Thursday, July 28, 2016

10 เคล็ดลับเช็ดกระจกให้ใสกิ๊ง ไม่ทิ้งคราบสกปรกกวนใจ


       เคล็ดลับการเช็ดกระจกหมอง ๆ ให้ใสสะอาด ไม่ว่าคราบน้ำ คราบฝุ่น คราบมัน หรือคราบสกปรกอื่น ๆ ก็หายเกลี้ยง ด้วยเคล็ดลับและส่วนผสมของสเปรย์ทำเองที่หาได้จากในบ้าน    

        รู้หรือเปล่านอกจากการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แล้ว ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่ทำให้กระจกทุกจุดในบ้านใสสะอาดได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นคราบใด ๆ ที่เกาะอยู่ไม่ยอมหายไปไหนสักที ทั้งคราบฝุ่น คราบมัน คราบน้ำ หรือคราบสกปรกอื่น ๆ จากนี้ไปจะไม่เหลือคราบบนกระจกให้ต้องกลับมาเช็ดซ้ำ ด้วยเคล็ดลับและสูตรน้ำยาทำความสะอาดกระจก ที่คุณสามารถผสมได้เองและหาส่วนผสมได้จากในบ้าน

1. สูตรน้ำส้มสายชู

          อย่างที่รู้กันดีว่าน้ำส้มสายชูมีประโยชน์ต่อการทำความสะอาดมากขนาดไหน แถมยังสามารถนำมาเช็ดกระจกให้ใสได้ง่าย ๆ โดยนำมาผสมกับน้ำเปล่า แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ นำไปพ่นบนกระจก ตามด้วยใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดออกเท่านั้นเอง

2. สูตรสเปรย์น้ำสบู่

          ตัวเลือกแรกในการทำความสะอาดก็คงหนีไม่พ้นสบู่ ซึ่งสามารถนำมาทำความสะอาดกระจกหมอง ๆ ในบ้านได้ ด้วยการเทสบู่เหลว 3 ช้อนโต๊ะลงในขวดสเปรย์ ตามด้วยน้ำเปล่า ปิดฝาให้สนิท แล้วเขย่าผสมให้เข้ากันดี จากนั้นก็นำไปใช้เช็ดกระจกได้เลย

3. สูตรแอลกอฮอล์

          ส่วนผสมในการทำสเปรย์แอลกอฮอล์เช็ดกระจกนั้นหาไม่ยาก แค่ผสมแอลกอฮอล์ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำเปล่าอีก ถ้วยตวง แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมทั้งหมดลงในขวดสเปรย์ เขย่าก่อนฉีดลงบนกระจก 

4. สูตรแป้งข้าวโพด

          แม้แป้งข้าวโพดจะเป็นส่วนผสมในการทำอาหาร แต่มันก็สามารถเช็ดกระจกให้เงางามได้ โดยการผสมแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง แล้วเทลงในขวดสเปรย์ จากนั้นเติมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวงและแอลกอฮอล์ ¼ ถ้วยตวง ลงในขวดแล้วเขย่าให้เข้ากัน เขย่าอีกครั้งก่อนนำไปใช้งาน

5. สูตรมันฝรั่ง
         
          นอกจากกระจกหน้าต่างแล้ว กระจกที่เตาไฟฟ้าก็ต้องทำความสะอาดเหมือนกัน ด้วยการผ่าแบ่งครึ่งมันฝรั่ง แล้วนำเนื้อในของมันฝรั่งไปถูบนกระจก เทน้ำส้มสายชูตามลงไป ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วเช็ดออก จากนั้นเทน้ำอัดลมตามลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที และเช็ดออกให้เกลี้ยง

6. สูตรน้ำยาล้างจาน

          ใครจะรู้ว่าน้ำยาล้างจานก็ทำความสะอาดกระจกได้เหมือนกัน โดยเริ่มจากผสมน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง และน้ำยาล้างจานอีก 3 หยด ให้เป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่ขวดสเปรย์ เท่านี้ก็ได้น้ำยาเช็ดกระจกแบบง่าย ๆ มาใช้แล้ว

7. สูตรน้ำมะนาว

          เปลี่ยนวัตถุดิบปรุงอาหารเป็นสเปรย์เช็ดกระจกได้ง่าย ๆ เพียงใช้น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำสบู่ 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำส้มสายชูอีก ¼ ถ้วยตวง จากนั้นเทใส่ขวดสเปรย์ก่อนนำไปฉีดบนกระจกแล้วใช้ผ้าเช็ดตามอีกครั้ง

8. สูตรเบกกิ้งโซดา

          เบกกิ้งโซดายังเป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดกระจก ก่อนอื่นให้นำน้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง มาผสมกับน้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง และเบกกิ้งโซดาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นเทใส่ขวดสเปรย์ ก่อนนำไปทำความสะอาดกระจก

9. พ่นไอน้ำลงบนกระจก

          หากใครที่ไม่ค่อยมีเวลาที่จะผสมสูตรน้ำยาเช็ดกระจก แนะนำให้ใช้เครื่องพ่นไอน้ำมาพ่นให้ทั่วทั้งกระจก แล้วเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด ๆ อีกครั้ง เพียงเท่านี้กระจกก็จะเงางามในเวลาอันรวดเร็ว

10. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

          เรียกได้ว่าเป็นสูตรทำความสะอาดที่แถมการฆ่าเชื้อโรคมาด้วย โดยการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ถ้วยตวง สบู่น้ำมันมะกอกสกัด 1-2 หยด และน้ำเปล่า 1 แกลลอนให้เข้ากันดี จากนั้นเทใส่ขวดสเปรย์เพื่อนำไปฉีดพ่นและทำความสะอาดกระจกในบ้านต่อไปค่ะ

          เชื่อแล้วหรือยังคะว่าของใช้ในบ้านก็สามารถนำมาทำความสะอาดกระจกได้เหมือนกัน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้แล้ว ยังทำความสะอาดกระจกได้หมดจดและเงางามไม่แพ้น้ำยาที่วางขายตามท้องตลาดอีก ด้วยล่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก instructables, Helloglow, Restorationbeauty, Fabulesslyfrugal, Thefrugalgirls, Theindianspot และ Askannamoseley

Monday, July 25, 2016

11 วิธีไล่ยุงแบบธรรมชาติ กำจัดยุงไม่ให้กลับมากัดเราได้อีก !


