพังทลายลงในไม่ช้า ฉะนั้นเราก็มาทำตามวิธีกำจัดปลวกในบ้านอย่างง่าย ๆ ตามนี้กันเถอะ

 1. เช็คสภาพไม้ก่อน

          หากสังเกตเห็นว่าไม้เป็นรูคล้ายโดนปลวกแทะ หรือเห็นซากไม้เป็นผงเกลื่อนพื้นตรงบริเวณที่ไม้เป็นจุด นั่นอาจจะแปลได้ว่า ตอนนี้รังปลวกได้บุกมาแทะไม้บ้านคุณแล้วจริง ๆ ทว่าถึงอย่างนั้นเราก็ต้องเช็กว่าเป็นปลวกตัวจริงเสียงจริงแน่หรือเปล่า โดยการเคาะดูก่อนก็ได้ หากได้ยินเสียงก้องหรือรู้สึกถึงความโหรงเหรงภายใต้พื้นไม้ อาจจะฟันธงไปได้เลยว่าเจอปลวกแน่แล้ว ทว่าหากยังไม่แน่ใจสามารถใช้สว่านเจาะเข้าไปตรงบริเวณที่เป็นรูก็ได้ หากเศษไม้หลุดออกมาเป็นแผ่นอย่างง่ายดายก็แปลว่าใช่เลย เตรียมกำจัดปลวกได้แล้วจ้า

2. รู้จักชนิดของปลวก

          เราสามารถแบ่งแยกประเภทของปลวกในบ้านออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ซึ่งก็คือ ปลวกใต้ดินกับปลวกไม้แห้ง โดยปลวกทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีลักษณะการทำลายไม้่ที่ต่างกัน หากเป็นปลวกใต้ดินจะแทะไม้จากด้านในออกมาด้านนอก สร้างความเสียหายกับไม้เกือบทั้งหมด ส่วนปลวกไม้แห้งจะแทะกินเฉพาะเนื้อไม้ด้านใน โดยเว้นเนื้อไม้ด้านนอกไว้บาง ๆ ทำให้เหมือนไม้ไม่ได้ถูกทำลายไปสักนิดเดียว ดังนั้นแม้จะเห็นสภาพไม้ภายนอกดูไม่เป็นร่องเป็นรูก็อย่าไปไว้ใจเชียว

3. สร้างกับดักล่อปลวก

          ขั้นแรกให้หาไม้กระดานแผ่นเรียบขนาดใหญ่พอประมาณ พรมน้ำให้ชื้น ๆ แล้วไปติดไว้ใกล้จุดที่ปลวกแอบซุ่มอยู่ ทิ้งไว้สักพัก (หรืออาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย) เหยื่ออันโอชะที่เราติดไว้จะถูกปลวกรุมแทะอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นให้คุณรีบนำแผ่นไม้ไปเผาทิ้งทันที วิธีกำจัดปลวกอย่างนี้จะช่วยลดจำนวนปลวกในบ้านไปได้เยอะพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการกำจัดปลวกอย่างสิ้นซากนะคะ

4. เลี้ยงไส้เดือนฝอย

          ไส้เดือนฝอยจะช่วยกำจัดปลวกใต้ดินให้เราได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นคุณควรหาซื้อไส้ดินฝอยมาเลี้ยงไว้ในสวนบ้าง เพื่อให้ไส้เดือนฝอยช่วยจับปลวกมาเป็นอาหาร ลดประชากรปลวกในบ้านไปได้เยอะเลยทีเดียว

5. กำจัดปลวกด้วยแดดแรง

          ปลวกเก่งเฉพาะในที่มืดเท่านั้นล่ะค่ะ พอเจอแดดแรง ๆ เข้าหน่อยก็สิ้นชีพกันแล้ว ดังนั้นหากเฟอร์นิเจอร์ของคุณโดนปลวกบุกรุกจนเกือบแย่ ให้รีบนำเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นนั้นมาตากแดดจัด ๆ ประมาณ 2-3 วัน เพื่อกำจัดปลวกให้หมดไป

6. เปิดฮีทเตอร์กำจัดปลวก

          ฮีทเตอร์อาจเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความจำเป็นกับบ้านเราเลย แต่กลับมีประโยชน์กับการกำจัดปลวกสุด ๆ เพราะปลวกเองก็กลัวความร้อนอยู่เหมือนกัน ดังนั้นในจุดที่ไม่สามารถยกไปตากแแดดได้ก็จัดการเปิดฮีทเตอร์เผาปลวกซะเลย

7. ลดความชื้นในบ้าน

          เมื่อไม้เจอกับความชื้นก็เข้าทางปลวกอย่างจัง ไม่เชื่อลองสังเกตตรงบริเวณที่มักมีปัญหาปลวกดูก็ได้ค่ะว่า ส่วนนั้นมีความชื้นค่อนข้างสูงด้วยกันทั้งนั้น อย่างนี้ก็แสดงว่าหากเราสามารถลลดความชื้นภายในบ้านได้ ก็เท่ากับช่วยป้องกันบ้านจากปลวกได้อีกทาง โดยการลดความชื้นที่ว่านี้อาจจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หมั่นเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เปิดม่านให้แสงแดดส่องถึง และติดตั้งเครื่องดูดความชื้นในกรณีที่บ้านคุณมีความชื้นค่อนข้างสูง หรืออยู่ในจุดที่ค่อนข้างอับ