วิธีไล่ยุงแบบธรรมชาติ กำจัดยุงโดยไม่ต้องใช้สารเคมี และช่วยป้องกันไม่ให้กลับมากัดเราได้อีก ด้วยวิธีไล่ยุงแบบธรรมชาติ วิธีกำจัดยุงที่ปลอดภัยกับคนในบ้าน

          พิษสง ของยุงถือว่าร้ายกาจมากทีเดียว เพราะเป็นพาหะนำโรคร้ายหลายโรคเลยล่ะ ฉะนั้นถ้าไม่อยากอยู่ร่วมชายคากับยุง และไม่อยากให้สัตว์ตัวเล็ก ๆ มาดูดเลือดเราอีก เราก็ต้องหาทางกำจัดยุงซะตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยวิธีไล่ยุงแบบธรรมชาติ รับรองว่าเป็นวิธีไล่ยุงที่ทั้งง่ายและปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้างกลับมาทำร้ายคนในครอบครัวแน่นอน
1. เปิดพัดลมให้อากาศไหลเวียน

        วิธีไล่ยุงที่ง่ายที่สุดก็คือ เปิดพัดลมในบริเวณที่ยุงชุม ให้มีอากาศถ่ายเทอยู่ตลอดเวลา เมื่อยุงโดนลมแรง ๆ เข้าไป มันจะอ่อนแรงและหนีหายออกไปจากบริเวณนั้นเอง

2. วางกระเทียมไว้ตามมุมบ้าน

        ยุงเป็นสัตว์ที่มีจมูกไวต่อกลิ่นและไม่ชอบกลิ่นฉุนของกระเทียม ฉะนั้นเราก็แค่นำกระเทียมมาบุบ แล้ววางไว้ตามมุมอับต่าง ๆ ในบ้าน ยุงก็จะค่อย ๆ บินหายไปเอง โดยไม่ต้องพ่นสารเคมีไล่

3. เผาใบโรสแมรี่เพื่อกำจัดยุง

        ฟังดูเหมือนจะเป็นวิธีทำอาหาร แต่จริง ๆ แล้วมันคือวิธีไล่ยุงที่ดีเลยทีเดียว ทุกครั้งที่จัดปาร์ตี้ปิ้งย่างนอกบ้าน ก็อย่าลืมนำโรสแมรี่มาวางบนตะแกรงปิ้งย่างด้วยนะคะ เพราะเมื่อมันโดนความร้อน กลิ่นหอมของมันก็จะออกมาไล่ยุงบริเวณนั้นให้หายไป คราวนี้ก็ปาร์ตี้ได้สบาย ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องยุงกัดแล้ว 

4. กากกาแฟลอยน้ำ ป้องกันยุงวางไข่

        บ้านไหนที่นิยมปลูกไม้น้ำหรือมีภาชนะที่ใส่หล่อน้ำไว้ตลอดเวลา แนะนำให้โรยกากกาแฟลงไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงมาวางไข่และป้องกันไม่ให้ยุงขยายพันธุ์ในบ้านของเรา 

5. ผสมน้ำมันหอมระเหยพิฆาตยุง

        เมื่อยุงไม่ชอบกลิ่นหอมฉุนจากธรรมชาติ ก็แค่นำน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาวหรือกลิ่นตะไคร้มาผสมกับน้ำมันยูคาลิปตัสใน ปริมาณที่เท่า ๆ กัน แล้วเอามาทาผิวแค่บาง ๆ หรือฉีดพ่นลงบนเสื้อผ้า แค่นี้ยุงร้ายก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว 

6. เลี้ยงปลาในบ่อบัว

        หากที่บ้านมีบ่อเลี้ยงบัว ต้นไม้น้ำ หรือภาชนะใส่น้ำวางไว้ ควรหาปลาหางนกยูง ปลาสอด หรือปลากัด มาเลี้ยงไว้ในบ่อน้ำต่าง ๆ ด้วย เพราะปลาเหล่านี้จะคอยกินเจ้าลูกน้ำไม่ให้กลายเป็นยุงมากัดเรา 

7. ทำเทียนเปลี่ยนชีวิตยุง

        ไอเดียนี้นอกจากจะไล่ยุงได้แล้ว ยังช่วยปรับบรรยากาศในบ้านให้สดชื่นได้อีกด้วย เริ่มจากนำเทียนเก่าหรือพาราฟินไปละลาย เทน้ำมันตะไคร้หอมหรือน้ำมันกลิ่นยูคาลิปตัสเพิ่มลงไป จากนั้นเทลงในกระป๋องที่มีไส้เทียน รอให้แห้ง เสร็จแล้วก็นำไปจุดไล่ยุงในบ้านได้เลย

8. เทน้ำยาล้างจานไล่ยุงในท่อน้ำทิ้ง

        ยุงมักจะบินมาทางท่อระบายน้ำและท่อน้ำทิ้ง ดังนั้นหลังล้างจานหรือทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำเปล่า แล้วเทลงไปในท่อระบายน้ำ

9. กับดักกำจัดยุง ไม่ให้เข้ามาในบ้าน

        เริ่มจากนำขวดน้ำพลาสติกมาตัดส่วนหัวออก ละลายน้ำตาลกับน้ำเปล่าเทใส่ขวดที่ตัดไว้แล้วเติมยีสต์ตามลงไป จากนั้นนำขวดพลาสติกส่วนบนที่ตัดออกไปมาซ้อน โดยการกลับให้ปากขวดเข้าไปอยู่ด้านใน แล้วนำกระดาษสีดำมาติดรอบ ๆ ขวดด้านนอกก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

10. เผากาบมะพร้าวและเปลือกส้มรมควันยุง

        วิธีไล่ยุงในสวนหรือบริเวณบ้านก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการนำเปลือกส้มตากแห้งมาวางรองในถาดสเตนเลส จากนั้นนำกาบมะพร้าวแห้งมาวางทับแล้วจุดไฟเผา ยุงก็จะไม่กล้าบินเข้ามาที่บ้านเราอีกเลย

11. ขยี้สมุนไพรในครัวให้ยุงกลัวกลิ่น

        ไม่ว่าจะเป็นมะกรูด ใบสะระแหน่ หรือตะไคร้หอม ก็สามารถไล่ยุงให้ไกลจากบ้านเราได้ ด้วยการนำมาขยี้ให้มีน้ำมันและกลิ่นออกมา แล้วนำไปวางไว้ตามมุมต่าง ๆ ในบ้านหรือนำมาทาตัวป้องกันยุงกัดก็ได้