8. ฉีดยาฆ่าปลวก

          หากปลวกเพิ่งจะมาทำรังในบ้านคุณในวงแคบ ๆ อาจกำจัดไปได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ยาฉีดปลวกที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปกำจัดปลวกซะ ทั้งนี้ก่อนฉีกควรเปิดหน้าต่างให้โล่ง จัดพื้นที่ให้มีอากาศถ่ายเท และสวมหน้ากากและถุงมือเพื่อความปลอดภัยด้วยทุกครั้ง

9. อุดรูปลวก

          ตามผนังกำแพงหรือจุดไหนในบ้านที่เป็นรอยแยก เกิดความชำรุดเสียหายให้รีบซ่อมแซมโดยด่วน โดยอาจจะฉาบปูนเข้าไปใหม่หรือยาแนวให้แน่นหนา เพราะไม่เพียงแต่ร่องรอยแยกเหล่านี้จะเป็นช่องทางของปลวกเท่านั้น แต่มด แมลงสาบ และแมลงชนิดอื่น ๆ อาจใช่ช่องทางเดียวกันนี้เข้ามาบุกรุกบ้านคุณก็ได้

10. พึ่งบริษัทกำจัดปลวก

          ในกรณีที่รู้ตัวอีกทีก็เจอปัญหาปลวกลามไปเกือบทั้งบ้านแล้ว การกำจัดปลวกอาจเกินกำลังเราไปนิด ดังนั้นควรยกหน้าที่นี้ให้กับบริษัทกำจัดปลวกมืออาชีพ ซึ่งเขาจะมีวิธีและอุปกรณ์ในการซอกซอนไปกำจัดปลวกถึงรังให้สิ้นซากได้ดีกว่า เรา

          ปัญหาปลวกไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ดังนั้นหากคุณเจอปัญหาปลวกภายในบ้านก็อย่านิ่งดูดายนะคะ นำวิธีกำจัดปลวกเหล่านี้ไปใช้กันได้เลย

Tuesday, June 16, 2015

7 เรื่องง่าย ๆ ที่ช่วยให้บ้านสะอาดขึ้นได้



           ถึงแม้การทำความสะอาดอาจจะไม่ใช่เรื่องที่หลาย ๆ คนชอบ เผลอ ๆ จะเป็นเรื่องที่เกลียดซะด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าใครก็ต้องชอบบ้านสะอาดน่าอยู่ทั้งนั้นแหละจริงไหมคะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณขี้เกียจทำงานบ้านแต่อยากให้บ้านที่คุณรักสะอาดบ้างล่ะก็ ควรใส่ใจปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้บ้านเรียบร้อยและน่าอยู่มากขึ้นโดยไม่ต้องทำงานบ้านบ่อย ๆ ให้ยุ่งยาก เพราะการทำความสะอาดบ้านอยู่เป็นประจำจะไม่ทำให้ฝุ่นผงหรือความรกไม่เป็น ระเบียบต่าง ๆ สะสมจนพอกพูนนะคะ ถ้าอยากรู้เคล็ดลับดี ๆ แล้วล่ะก็ ต้องไปดูกันเลย

1. ถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน

          วัน ๆ หนึ่งคุณใส่รองเท้าออกไปลุยหลายที่ซึ่งแสนจะสกปรก จึงไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่จะเอารองเท้าของคุณใส่เดินย่ำไปมาในบ้านด้วย โดยเฉพาะในวันฝนตกที่ร้องเท้าเปียกชุ่มเป็นรอยเลอะตามพื้น คุณจึงควรถอดรองเท้าออกให้เรียบร้อยก่อนเข้าบ้านแล้วจึงถือเข้ามาเก็บในตู้ เก็บรองเท้าทุกครั้ง นอกจากนี้ควรวางพรมเช็ดเท้าไว้ใกล้ ๆ ประตู เพื่อให้คุณได้เช็ดก่อนเดินเข้ามาในบ้านด้วย และถ้าหากรองเท้าของคุณเปียกเลอะเทอะกลับมา นอกจากจะถอดรองเท้าก่อนก้าวเข้าบ้านแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาดก่อนเก็บเข้าตู้ด้วยนะคะ

2. ดูดฝุ่นเป็นประจำ

          ไม่ต้องรอถึงเวลาทำความสะอาดใหญ่ในช่วงวันหยุด คุณก็ควรดูดฝุ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวันอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในจุดที่สกปรกเป็นพิเศษ เช่น ที่นอนของสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ฝุ่นจะได้ไม่เกาะหนาจนทำความสะอาดยากเกินไป ทั้งนี้คุณไม่จำเป็นต้องสละเวลามานั่งดูดฝุ่นทั้งวันหรอก แค่ใช้เวลาดูดฝุ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วงพักโฆษณาระหว่างดูทีวีก็พอแล้ว

 
3. เช็ดกระจกทุกครั้งหลังอาบน้ำ

          ถ้าห้องน้ำบ้านคุณเป็นแบบที่ใช้ตู้อาบน้ำกระจกแทนการใช้อ่างอาบน้ำ คุณก็ควรแขวนที่ปาดกระจกไว้ที่เดียวกับที่คุณวางพวกสบู่แชมพูเลย แล้วให้สมาชิกในบ้านทุกคนปาดกระจกให้เรียบร้อยหลังอาบน้ำเสร็จ คราบหยดน้ำและสบู่จะได้ไม่ติดแน่นจนเช็ดออกยากและจะได้ไม่เป็นเชื้อราด้วย แต่ถ้าหากไม่มีที่ปาดกระจกล่ะก็ ลองใช้ผ้าผืนเล็ก ๆ ที่หาได้ง่าย เตรียมเอาไว้เช็ดคราบสกปรกแทนกันก็ได้ค่ะ

4. เช็ดอ่างล้างหน้าหลังแปรงฟัน

          คุณควรติดทิชชูเปียกไว้ในห้องน้ำใกล้ ๆ อ่างล้างหน้าด้วย และหลังแปรงฟันล้างหน้าเสร็จแล้ว ก็ควรใช้ทิชชูเปียกเช็ดตามอ่างล้างหน้าทุกเช้า จะได้กำจัดคราบยาสีฟันหรือเส้นผมที่ติดตามอ่างออกไปได้บ้างก่อนที่จะแห้งติดจนเช็ดออกยาก แต่ถ้ากลัวเปลืองจะเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วก็ไม่ว่ากันนะคะ ประหยัดไปอีกแบบหนึ่งด้วย
 
5. ทำความสะอาดอ่างล้างหน้าโดยไม่ต้องขัด

          หลังจากเช็ดเส้นผมและคราบต่าง ๆ ออกหมดแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงขัดนาน ๆ เพื่อให้อ่างล้างหน้าสะอาดหรอก เพียงแค่คุณใช้จุกอุดไว้ แล้วเอาน้ำส้มสายชูสัก 1 ถ้วยเทใส่ไว้ในอ่าง ก่อนจะเปิดน้ำเติมจนเต็มอ่าง และแช่ทิ้งไว้ข้ามคืน เท่านี้ก็จะช่วยให้อ่างล้างหน้าของคุณสะอาดเหมือนใหม่ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องยุ่งยากแล้วล่ะ

6. เคลียร์ตู้เย็นเล็ก ๆ น้อย ๆ

          ถ้าขี้เกียจหาเวลามานั่งจัดระเบียบตู้เย็นบ่อย ๆ อย่างน้อยคุณก็ควรคัดของที่หมดอายุออกไปทุกครั้งที่เปิดตู้เย็นเพื่อแช่ของที่ซื้อเข้ามาใหม่เป็นประจำ จะได้ช่วยให้มีที่ใส่ของในตู้เย็นเพิ่มมากขึ้น และคุณกับสมาชิกในบ้าน ก็จะได้ไม่เผลอกินของหมดอายุเข้าไปจนเป็นอันตรายด้วยนะ
 
7. เก็บของให้เป็นที่

          การเก็บของให้เป็นที่เป็นทางแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณหาของได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ แถมยังช่วยให้บ้านดูมีระเบียบน่ามองขึ้นอีกด้วย ดังนั้นควรเก็บของให้มองหาได้สะดวกเข้าไว้ โดยเก็บของที่ใช้ด้วยกันไว้ใกล้ ๆ กัน เช่น เก็บกุญแจบ้านไว้ข้างประตู และวางรีโมทไว้ข้างโทรทัศน์ทุกครั้งหลังใช้เสร็จ เป็นต้น

          เห็นไหมคะว่าวิธีทำความสะอาดบ้านเหล่านี้เป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ เลยล่ะ ลองไปทำตามนี้ดูนะคะ ไม่แน่ว่าอาจช่วยให้บ้านสะอาดมีระเบียบมากขึ้นจนคุณอยากกลับมาใช้เวลาพักผ่อนที่บ้านบ่อยขึ้นเลยก็ได้


เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/171770173280789998/








Sunday, June 14, 2015

ซ่อมบ้านเรื่องเล็กที่คุณทำได้ ด้วยของใช้ใกล้ตัว




       บ่อยครั้งที่อุปกรณ์และของใช้ในบ้าน ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน สามารถช่วยแก้ปัญหารวมถึงอำนวยความสะดวกเรื่องต่าง ๆ ให้เราได้ไม่น้อย แต่เป็นเพราะเราไม่เคยเห็นถึงประโยชน์ใช้งานอื่น ๆ ของมันเท่าไร เราจึงไม่รู้ว่าเพียงแค่ของใช้ชิ้นเล็ก ๆ ก็สามารถช่วยซ่อมแซมของใช้ในบ้านได้ด้วย ซึ่งปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านเราก็สามารถซ่อมแซมและแก้ไขได้เองง่าย ๆ ด้วยของใช้ต่อไปนี้ค่ะ

1. อุดรูรั่วฝักบัวและสายยางด้วยไม้จิ้มฟัน

          ฝักบัวหรือสายยางที่รั่ว เราก็ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อใหม่ให้เปลืองเงินในกระเป๋า เพราะเจ้าไม้จิ้มฟันอันจิ๋วสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เราได้ชิล ๆ เพียงแค่นำไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปตรงจุดรั่วของฝักบัวหรือสายยาง จากนั้นก็หักเอาไม้จิ้มฟันส่วนเกินออก และไม่ต้องกลัวว่าเมื่อเราเปิดก็อกน้ำแล้วแรงดันน้ำจะผลักเอาเศษไม้จิ้มฟัน ที่เราอุดไว้ออกมา เพราะเมื่อไม้จิ้มฟันโดนน้ำ ก็จะบวมจนอุดรูรั่วได้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้งานสายยางและฝักบัวได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องเสีย เงินสักบาทแล้วล่ะ