        ไล่ยุงไม่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมีเสมอไป เพราะมีวิธีอีกมากมายเลยที่ช่วยไล่ยุงได้ อย่างเช่นวิธีไล่ยุงแบบธรรมชาติที่เรานำมาบอกต่อกันในวันนี้ อย่าลืมนำไปใช้กันด้วยนะคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก  gardentherapy, ehow, thegardenglove และ housebeautiful

Wednesday, July 20, 2016

วิธีป้องกันเชื้อราภายในบ้าน




     สำหรับคนรักบ้าน สิ่งที่กวนใจเรามากที่สุด คงหนีไม่พ้นรอยจุดดำ ๆ ของเชื้อราตามบริเวณต่าง ๆ ของบ้าน จะกำจัดออกแต่ละทีก็ยากเย็นแสนเข็ญ แถมฝังลึกอีกต่างหาก แต่พอกำจัดไปแล้วมันก็ยังวนเวียนกลับมาได้อีก จนคุณต้องเหนื่อยใจใช่ไหมคะ? วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีดี ๆ สำหรับป้องกันเชื้อราภายในบ้านมากฝากกันค่ะ

1. จุดเกิดความชื้น

           อย่างที่ทราบกันว่าเชื้อรา ชอบขึ้นในบริเวณที่มีความชื้น เริ่มจากเช็คก่อนว่ามีบริเวณใดที่ก่อให้เกิดความชื้นบ้าง ซึ่งจุดที่ก่อให้เกิดความชื้น ได้แก่ บริเวณที่มีน้ำรั่ว ไม่ว่าจะเป็นหลังคารั่ว ก๊อกน้ำรั่ว หรือน้ำรั่วจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น หากบริเวณที่กล่าวมานี้มีน้ำรั่ว ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย โดยอาจจะซ่อมด้วยตัวเองเท่าที่พอไหว หรือเรียกช่างมาซ่อมให้ก็ได้ หลังจากทำการซ่อมแซมแล้ว ก็เช็ดบริเวณนั้นให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันความชื้น นอกจากนี้บริเวณห้องน้ำ หากไม่ได้ใช้ก็ควรทำความสะอาดและทำให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณผ้าม่านในห้องน้ำ เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อราชั้นดี ฉะนั้นก็หมั่นเช็ดถูให้แห้งอยู่เสมอด้วยนะคะ

2. ข้าวของที่ต้องระวัง

           ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่สามารถเป็นที่อยู่ของเชื้อราได้ เช่น หนังสือ กระดาษ และเสื้อผ้าต่าง ๆ ควรเก็บในห้องที่ไม่มีความชื้น และสามารถระบายอากาศได้ดี เพราะหากเชื้อราเกิดขึ้นแล้ว จะไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก แต่หากสิ่งของชิ้นนั้นมีเชื้อราเกาะอยู่ ก็ควรตัดใจทิ้งไปซะเถอะ เพราะคงไม่คุ้มหรอก ระหว่างความเสียดายกับการที่เราต้องหายใจเอาเชื้อราเข้าสู่ร่างกายทุกวัน

3. เชื้อราที่มาจากสวน

           ในสวนบริเวณบ้านของคุณ อาจจะเป็นที่มาของเชื้อราภายในบ้าน ซึ่งเชื้อรานั้นสามารถถูกลมพัดเข้ามาในบ้านได้ด้วยนะคะ ฉะนั้นหากบ้านใดมีสวนในบริเวณบ้าน ก็หมั่นตรวจเช็ดจุดต่าง ๆ ภายในสวนของคุณให้ดี เช่น ตามโคนต้นไม้ บนต้นไม้ที่มีความชื้น เป็นต้น แล้วทำลายทิ้งไป เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราขยายไปส่วนอื่น ๆ ในบ้านได้

           อย่างไรก็ตามแม้ว่าคุณจะทำลายเชื้อราออกไปจนหมดบ้านแล้ว แต่ระวังไว้ว่าเชื้อราสามารถกลับมาได้อีกหากมีความชื้น ทางที่ดีที่สุด คือ ทำให้บ้านของคุณนั้นแห้งสะอาด มีอากาศถ่ายเทสะดวก แค่นี้คุณก็จะได้บ้านที่ปลอดเชื้อราแล้วล่ะ 

http://home.kapook.com/view46612.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/101682904078296799/

Saturday, July 16, 2016

วิธีไล่หนูบนเพดาน วิธีกำจัดโดยไม่ต้องฆ่าให้เปลืองแรง


        วิธีไล่หนูบนเพดาน วิธีกำจัดหนูบนฝ้าโดยไม่ต้องลงมือฆ่า เพื่อให้หมดปัญหาเรื่องเสียงหนูวิ่งบนเพดาน หนูแทะฝ้า และสารพัดปัญหาที่เกิดจากสัตว์ตัวเล็ก ๆ ชนิดนี้

         ศัตรูของบ้านอีกตัวที่คอยสร้างความรำคาญให้กับเรา คงจะหนีไม่พ้นเจ้าสัตว์ฟันแทะอย่าง หนู ทั้งยังสร้างความเสียหาย กัดสายไฟและของในบ้าน ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เจ้าหนูพวกนี้อาจจะนำโรคร้ายมาสู่คนในบ้านได้ พื้นที่อื่นของบ้านยังพอหาทางกำจัดได้ แต่บนเพดานและใต้หลังคาที่เจ้าหนูพวกนี้ชอบใช้กบดานมักจะกำจัดยากกว่าที่ อื่น ๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่ปิดและแคบ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็มีวิธีไล่หนูบนเพดานโดยไม่ต้องฆ่ามาบอกต่อค่ะ

1. ใช้กับดักหนู

         วิธีกำจัดหนูแบบนี้นั้นง่ายมาก ก็แค่นำกับดักหนูไปวางใต้เพดาน โดยวางในตำแหน่งที่ไม่ไกลจากแผ่นฝ้าที่แกะออก แล้วหมั่นตรวจดูกับดักทุกวัน ถ้ามีหนูติดให้รีบเอาออกและนำไปกำจัดทันที เพราะหากบังเอิญหนูตายในคากับดัก ก็จะส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วบ้านนานหลายวัน

2. ใช้น้ำมันหอมระเหยสะระแหน่ 

         ถึงแม้กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยสะระแหน่จะเป็นที่ชื่นชอบของคน แต่เป็นกลิ่นที่หนูไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด เพราะกลิ่นของน้ำมันชนิดนี้ฉุนสุด ๆ สำหรับหนู วิธีใช้ก็คือนำสำลีก้อนชุบน้ำมันหอมระเหย จากนั้นนำแกะแผ่นฝ้าบนเพดานออก แล้วโยนก้อนสำลีเข้าไปให้ทั่วใต้เพดาน