2. ถุงน่องช่วยซ่อมมุ่งลวด

          หากหน้าต่างมุ้งลวดที่บ้านเกิดขาดเป็นรู ก็ไม่ต้องทนเสี่ยงให้ยุงและแมลงบินเข้ามากัดเราอีกต่อไปแล้ว เพราะถุงน่องของคุณสาว ๆ สามารถช่วยเราซ่อมแซมมุ้งลวดที่ขาดได้ง่าย ๆ โดยตัดถุงน่องให้มีขนาดพอ ๆ กับขนาดของรูที่ขาด จากนั้นใช้กาวซีเมนต์ทาให้ทั่วรูรั่ว และก็นำถุงน่องที่ตัดไว้ไปแปะทับ หรือถ้าต้องการความทนทานกว่านี้ แนะนำให้เย็บด้วยเข็มและด้ายเลยค่ะ

3. ป้องกันนิ้วมือจากค้อนด้วยไม้หนีบผ้า

          เชื่อได้ว่าหลายคนเคยตอกตะปูด้วยตัวเอง แล้วพลาดใช้ค้อนทุบลงบนมือโดยไม่ทันได้ระวัง แต่นับจากวันนี้ต่อไป จะไม่เกิดอุบัติเหตุน่าเจ็บใจแบบนี้ขึ้นอีกแล้วล่ะ เพราะถ้าหากจะต้องใช้ค้อนตอกอะไรสักอย่าง แนะนำให้คุณใช้ที่หนีบผ้า (ชนิดไม้จะดีที่สุด) หนีบนิ้วมือเอาไว้ก่อน เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันแรงทุบจากค้อนได้ระดับนึงแล้วล่ะค่ะ แต่ทางที่ดีที่สุด ก็ต้องอาศัยความระมัดระวังจากตัวคุณเองด้วยนะ

4. สายยางช่วยเคลียร์รางน้ำฝน

          ปกติรางน้ำฝนจะมีเศษใบไม้และเศษขยะเกะกะอยู่เต็มไปหมด ทำให้ระบายน้ำฝนได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะหน้าฝน ที่มีฝนตกอยู่บ่อย ๆ อย่างทุกวันนี้ ถ้ารางน้ำอุดตันก็คงจะสร้างปัญหาให้เราอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเรามาเคลียร์รางน้ำฝนให้โล่งสะอาดด้วยสายยางดีกว่า เพียงแค่ใช้สายยางเปล่า ๆ ดันสิ่งสกปรกให้ร่วงหล่นจากรางน้ำฝนโดยไม่ต้องเปิดก็อก เท่านี้เศษสกปรกที่อุดตันรางน้ำฝนอยู่ก็จะหมดไปได้อย่างง่ายดายแล้วค่ะ

5. คงสภาพสีพื้นปูนซีเมนต์ด้วยน้ำส้มสายชู

          พื้นปูนซีเมนต์ที่มีการทาสี เมื่อเวลาผ่านไปมักจะเกิดการหลุดลอกดูไม่สวยงาม แต่เราก็สามารถป้องกันปัญหานี้ได้ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูทารองพื้นไปก่อน ปล่อยให้แห้งแล้วค่อยทาสีที่ต้องการทับลงไปอีกครั้ง หรือถ้าเป็นสีพลาสเตอร์ ก็ผสมน้ำส้มสายชูลงไป 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้สีพลาสเตอร์มีความยืดหยุ่น ติดคงทนมากขึ้น นอกจากนี้น้ำส้มสายชูยังสามารถขจัดคราบสนิมบนเครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างหมดจด โดยนำเครื่องมือที่เกิดสนิม จุ่มลงไปในน้ำส้มสายชูให้ท่วม ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน คราบสนิมก็จะหายไป เหลือแต่เครื่องมือที่ดูใหม่ขึ้นกว่าเดิมจ้า

6. ซ่อมผนังไวนิลด้วยเทปกาว

          ผนังไวนิลที่หลุดลอกเนื่องจากน้ำฝนและแสงแดด ก็ไม่จำเป็นต้องลอกและติดตั้งใหม่ให้เสียเวลาและเงินในกระเป๋า เพราะเพียงแค่ใช้เทปกาวที่มีสีใกล้เคียงกับสีผนังไวนิล มาติดทับไว้ แล้วเกลี่ยด้วยมือ หรือไม้บดขนมปังให้เรียบสนิท เท่านี้ก็จะไม่เห็นรอยตำหนิบนผนังไวนิลแล้วล่ะนอกจากนี้เรายังสามารถใช้เทป กาวพันเศษแก้วที่ตกแตก เพื่อป้องกันเศษแก้วบาดได้อีกด้วย

7.  แก้ปัญหาไส้กรองตู้เย็นอุดตันด้วยหลอดดูดยา

          ถ้าตู้เย็นของคุณมีน้ำหยดก็แสดงว่า ไส้กรองน้ำที่อยู่ด้านหลังตู้เย็นของคุณเกิดการอุดตัน ซึ่งเราก็สามารถแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้หลอดดูดยา ดูดน้ำร้อนแล้วฉีดใส่เข้าไปทำความสะอาดไส้กรอง จากนั้นก็ใช้หลอดดูดแอมโมเนียประมาณ 2 ช้อนชา ฉีดใส่เข้าไปในไส้กรองเพื่อกำจัดคราบสกปรกที่อุดตันท่ออยู่  เท่านี้ก็เรียบร้อยจ้า