3. ใช้กรงดัก

         ใช้กล้วยน้ำหว้าเป็นเหยื่อล่อ ตัดหัวตัดท้ายให้กลิ่นโชย หรือจะใช้หัวปลาทูทอดหรือปลาหมึกแห้งเสียบไว้ล่อหนูก็ได้ จากนั้นก็นำกรงดักมาตั้งบนเพดาน ผูกเชือกที่กรงเอาไว้ด้วย เวลาหนูติดกรงหนูจะดิ้นและพากรงไปไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง เมื่อมีหนูมาติดกรงให้นำไปปล่อยทิ้งในป่าไกลบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาอีก แล้วกรงให้ล้างให้สะอาด กำจัดกลิ่นของหนูตัวเก่าออกให้หมด เพราะหนูตัวอื่นจะไม่เข้าใกล้ หากยังมีกลิ่นหนูตัวเก่าติดอยู่

4. ใช้แผ่นปิดเชิงชายกระเบื้อง

         ชายคาบ้านเป็นอีกทางที่หนูใช้ไต่เข้ามาใต้หลังคา ฉะนั้นยิ่งปิดช่องทางที่นำมาสู้หลังคาไว้ใช้หมดยิ่งดี โดยเฉพาะหลังคาแบบลอน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้หนูเข้ามาอาศัยและสร้างความรำคาญ ก็ควรติดแผ่นปิดเชิงชายกระเบื้องหรือแผ่นดักนกตามชายคาให้หมด

5. ใช้ทรายแมว

         กลิ่นของฉี่แมวอันลือเลื่อง ไม่ใช่แค่กับคนเท่านั้นที่ทนไม่ไหวกับกลิ่นฉี่แมว แม้แต่สัตว์ที่รักสกปรกอย่างหนูเองก็ไม่ชอบเช่นกัน วิธีใช้คือนำทรายแมวที่ใช้แล้วใส่ถุงผ้าแล้วโยนเข้าไปใต้เพดาน ให้เปิดช่องระบายอากาศไว้ด้วย แล้วหนูก็จะไม่เข้ามาใกล้เพดานอีกเลย           

         ทั้งนี้การกำจัดหนูให้สิ้นซาก ไม่ใช่ว่าจะได้ผลโดยการใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือการทำเพียงแค่ครั้งเดียว ต้องอาศัยทั้งการไล่ กำจัด การป้องกัน รวมถึงวิธีการทำความสะอาดเพดานอย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไปด้วยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก mynaturalpestsolutions และ attic-rat

Friday, July 15, 2016

10 ต้นไม้จัดสวนชอบน้ำ เหมาะสำหรับจัดสวนรับหน้าฝน

ต้นไม้จัดสวนชอบน้ำ ต่อให้ฝนตกหนักก็ไม่ต้องกลัวว่าต้นไม้จัดสวนเหล่านี้จะเหี่ยวเฉา เพราะเป็นไม้ดอกไม้ประดับทนฝน เหมาะสำหรับนำไปจัดสวนในหน้าฝน

        ช่วงฝนตกหนักแบบนี้ หลายคนคงเริ่มกลัวว่าต้นไม้ในสวนจะต้านแรงฝนไม่ไหวหรือน้ำเยอะเกินไปจนทำให้ รากเน่าตาย วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอรวบรวมต้นไม้จัดสวนทนฝนหรือชอบน้ำมาฝาก ไว้สำหรับจัดสวนต้นรับสายฝนอันชุ่มฉ่ำที่บ้าน ให้สวนของเรายังสวยสดงดงาม เขียวขจี ตลอดหน้าฝนนี้

1. พลูด่าง

        ไม้เลื้อยที่ปลูกง่าย ขึ้นง่าย จะปลูกลงดินก็ได้หรือจะปลูกในน้ำก็ดี เพราะเป็นไม้ประดับที่ชอบน้ำมาก ทั้งยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีลักษณะใบคล้ายกับรูปหัวใจทำให้มีแต่คนรัก มีอยู่ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ อย่างเช่น ราชินีหินอ่อน ราชินีสีทอง และพลูด่างยักษ์ ถ้านำมาปลูกในน้ำควรจะใช้น้ำสะอาดหรือน้ำบาดาลเพราะมีแร่ธาตุอยู่มาก ละลายปุ๋ยใส่น้ำเดือนละ 2 ครั้ง และอย่าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำพลูด่างด้วยนะคะ

2. แว่นแก้ว

        อีกหนึ่งไม้เลื้อยที่เหมากับช่วงหน้าฝน ลักษณะใบและลำต้นจะคล้ายกับใบบัวบก แต่ใบแว่นแก้วมีผิวขับมันกว่า นิยมปลูกไว้ในน้ำตื้นหรือริมบ่อน้ำ เป็นพืชที่ชอบความชื้นสูง นอกจากจะประดับสวนให้สวยงามแล้ว ยังเป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้ช้ำใน รักษาอาการตาแดง แก้ท้องอืด และขับปัสสาวะได้ดี และเป็นต้นไม้มงคลช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้เงินทองไหลมาเทมาอีกด้วย

3. เตยหอม

        ไม้ประดับที่มีประโยชน์สามารถเก็บไปทำขนมและอาหาร เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่เจริญเติบโตเป็นกอ มีใบเรียวยาว และมีกลิ่นหอม ชอบน้ำ ความชื้น และแสงแดดรำไร เหมาะกับการปลูกเอาไว้ริมบ่อน้ำ หมั่นใส่ปุ๋ยหมกและปุ๋ยคอกอยู่เสมอ และควรดูแลไม่ให้มีวัชพืชขึ้นแซมโดดเด็ดขาด

4. กระดาด

        ไม้ประดับใบเลี้ยงเดี่ยว จำพวกเดียวกับบอน มีรูปใบกว้างคล้ายหัวใจ ชอบน้ำ อากาศชื้น และแดดรำไร ช่วยดูดซับความชื้นส่วนเกินในสวนได้เป็นอย่างดี ขยายพันธุ์แบบแตกหน่อ สามารถนำเหง้ามาปรุงให้สุกเพื่อทำเป็นอาหารได้ มีสรรพคุณช่วยแก้ไอ แก้ท้องผูก รักษาแผล และอาการผิวหนังบวมแดง