8. ติดฝ้าเพดานด้วยกล่องกระดาษ

          หากฝ้าเพดานบ้านเกิดชำรุด แนะนำให้ใช้กล่องกระดาษหุ้มด้วยพลาสติก แล้วนำไปวางไว้ที่ใต้ฝ้าเพดาน เป็นการซ่อมแซมชั่วคราวเพื่อไม่ให้เพดานมีช่องโหว่ จากนั้นค่อยตามช่างมาซ่อมแซมแบบถาวรให้ภายหลัง เพียงเท่านี้ก็สามารถยืดระยะเวลาเสียเงินในกระเป๋าตังค์เราไปได้อีกระยะ หนึ่งแล้วนะคะ


          ของใช้ในบ้านที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน หรือแม้กระทั่งใช้กันอย่างคุ้นมือ ต่างก็มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าที่เราคิด อย่างอุปกรณ์ประจำบ้านที่เรานำเสนอให้ดู ก็สามารถช่วยซ่อมแซมและลดค่าใช้จ่ายให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ ลองไปทำตามกันดูนะจ๊ะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Saturday, June 13, 2015

15 วิธีคลายร้อนให้บ้านของคุณ






        ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะอยู่แต่ในบ้าน เพื่อให้ไม่ต้องไปเจอกับแดดร้อน ๆ ที่เผาจนผิวแทบไหม้ในตอนกลางวัน แต่อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นก็อาจทำให้เราต้องช็อกกับบิลค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจจาก การเปิดแอร์ทั้งวันได้เช่นกัน

          ดังนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขออาสานำเคล็ดลับดี ๆ ในการคลายร้อนให้กับบ้านของคุณโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายมาฝาก ลองไปอ่านกันดูเลย...

     
 1. เปลี่ยนผ้าม่านของคุณเป็นม่านแบบโซล่าร์ ซันสกรีน ชั่วคราว เพื่อจะได้ช่วยกันแสงแดดได้ดีขึ้น ในขณะที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีเหมือนเดิม

     
 2. ใช้ฟิล์มกรองแสงเคลือบหน้าต่างห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก และตะวันออก เพื่อกันแสงแดดแรง ๆ ที่จะส่องเข้ามาในบ้าน

     
 3. ติดกันสาดเฉียงประมาณ 45 องศาบริเวณหน้าต่าง เพื่อลดแสงแดดที่เข้ามาในห้องได้ถึง 65 - 77 %

      4. เลือกใช้หลังคาสีอ่อนและพ่นฉนวนกันความร้อนอีกชั้น จะช่วยกันความร้อนที่แผดเผาเข้ามาผ่านหลังคาได้ดีขึ้น

     
 5. ใช้สีสว่าง เช่น สีขาวแต่งห้อง จะได้ไม่ดูดความร้อนเหมือนสีเข้ม ๆ เช่น สีดำ

     
 6. ปลูกต้นไม้บริเวณหน้าบ้าน และหาไม้ประดับเล็ก ๆ มาไว้ในบ้าน โดยเฉพาะในห้องที่อยู่ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เพื่อให้อากาถ่ายเทได้มากขึ้น
 
     
 7. ทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนเป็นพิเศษ

     
 8. เลือกซื้อพัดลมแบบติดเพดาน อากาศในห้องจะได้ถ่ายเททั่วถึงมากขึ้น โดยไม่ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงมากนัก

     
 9. ใช้หลอดไฟแบบตะเกียบ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้ความร้อนในห้องลดลงด้วย

     10. พยายามอย่าเปิดหน้าต่างในช่วงกลางวัน ลมร้อนจากข้างนอกจะได้ไม่เข้ามาสะสมภายในบ้าน

     
 11. หากคุณไม่คิดจะเปิดแอร์ตอนกลางคืน ก็ควรเปิดหน้าต่างไว้ เพื่อให้ลมเย็นในช่วงกลางคืนเข้ามาในบ้าน

     
 12. อย่านำเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ไปไว้ใกล้ ๆ เครื่องปรับอากาศ เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น จนประสิทธิภาพลดลง

     
 13. พยายามใช้ไมโครเวฟ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง แทนเตาแก๊ส ที่จะทำให้ไอร้อนอบอวลอยู่ในบ้าน

     
 14. เปิดประตูห้องน้ำ และห้องนอน ไว้เสมอ จะช่วยให้อากาศในบ้านถ่ายเทมากขึ้น

     
 15. ใช้กระเบื้อง หรือหินอ่อนปูชั้นล่าง เพราะกักเก็บความเย็นจากพื้นดินได้เป็นอย่างดี


          เพียงแค่ทำตาม 15 เทคนิคง่าย ๆ นี้ ก็จะช่วยให้บ้านของคุณคลายร้อนลงได้มาก ลองเลือกดูข้อที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ แล้วนำไปลดความร้อนให้บ้านกันนะจ๊ะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, June 10, 2015

10 เรื่องที่ควรจ่ายและควรเลี่ยง เพื่อการใช้เงินอย่างคุ้มค่า



           ไม่อยากให้เงินที่จ่ายไปต้องเสียเปล่า ต้องมาดู 10 เรื่องต่อไปนี้ แค่เลือกจ่ายให้เป็นก็ได้ความรู้ดี ๆ เป็นของแถมนะจะบอกให้

           หลาย ๆ คน มักจะคิดว่าเงินที่เราได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเรานั้น ถ้าหากเรานำไปใช้ในสิ่งที่เราต้องการนั่นเรียกว่าการใช้เงินอย่­­­­างคุ้ม ค่า จะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดค่ะ แต่แน่ใจได้อย่างไรว่าการใช้จ่ายเงินของคุณนั้นคุ้มค่าที่สุดแล­­­­้ว ถ้ายังไม่แน่ใจละก็ลองดูที่ lifehack.org นำมาฝากกันดีกว่า เช็กกันสิว่าเรื่องไหนที่คุ้มค่าต่อเงินที่คุณจ่ายไป และเรื่องไหนที่ควรจะเพลา ๆ ลงเสียบ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องกุมขมับกับหนี้ สินที่ไม่สิ้นสุดค่­ะ

5 เรื่องที่ควรเลี่ยงใช้จ่าย ถ้าไม่อยากเงินหมดกระเป๋า

1. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

           แม้ในสมัยนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลาย ๆ ชนิดจะมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องใช้เงินไปกับการหาซื้ออุปกรณ์ท­­­­ี่รุ่นใหม่กว่าอยู่เสมอ ๆ ของที่คุณซื้อวันนี้อาจจะเป็นรุ่นใหม่ก็จริง แต่เมื่อถึงปีหน้า เมื่อรุ่นที่ใหม่กว่านี้และดีกว่านี้มาถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่คุณคิดว่าเป็นรุ่นใหม่ก็จะกลายเป็­นรุ­่นเก่า และถ้าหากคุณตามซื้อของเหล่านี้ไปเรื่อย ๆ บอกได้เลยว่าเงินหมดกระเป่าแน่นอน แถมยังใช้ของไม่คุ้มอีกด้วย


2. ของแต่งบ้าน

           ใครที่ชอบตามเทรนด์แต่งบ้านด้วยการซื้อของแต่งบ้านที่เห็นตามนิ­­­­ตยสารมาประดับบ้านละก็ ขอบอกเลยว่าให้หยุดเสียเถิด แม้ว่าของเหล่านี้จะช่วยทำให้บ้านดูสวยขึ้น แต่ถ้าหากซื้อมาก ๆ เข้าก็เปลืองเงินไม่ใช่น้อย ซึ่งถ้าหากคุณอยากจะแต่งบ้านด้วยของแต่งบ้านเหล่านั้นจริง ๆ ลองมองหาวิธีที่ประหยัดมากกว่า อย่างเช่น การ DIY เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านเอง นอกจากจะประหยัดแล้ว ก็ยังได้ภูมิใจกับของชิ้นนั้นด้วยล่ะ

3. รถ

           สำหรับคนรักรถ เมื่อเห็นรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็พาลทำให้อยากได้ และเริ่มหาข้อเสียของรถคันที่ใช้อยู่ อยากบอกว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหนี้สินที่ไม่จบสิ้น แต่ถ้าหากคุณต้องการที่จะเปลี่ยนรถจริง ๆ คุณควรจะต้องมีเงินสดมากพอที่จะซื้อรถคันใหม่ได้โดยที่ไม่ทำให้­­­­คุณ ต้องกลับมาเป็นหนี้ท่วมหัว หรือน้อย ๆ รถคันเก่าที่คุณต้องการจะขายต้องสามารถช่วยแบ่­งเบาค่าใช้จ่าย ของรถคันใหม่ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ คุณควรจะเลือกรถที่เหมาะกับการใช­งานของคุณมากที่สุด เพื่อจะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะตามมาค่ะ

4. เสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่

           สาว ๆ นักช้อปทั้งหลาย จากนี้คุณไม่ต้องรู้สึกผิดที่ไม่ได้ใช้จ่ายเงิน­ไปกับการไล่ตาม­­­แฟชั่นอีก แล้วค่ะ เพราะแม้ว่าการได้ซื้อกระเป๋าหรือรองเท้าใหม่­­นั้นจะทำให้คุณร­ู้สึกมีความ สุข แต่ลองหันกลับมานึกถึงจำนวนเงินที่เสียไปสิ ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ ซึ่งถ้าหากคุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ คุณจะมีเงินเก็บมากขึ้นอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ

5. เครื่องประดับ

           หลายคนเสียเงินไปกับการซื้อเครื่องประดับมากเกินเหตุ เพราะมีความคิดว่า จะต้องมีเครื่องประดับเข้าชุดกับเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า ขอเตือนเลยค่ะว่าไม่จำเป็นเลย คุณไม่จำเป็นจะต้องซื้อเครื่องประดับมากมาย แต่ควรซื้อเครื่องประดับที่สามารถใช้ได้กับทุกโอกาสจะดีกว่า หากเปลี่ยนความคิดแบบนี้ได้ละก็ รับรองจะไม่มีเรื่องหนี้สินให้ปวดหัวแน่นอน