5. ลำเพ็ง

        ลำเพ็ง หรือ ผักกูด หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันดี เป็นพืชในตระกูลเดียวกับเฟิร์น มีใบเรียวยาว เลื้อยไปตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ ที่ชอบน้ำและความชื้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ลำเพ็งขึ้นได้ดีในดินที่มีน้ำท่วมขัง แม้ฝนตกหนักขนาดไหนลำเพ็งก็ยังประดับสวนให้สวยได้ ขยายพันธุ์ด้วยการปลูกเหง้าลงในดิน ไม่ต้องดูแลมากแค่ปล่อยให้โดนน้ำแสงรำไร ก็จะแตกกออวบ ๆ ซึ่งเราสามารถเก็บมากินเป็นอาหารได้ เพราะมีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ดับร้อน บำรุงโลหิต และขับปัสสาวะ

6. ตะแบก

        ตะแบกเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบที่มีขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายรูปไข่ ออกดอกเป็นช่อสีชมพู่อมม่วง ยิ่งในช่วงหน้าฝนจะออกดอกได้สวยกว่าปกติ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ชอบแดดจัดและน้ำปานกลาง ปลูกประดับไว้ในสวนเพื่อให้ร่มเงา และยังเป็นต้นไม้มงคลช่วยเสริมโชคลาภอีกด้วย 


7. ทองหลางลาย

        เป็นไม้ยืนต้นที่ปลูกเอาไว้เป็นไม้ประดับในสวน ลักษณะใบคล้ายสามเหลี่ยม ออกเรียงสลับกันไป หน้าใบมีเส้นสีขาวเป็นลายของใบ ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ดูแลรักษาง่าย ชอบน้ำและแสงแดด เป็นต้นไม้มงคลที่ช่วยให้เงินทองไหลมาเทมา และเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับคนในบ้าน

8. อินจัน

        ต้นอินจันเป็นไม้ประดับที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว ออกผลรูปทรงกลมและแป้น ลักษณะใบเรียวยาวและปลายแหลม เป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มกลม ขยายพันธุ์ด้วยการนำเมล็ดมาปลูก ชอบน้ำมาก เป็นต้นไม้ที่อายุยืนแต่โตช้า มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงประสาท แก้ไข้ และขับพยาธิ

9. พะยอม

        พะยอมเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบที่จัดอยู่ในตระกูลไม้ยาง ลักษณะใบเป็นรูปวงรีและเรียวยาว ออกดอกเป็นช่อสีขาวและมีกลิ่นหอม ปลูกด้วยวิธีการเพาะต้นกล้าจากเมล็ด ดูแลรักษาง่าย ชอบน้ำมาก บ้านไหนปลูกต้นพะยอมประดับไว้ก็จะช่วยให้คนที่อยู่ในบ้านมีจิตใจอ่อนโยน อ่อนน้อม มีแต่คนรัก และมีเงินทองใช้ไม่ขัดสน

10. ปีบ

        ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลักษณะใบเป็นใบประกอบ ออกดอกเป็นช่อสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยการนำเมล็ดมาปลูกลงในดินหรือปักชำ ชอบน้ำและความชื้นมาก หากนำมาปลูกไว้ในบ้านจะช่วยบังแดดให้ร่มเงาและส่งกลิ่นหอม เป็นต้นไม้มงคลที่ทำให้เก็บเงินเก็บทองได้มากมายและเป็นที่รักของคนทั่วไป

        ใน ช่วงที่ฝนตกหนักขนาดนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าจะจัดสวนสวย ๆ ไม่ได้ แค่เลือกชนิดไม้ดอกไม้ประดับหรือต้นไม้จัดสวนไม้ให้เหมาะกับสภาพอากาศอย่าง ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ต้นไม้ในสวนของคุณก็พร้อมจะชูกิ่งก้านให้ความสดชื่นคู่สวนของคุณแล้วล่ะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก puechkaset, flowers-plants-fruiteconomy, frynn , botanykus, thaimisc, dnp และ saunmitpranee
http://home.kapook.com/view150536.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/525302744036066834/

Wednesday, July 13, 2016

13 สูตรกำจัดคราบสนิมในบ้านได้อยู่หมัด บอกลาความเก่าไปได้เลย !



        สารพัดสูตรกำจัดคราบสนิมฉบับครัวเรือนที่เราสามารถทำน้ำยาและนำไปใช้กำจัดคราบสนิมได้เอง กับผลลัพธ์ที่น่าทึ่งจนคุณต้องไปบอกต่อ

        อย่าตกใจไปถ้าหันไปทางไหนในบ้านแล้วเจอกับคราบสนิมที่เกาะติดอยู่ เพราะจริง  ๆ แล้วเราสามารถกำจัดมันออกไปจากบ้านได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่ทำตามสูตรเด็ด ๆ ในการจำกัดสนิมจากของในบ้านที่สามารถนำมาล้างคราบสนิมออกได้ กับผลลัพธ์ที่น่าทึ่งกับภาพตรงหน้าที่แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคราบสนิมที่กำจัด ยากจะล้างออกได้อย่างง่ายดายด้วยสูตรเหล่านี้

1. สูตรน้ำส้มสายชู กำจัดสนิมได้ทั่วไป

        เห็นน้ำส้มสายชูใส ๆ แบบนี้อย่าคิดว่าธรรมดานะ เพราะแค่เราแช่สิ่งของที่เป็นสนิมลงไปในน้ำส้มสายชู แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง สนิมก็จะค่อย ๆ หลุดออก แต่ถ้าหากว่ารอยสนิมนั้นมันเยอะจนเกินเยียวยา แนะนำให้แช่ทิ้งไว้ 1 วัน แล้วค่อยนำขึ้นมาขัดทำความสะอาดอีกที ส่วนรอยสนิมบนพื้นให้ขยำฟอยล์ห่อ แล้วชุบน้ำส้มสายชูเพื่อขัดคราบนั้นให้หายไป

2. สูตรเกลือและน้ำมะนาว ขัดสนิมบอกลาความฝืด


        สูตรนี้อาจจะคล้ายกับการปรุงอาหารไปสักหน่อย แต่ก็ได้ผลดีเลยทีเดียว เริ่มจากโรยเกลือลงบนสิ่งของที่มีคราบสนิม จากนั้นบีบน้ำมะนาวราดซ้ำลงไป ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นใช้แปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วขัดคราบสนิมออกให้เกลี้ยง

3. สครับเบกกิ้งโซดาขัดคราบสนิมให้หลุดล่อน

        ของดีที่ทุกบ้านต้องมีติดไว้นั่นก็คือ เบกกิ้งโซดา เพราะนอกจากจะทำให้ขนมดูน่ากินแล้ว มันยังช่วยขัดคราบสนิมให้กระจุยได้อีกด้วย แค่ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าให้เป็นเนื้อสครับเข้มข้น จากนั้นป้ายลงบนคราบสนิมแล้วทิ้งไว้สักพัก เมื่อสังเกตเห็นสนิมเริ่มคลายตัว ให้นำแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาขัดออกให้สนิมหลุดหายไป

4. มันฝรั่งกับน้ำสบู่ ถูคราบสนิมหายเกลี้ยง

        พืชสวนครัวอย่างมันฝรั่งนี่แหละที่สามารถกำจัดคราบสนิมได้อยู่หมัด เนื่องจากในมันฝรั่งมีกรดออกซาลิกที่เป็นตัวการสำคัญ ในการเข้าไปทำปฏิกิริยากับสนิมให้อ่อนตัวและหลุดลอกออกมา ก่อนอื่นหั่นครึ่งมันฝรั่งแล้วนำด้านที่เป็นเนื้อในไปจุ่มลงในน้ำสบู่ จากนั้นนำมาถูที่คราบสนิมให้ทั่วหรือจะโรยเบกกิ้งโซดาเพื่อช่วยเพิ่มพลังขัด ด้วยก็ได้ค่ะ ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยล้างสนิมออกอีกรอบ

5. สูตรครีมออฟทาร์ทาร์ มากี่สนิมก็เอาอยู่

        วัตถุดิบอาหารชั้นเยี่ยมอย่างครีมออฟทาร์ทาร์เป็นหนึ่งในตัวช่วยกำจัดคราบ สนิมในบ้านเรา ก่อนอื่นต้องผสมครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปป้ายบนคราบสนิมจุดเล็ก ๆ แต่ถ้าหากเป็นคราบสนิมวงกว้างควรเพิ่มปริมาณส่วนผสมตามไปด้วย ทิ้งไว้สักพัก จากนั้นนำฟองน้ำมาถูออก เราก็จะสังเกตเห็นได้ว่าสนิมหลุดออกอย่างง่ายดาย

6. สูตรบอแรกซ์ แอบกำจัดสนิมได้ดีเยี่ยม

        หลายคนอาจจะเคยมองบอแรกซ์แง่ลบไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเหรียญยังมี 2 ด้านแล้วทำไมบอแรกซ์จะมีประโยชน์ในการกำจัดสนิมกับเขาไม่ได้ล่ะ ให้ผสมผงบอแรกซ์กับน้ำมะนาวจนได้เนื้อสครับเข้มข้น จากนั้นป้ายลงบนคราบที่พื้นกระเบื้องหรือเครื่องสุขภัณฑ์ ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วค่อยขัดล้างออกอีกให้สะอาดเอี่ยมเป็นขั้นตอนสุดท้าย

7. สูตรน้ำมะนาวอบไอน้ำกำจัดคราบสนิมบนเสื้อผ้า

        อย่าเพิ่งทิ้งเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบสนิมไปเด็ดขาดเพราะปัญหานี้แก้ไขได้ เพียงแค่บีบน้ำมะนาวลงบนคราบสนิมที่เสื้อผ้า จากนั้นต้มน้ำในหม้อให้เดือดแล้วปรับเป็นไฟระดับกลาง เปิดฝาทิ้งไว้ นำเสื้อผ้าที่เปื้อนสนิมมาขึงบนปากหม้อ เพื่อให้ไอน้ำเข้าแทรกซึมลงบนคราบ เสร้จแล้วนำผ้าออกมาพร้อมกับบีบน้ำมะนาวลงบนคราบซ้ำอีกครั้ง รอประมาณ 2-3 นาที แล้วนำผ้าไปซักตามปกติ 

8. สูตรบอแรกซ์กำจัดคราบสนิมบนปูน

        กิจกรรมมากมายที่อยู่บนพื้นปูนก็สร้างปัญหาคราบสนิมให้เราหนักใจได้เช่นกัน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพียงแค่ผสมผงบอแรกซ์ ¼ ถ้วยตวงเข้ากับน้ำร้อนประมาณ 1 แกลลอน แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันดีก่อนราดลงบนพื้นปูน ใช้แปรงขัดพื้นขัดออกให้เกลี้ยง แล้วล้างทำความสะอาดพื้นให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง

9. น้ำมะนาวกับน้ำส้มสายชูรวมพลังกำจัดสนิมบนพรม

        สนิมบนพรมที่ว่ายากถูกกำจัดได้ด้วยการบีบน้ำมะนาวลงไปบนคราบแล้วรอ 5 นาที จากนั้นใช้ผ้าเนื้อหนาเช็ดออก เทน้ำส้มสายชูทับลงไปทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที แล้วเช็ดออกอีกครั้ง จากนั้นใช้น้ำสบู่ถู แล้วค่อย ๆ ล้างออกด้วยน้ำเปล่า เพียงเท่านี้พรมก็จะกลับมาสะอาดเหมือนใหม่แล้วล่ะ 

10. สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กำจัดสนิมพร้อมฆ่าเชื้อโรคในห้องน้ำ

        จะล้างคราบสนิมในห้องน้ำทั้งทีมันต้องฆ่าเชื้อโรคตามไปด้วยถึงจะดี เตรียมคลอรอกซ์สูตร 2% และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้พร้อม จากนั้นค่อย ๆ เทผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดลงบนคราบสนิม ทิ้งไว้สักพัก จากนั้นนำฟองน้ำมาขัดล้างออกให้สะอาดเอี่ยม

11. สูตรสบู่มะนาวกำจัดคราบบนอิฐ

        ทั้งอิฐและคอนกรีตต่างก็เป็นวัสดุเนื้อหยาบที่ทำความสะอาดยาก แต่เมื่อเปื้อนคราบสนิมแล้วให้ลองใช้สูตรนี้ดูค่ะ เริ่มจากผสมสบู่มะนาวแบบไร้สารกลีเซอรีนประมาณ 7 ส่วนเข้ากับโซเดียมซิเตรท 1 ส่วน น้ำอุ่น 6 ส่วน และโซเดียมคาร์บอเนตอีกเล็กน้อย คนส่วนผสมทั้งหมดจนกลายเป็นเนื้อสครับเข้มข้น จากนั้นนำไปทาที่คราบสนิมบนก้อนอิฐหรือคอนกรีต แล้วทิ้งไว้ให้แข็งตัว ก่อนใช้แปรงขัดและล้างออกให้เกลี้ยง

12. หัวหอมกำจัดคราบสนิมบนสเตนเลส

        สเตนเลสที่ผ่านการใช้งานมาเนิ่นนานอาจจะมีรอยสนิมเกิดขึ้นบ้างก็เป็นเรื่อง ธรรมดา แต่กำจัดออกได้โดยนำกระดาษทรายมาขัดเพื่อกำจัดเนื้อสนิมออกก่อน 1 ชั้น จากนั้นใช้หัวหอมแดงที่หั่นเตรียมไว้มาถูทับรอยสนิม แล้วล้างออกด้วยน้ำร้อนจนกระทั่งสนิมหลุด

13. กรดซิตริกกัดสนิมออกหมด

        หากจะกำจัดคราบสนิมออกจากสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ แนะนำให้ลองใช้วิธีนี้ดูค่ะ แค่นำกรดซิตริกผสมกับน้ำร้อนเพียงเล็กน้อยลงในกะละมังพลาสติก แล้วนำสิ่งของที่เปื้อนสนิมมาแช่ ทิ้งไว้ 1 คืน นำออกมาล้างทำความสะอาดอีกรอบ สนิมก็จะหลุดหายไปทันตาเห็น

        บอก แล้วว่าสนิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเกินกว่าแม่บ้านมือโปรอย่างเราจะแก้ไขได้ ดังนั้นหากตรวจพบว่าจุดไหนในบ้านมีคราบสนิมกำลังเกาะกินอยู่ ก็อย่าลืมนำสูตรเด็ด ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปใช้กันดูนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก stain-removal-101, ehow, mycleaningsolutions, makelyhome, hometalk, wikihow และ remediesandherbs
http://home.kapook.com/view143477.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/16958936068654674/

Saturday, July 2, 2016

ดูแลบ้านในฤดูฝน ให้อยู่ทนอยู่นาน



   
      เมื่อสายฝนเริ่มโปรยปราย พัดพาความฉ่ำเย็นมาให้บ้านของเรา หลายคนก็คงอยากดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสดชื่น รับลมและละอองน้ำชุ่มฉ่ำในฤดูฝนนี้ หลังจากที่ต้องฝ่าแดดและลมร้อนกันมานาน แต่ก็อาจมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่มักมาพร้อมหน้าฝนอยู่บ้าง H&D จึงมีวิธีเตรียมพร้อม รับมือ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในฤดูฝนนี้มาฝากกัน

ตรวจเช็คบ้านให้รอบด้าน

      ในหน้าฝน แน่นอนว่าปัญหาที่มากับน้ำซึ่งอาจส่งผลกระทบกับบ้านมีได้หลายช่องทาง ดังนั้นจึงควรมีการตรวจตราส่วนต่าง ๆ ของบ้าน เพื่อป้องกันและแก้ไขได้ทันท่วงที อาทิ

     
หมั่นตรวจสอบจุดรั่วซึมของบ้าน จุดที่มีโอกาสเกิดการรั่วซึมมาก ได้แก่ หลังคา ฝ้าเพดาน ผนัง และตามรอยต่อของวัสดุต่าง ๆ วิธีการตรวจสอบง่าย ๆ คือสังเกตรอยรั่ว ซึมแตกร้าวตามหลังคา ฝ้าเพดาน ผนัง และสังเกตรอยต่อของวัสดุต่าง ๆ เช่น ช่องหน้าต่าง ประตู ว่ามีร่องรอยของน้ำ หรือคราบรอยน้ำหรือไม่ ซึ่งจุดนี้ส่วนใหญ่จะทราบเมื่อเกิดปัญหามาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่หากพบเมื่อไหร่ควรรีบดำเนินการให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไขโดยเร็วที่สุด

     
ตรวจเช็กรางน้ำฝน ดูแลอย่าให้มีเศษใบไม้ หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตันในรางน้ำฝน เพราะเมื่อเกิดฝนตกหนักอาจทำให้น้ำเกิดการรั่วซึมกลับเข้าไปภายในบ้านได้ และหากหลังคาส่วนไหนที่ยังไม่มีรางน้ำฝนรองรับ ก็ควรมีการจัดเตรียมไว้ให้พร้อม เพราะไม่อย่างนั้นสายน้ำที่ตกลงมาจากหลังคาอาจจะกระเซ็นไปยังจุดต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อบ้านได้

     
ทำความสะอาดท่อระบายน้ำหรือบ่อดักขยะ เพื่อป้องกันการอุดตันในท่องระบาย ที่อาจส่งผลทำให้เกิดน้ำขังได้ นอกจากนี้การกวาดเศษใบไม้ กิ่งไม้ บริเวณรอบ ๆ บ้านก็มีส่วนสำคัญเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้ไหลลงไปอุดตันยังท่อระบายน้ำ

     
หน้าฝนเป็นช่วงที่เหมาะกับการลงต้นไม้ อาจใช้ช่วงนี้เป็นการชวนลูก ๆ และคนในบ้านมาทำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากสร้างความอบอุ่นในครอบครัวแล้ว ยังได้สวนสวย ๆ ไปพร้อมกัน


เตรียมพื้นที่รอบบ้านรับหน้าฝน

         นอกจากการตรวจเช็คส่วนต่าง ๆ ของบ้านแล้ว การเตรียมพื้นที่และปรับปรุงบ้านให้พร้อมรับหน้าฝนก็เป็นส่วนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการตัดกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวบ้านเพื่อป้องกันลมพายุที่อาจ พัดแรงจนกิ่งไม้หักมากโดนตัวบ้านหรือคนในบ้านให้เกิดอันตรายได้ และยังป้องกันช่องทางไม่ให้สัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ เข้ามาสู่ตัวบ้าน

         นอกจากนี้การเช็คสภาพพื้นผิวรอบบ้านก็เป็นอย่างหนึ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะพื้นรอบบ้าน เช่น ลานจอดรถ, ทางเดินภายนอก ซึ่งมีพื้นผิวลื่น เมื่อโดนน้ำหรือเกิดน้ำท่วมขังอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุลื่นหกล้ม ได้ จึงควรเลือกใช้วัสดุปูพื้นภายนอกที่ระบายน้ำได้ดี และมีพ้นผิวไม่เรียบจนเกินไป

         สำหรับพื้นที่ภายในบ้าน หากมีส่วนใดของบ้านที่มีโอกาสโดนฝนสาดได้ เช่น ห้องที่มีหน้าต่างเยอะ ๆ ศาลา หรือพื้นส่วนขานบ้านที่จัดไว้ นั่งพักผ่อน ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่ สามารถโดนน้ำได้ เช่น หากเป็นพื้นไม้ ควรเลือกใช้เป็นไม้สังเคราะห์ที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศ แข็งแรง และใช้งานได้ทั้งภายนอกภายใน
      
         หากส่วนไหนของบ้านที่เกิดโล่งเกินไป ควรทำกันสาดหรือชายคายื่นออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ฝนสาดเข้าไปกระทบกับผนังหรือช่องเปิดต่าง ๆ ทั้งประตู หนังต่าง ที่อาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพและมีควาบเชื้อราสะสมได้

 

Tips

     
การป้องกันในส่วนรอยรั่วซึมของหลังคา อาจติดตั้งเป็นอุปกรณ์หลังคากันรั่ว ที่ปัจจุบันมีให้เลือกใช้ทั้งแบบเป็นชุดครอบหรือแผ่นปิดรอยต่อ ที่จะสามารถตัดขึ้นรูปตามลอนกระเบื้องหรือรอยต่อได้ ซึ่งง่ายกว่าการใช้สังกะสีที่ตัดยากหรือการอุดรอยต่อด้วยปูนทรายที่มักแตก ร้าวง่าย นอกจากนี้แผ่นปิดรอยต่อยังสามารถทาสีทับให้กลมกลืนไปกับสีของหลังคาได้อีก ด้วย

     
การเลือกใช้ร่างน้ำฝนในปัจจุบันมีให้เลือกได้มากมาย ทั้งแบบไร้รอยต่อและเพิ่มความยาวในการติดตั้ง ทำให้สะดวกและมีแบบให้เลือกเข้ากับบ้านได้หลากหลายสไตล์ นอกจากนี้ยังมีรางน้ำฝนแบบที่สามารถนำมาติดกับเครื่องกรองน้ำ ทำให้สามารถกรองและแยกประเภทของน้ำให้นำกลับไปใช้งานใหม่ได้ รวมทั้งแยกในส่วนของเศษใบไม้หรือขยะที่ปะปนลงมาอีกด้วย

     
วัสดุปูพื้นภายนอก เช่น กระเบื้องปูพื้นภายนอก หรือบล็อกปูพื้น ควรเลือกแบบที่มีช่องว่างในเนื้อคอนกรีต เพื่อช่วยให้น้ำสามารถซึมผ่านได้ดี และเป็นการระบายน้ำไปในตัวทำให้ลดโอกาสเกิดน้ำท่วมขังและป้องกันอุบัติเหตุ ที่เกิดจากพื้นลื่นบางพื้นที่ที่ต้องใช้งานบ่อยและมีโอกาสโดนฝนเป็นประจำ ควรทำทางระบายน้ำ โดยปรับระดับทำพื้นลาดเอียงที่ 1 : 200

     
การปรับต่อเติมผ้าบางส่วนของบ้านให้เป็นช่องแสง โดย ใช้แผ่นอะคริลิกใสเพื่อให้ได้ยินเสียงผมที่ตกกระทบลงมา ก็ช่วยสร้างบรรยากาศยามฝนตกได้ดี และเสียงฝนยังทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายผ่อนคลายได้อีกด้วย

     
ดอกไม้ที่เหมาะสำหรับนำมาปลูกในฤดูฝน อาทิ ดอกพิทูเนีย ดอกยี่เข่ง ดอกเวอร์ปีน่า ดอกกล้วยไม้ดิน ดอกเครื่องละครเลีย ดอกมาร์กาเร็ต ดอกมอร์นิ่งกลอรี่ ดอกปทุมรัตน์


ตกแต่งบ้านสร้างบรรยากาศ

          เพราะหน้าฝนเป็นช่วงที่หลายคนอาจไม่อยากออกไปไหน ให้เกิดความลำบากในการเดินทาง และคงอยากอยู่บ้านซึมซับอากาศเย็นสบาย ยิ่งหากเป็นช่วงเวลาในวันหยุดการใต้นอนพักผ่อนหรือนั่งเล่นฟังเสียงฝนอยู่ กับบ้านคงถือเป็นการผ่อนคลายจากการทำงานได้ดีเลยทีเดียว

          ดังนั้นการเตรียมบ้านสำหรับฤดูฝนจึงไม่ได้ มีเพียงแค่การตรวจสอบการใช้งานหรือการดูแลพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของบ้านเท่านั้น แต่เรายังสามารถสร้างบรรยากาศของบ้านให้เกิดความรื่นรมย์ได้ด้วยไอเดียง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

     
จัดมุมพักผ่อนบริเวณชานบ้าน ห้องนั่งเล่นริมหน้าต่าง โดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทนแดดทนฝน จำพวก ไม้ หวายเทียม หรือใช้เฟอร์นิเจอร์ประเภทวัสดุสังเคราะห์ หรือใครจะลองหาเปลญวนมาผูกไว้กับเสาบ้าน ก็น่าจะสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว

     
เพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านด้วยการปลูกไม้พุ่มริมระเบียง ให้สามารถมองเห็นสีเขียวจากภายในบ้าน ความสูงของไม้พุ่มประมาณ 80 เซนติเมตร เพื่อให้สามารถมองเห็นในระดับสายตา และพุ่มไม้เหล่านี้ยังช่วยป้องกันการกระเซ็นของน้ำฝนที่ตกมาได้อีกด้วย

     
หน้าฝนถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการนำต้นไม้ใหม่ ๆ มาปลูกในสวน โดยเฉพาะการลงต้นไม้ใหญ่ หรืออาจจะถือเป็นช่วงย้ายต้นไม้ในกระถางลงดิน เพราะอากาศช่วงนี้จะมีความชื้นสูง และน้ำฝนจะคอยช่วยให้ความชุ่มชื้นกับดิน ใบไม้จึงระเหยน้ำไม่มาก ทำให้ต้นไม้มีโอกาสรอดได้เยอะกว่า ยิ่งหากหาพวกไม้ดอกที่ออกดอกสวยงามในหน้าฝนมาลงไว้ในสวน คงจะทำให้บ้านมีบรรยากาศสดชื่นขึ้นอีกมากทีเดียว

          เพียงการดูแลใส่ใจบ้านให้พร้อมสำหรบฤดูฝนที่อาจจะยาวนานไม่แพ้ฤดูร้อนที่ ผ่านมา เราก็จะได้ดื่มด่ำผ่อนคลาย ฟังเสียงฝนพรำไปกับอากาศฉ่ำเย็น เป็นบ้านในฤดูฝนที่ทุกคนคงจะใช้เวลาได้อย่างมีความสุขไปตลอดฤดูกาล

แหล่งที่มา  home & décor, http://home.kapook.com/view95439.html