5 เรื่องที่ควรจ่าย สิ้นเปลืองกับเรื่องเหล่านี้สิได้ประโยชน์

1. การศึกษา

           ไม่มีคำว่าแก่เกินไปหรือสิ้นเปลืองกับการศึกษา เพราะการจ่ายเงินไปการการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างเช่นการเรียนภาษาอื่น ๆ ไม่เพียงแต่คุณจะได้ความรู้มากขึ้น แต่ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับตนเองอีกด้วย แถมค่าเรียนภาษาก็ไม่แพงสักเท่าไร และสามารถเรียนในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ได้ค่ะ

2. ท่องเที่ยว

           การท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลือง เพราะการท่องเที่ยวเป็นการสร้างความทรงจำและประสบการณ์ชีวิตดี ๆ ที่คุณไม่สามารถหาได้ทั่วไป เป็นความทรงจำที่สามารถนึกถึงได้เสมอ แม้ว่าการท่องเที่ยวในแต่ละครั้งอาจจะใช้เงินมากก็เถอะ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับมา เชื่อว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าหากเป็นการเดินทางแบบแบ็คแพ็กด้วยละก็ ยิ่งสนุกและสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายบางอย่างได้มากขึ้นชัวร์

3. ดนตรี

           การเรียนรู้ที่จะเล่นเครื่องดนตรีสักชิ้น หลายคนอาจจะมองว่าไม่ใช่เรื่องที่มีประโยชน์เท่าไร แต่นี่เป็นอีกสิ่งที่คุ้มค่าค่ะ เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับนั้นไม่เพียงแต่เป็นความรู้และความสามา­­รถพิ­เศษที่เพิ่มขึ้น แต่คุณยังสามารถใช้ดนตรีของคุณสร้างความทรงจำดี ๆ ที่แสนประทับใจให้กับตัวคุณและคนรอบข้างได้มากมายเลยล่ะ อีกทั้งคุณยังสามารถถ่ายทอดความรู้ในการเล่นดนตรีให้กับลูกหลาน­ใ­นอนาค­­ตได้อีกด้วย

4. หนังสือ

           การอ่านหนังสือ เป็นการเรียนรู้ที่ไม่จบสิ้นและทำให้คุณได้พบกับประสบการณ์หรือ­แม้แต่ความ รู้ใหม่ ๆ อีกทั้งยังเป็นการผ่อนคลายที่ดีเยี่ยม เพราะแค่เพียงมีหนังสือเล่มโปรดสักเล่ม คุณก็สามารถใช้เวลาว่างได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ นอกจากนี้หนังสือที่คุณซื้อยังสามารถส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลา­นไ­ด้ด้วย­­ ล่ะค่ะ

5. อาหาร

           อาหารที่หมายถึงนั้นไม่ใช่ว่าจะเลือกรับประทานอะไรก็ได้ แต่ควรเป็นอาหารที่ดีต่อร่างกาย หรือไม่ก็เป็นอาหารที่ไม่สามารถหารับประทานได้ง่าย ๆ หรือถ้าคุณอยากให้เงินที่เสียไปคุ้มค่ามากขึ้น ก็ลองเปลี่ยนเป็นจากการนำเงินเหล่านั้นไปเข้าร้านอาหารหรู เป็นการสมัครเข้าเรียนคลาสทำอาหารก็ดีไม่ใช่น้อย ได้ความรู้ติดตัวกลับมาแล้วยังสามารถทำอาหารอร่อย ๆ รับประทานได้เองแบบไม่ต้องเสียเงินมากมาย


           จริงอยู่ที่เงินทุกบาทซึ่งเราหามานั้นก็ควรจะใช้เพื่อความพึงพอ­­­­ใจของตัวเอง แต่ถ้าเราสามารถใช้เงินเหล่านั้นสร้างความรู้และความทรงจำ รวมทั้งประสบการณ์ดี ๆ ได้ ก็ย่อมคุ้มค่ากว่าการที่จะนำเงินเหล่านั้นไปซื้อของนอกกายที­­่­­วันหนึ่งก็ อาจจะกลายเป็นของเก่าที่ไม่ได้ใช้ แบบนั้นเงินที่ได้มาก็คงเสียเปล่าล่ะเนอะ ฉะนั้นก่อนจะหยิบเงินออกจากกระเป๋าครั้งหน้า อย่าลืมคิดให้ดีก่อนนะ


แหล่งที่มา  http://money.kapook.com/view120766.html


Wednesday, June 3, 2015

8 สิ่งที่ควรรู้ในการดูแลบ้านด้วยตัวเอง

          บางครั้งนอกจากจ้างช่างซ่อมมาคอยดูแลรื่องต่าง ๆ แล้ว เราก็ควรเรียนรู้ทักษะการซ่อมหรือดูแลบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไว้ใช้พึ่งตัวเองในยามฉุกเฉินบ้างเหมือนกัน ซึ่งอ่านมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าการทำเรื่องต่าง ๆ เองนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณรู้จักเทคนิคดี ๆ แล้วล่ะก็ การดูแลบ้านด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพียงแค่คุณลองทำตามนี้ดู
 

 1. แก้อ่างล้างหน้าตันด้วยตัวเอง

           การใช้พวกสารเคมีขจัดสิ่งอุดตันในท่อไม่ใช่วิธีที่ดีเสมอไป เพราะจะเป็นการกัดกร่อนอ่างล้างหน้าของคุณให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นตามไปด้วย คุณจึงควรหันมาใช้วิธีขจัดสิ่งอุดตันที่ปลอดภัยกับอ่างล้างหน้าของคุณมาก ขึ้นด้วยการใช้ไม้ปั๊มท่อแทน ทั้งนี้ขณะใช้ไม้ปั๊มดูดสิ่งอุดตันออกมา ควรเปิดก๊อกน้ำให้มีน้ำขังอยู่ในอ่างพอสมควรด้วย จะช่วยให้ปั๊มทำงานง่ายขึ้นได้ 


2. ดูแลหลอดไฟให้ใช้ได้นาน ๆ

            ถ้าคุณรู้จักดูแลรักษาหลอดไฟให้ถูกวิธี คุณก็ทำให้หลอดไฟที่ซื้อมามีอายุการใช้งานนานขึ้นได้ โดยสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ปิดสวิตซ์ไฟก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงถอดหลอดออกมาเช็ดด้านในด้วยไม้พันสำลีชุบแอลกอฮอลล์ แล้วจึงใช้ไขควงดันให้วงจรไฟฟ้าต่าง ๆ ในหลอดไฟแน่นขึ้นก่อนนำไปใช้งานอีกครั้ง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 



 3. เจาะกระเบื้องไม่ให้ผุกร่อน

            เริ่มแรกนำไขควงมาวางทาบไว้บนพื้นที่ซึ่งคุณต้องการจะเจาะแล้วใช้ค้อนตอก เบา ๆ พอให้เกิดรอยเล็กน้อย จากนั้นจึงใช้สว่านที่ใส่ดอกเจาะปูนค่อย ๆ เจาะเข้าไปตามรูที่เราทำเอาไว้โดยหยุดเป็นพัก ๆ กระเบื้องก็จะไม่แตกออกจนเป็นรอยดูไม่น่ามองบนกำแพง 


 4. ปัญหาประตูฝืดก็สำคัญ

            คุณอาจมองว่าประตูฝืดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ออกแรงเสียหน่อยก็ไม่มี ปัญหาอะไรแล้ว แต่ถ้าคุณมีเด็กเล็กหรือคนแก่อยู่ในบ้าน พวกเขาก็อาจติดอยู่ในห้อง เพราะไม่มีแรงพอจะกระชากประตูให้เปิดได้เหมือนกัน แถมคุณเองก็ยังต้องรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องพยายามออกแรงเกินจำเป็น เพียงเพื่อเปิดประตูด้วย ดังนั้นควรแก้ปัญหานี้ให้หมดไป ด้วยการเลื่อยบานประตูด้านล่างออกเล็กน้อยให้สั้นลง แล้วทาสีเคลือบอีกชั้นเพื่อลดความฝืด ประตูของคุณจะได้เปิดได้ง่ายโดยไม่ติดขัดอีกต่อไป 


5. กำจัดสีเหลือใช้ออกไปจากบ้าน

            สีที่ถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้นาน ๆ ต่อให้ปิดฝาไว้ สุดท้ายก็จะแห้งจนใช้ไม่ได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นแทนที่จะเก็บเอาไว้เฉย ๆ จนเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณก็ควรซื้อสีแค่ปริมาณพอใช้ก็พอ จะได้ไม่มีสีเหลือมากนัก นอกจากนี้ ถ้ายังมีสีเหลืออีกก็ควรเอาไปบริจาคตามโรงเรียนหรือสถานที่ต่าง ๆ ให้คนอื่นได้ใช้แทนที่จะเก็บเอาไว้เฉย ๆ 


6. ระวังเรื่องแก๊สเป็นพิเศษ

            ครัวแบบปิดที่มีแก๊สรั่วอยู่สามารถติดไฟได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจเลยล่ะ ฉะนั้นถ้าคุณได้กลิ่นแก๊สลอยออกมาก็อย่าประมาท ควรรีบปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ไฟฉาย หรือคอมพิวเตอร์ แล้วเรียกช่างมาดูทันทีเพื่อความปลอดภัย 



 7. รู้วิธีซ่อมกริ่งประตูบ้าน

            หากกริ่งประตูที่บ้านของคุณไม่มีเสียงก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจออกไปซื้อ ใหม่ ลองหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเองก่อน โดยถอดออกมาตรวจดูให้ละเอียดว่าที่กริ่งประตูคุณไม่มีเสียงเป็นเพราะเสียที่ สวิตซ์หรือเป็นเพราะตัวกริ่งเองกันแน่ จากนั้นจึงลองทำความสะอาดกริ่งหรือใช้ไขควงกดสายไฟให้แน่นขึ้นดู อาจช่วยให้กริ่งกลับมาใช้ดีเหมือนเดิมได้ 


 8. เก็บรายละเอียดสินค้าที่ซื้อมาให้ดี

            เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ บางชิ้นโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อจากบริษัทที่เชื่อถือได้มักมี รับประกันอายุการใช้งานเสมอ ดังนั้นคุณจึงควรเก็บใบเสร็จและกล่องคู่มือเอาไว้ให้ดี ถ้าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนเกิดเสียภายในเวลาที่รับประกันขึ้นมา คุจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมโดยไม่จำเป็น 


           นอกจากใส่ใจดูแลบ้านเพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ใช้ได้นานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากแล้ว ก็ควรเอาใจใส่เรื่องความปลอดภัยของตัวคุณเอง ด้วยการสวมถุงมือหรืออุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ขณะซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยนะคะ
 

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต