Sunday, May 24, 2020

10 ทิปส์ง่าย ๆ เปลี่ยนบ้านให้เงียบสงบน่าพักผ่อน



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         วิธีจัดบ้านให้เหมาะกับการพักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศรก ๆ ไม่สวยงาม ให้เป็นบ้านเงียบสงบที่เรียกว่าบ้านอย่างแท้จริงกันเถอะ

          ทุกวันนี้หากคุณเข้าบ้านแล้วรู้สึกไม่มีความสุข เพราะดูวุ่นวายไปหมดไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะลงมือจัดการบรรยากาศภายในบ้านเสียใหม่ เพื่อบ้านที่ทั้งเงียบและสงบ พร้อมกับสัมผัสได้ถึงการพักผ่อนที่แท้จริง อีกทั้งหากได้อาศัยอยู่ในบ้านที่ทั้งเงียบและสงบ ก็เหมือนเป็นการเพิ่มพลังสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ และสร้างแรงบันดาลใจการทำสิ่งใหม่ ๆ ไปในตัวด้วย ดังนั้นเรามาจัดบ้านใหม่ให้สวย สงบ เป็นบ้านอย่างแท้จริงกันนะคะ

 1. ให้ความสำคัญกับทุกห้องอย่างเท่าเทียม

          ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย ๆ หรืออยู่ในความสนใจมาก เช่น ห้องใต้หลังคา หรือห้องเก็บของ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับห้องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะหมายถึงการตกแต่งให้ดูสวยงามแล้ว ยังรวมไปถึงการทำสิ่งที่ค้างคาเอาไว้มานานให้เสร็จสิ้นด้วย เพื่อทำให้ส่วนต่าง ๆ ของบ้านกลมกลืนกัน พร้อมทั้งยังทำให้บ้านมีความเป็นระเบียบและเรียบร้อยมากขึ้น

2. จัดของใช้ให้เป็นที่เป็นทาง

          หากก่อนหน้านี้เสียเวลาหาของที่จะใช้อยู่นาน เพระไม่รู้ว่านำไปตั้งไว้ที่ไหน หรือมีอะไรวางทับอยู่หรือไม่ ถึงเวลาแล้วที่ควรจะจัดเก็บสิ่งของแต่ละชิ้นแต่ละประเภทให้เป็นระเบียบ และที่สำคัญควรมองเห็นได้ง่าย โดยเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้บ่อย ๆ เช่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์ หรืออุปกรณ์สำหรับพกพาชนิดต่าง ๆ

 3. ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนเปลี่ยนสีผนัง

          สีแต่ละสีมีผลกระทบกับความรู้สึกและร่างกายของเราโดยตรง อีกทั้งยังมีอิทธิพลมากมายถึงขนาดสามารถเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ความอยากอาหาร อารมณ์ รวมไปถึงระดับพลังงานได้เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ศึกษาข้อมูลเสร็จแล้ว ก็ควรจะสังเกตความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายด้วย

 4. กำจัดของที่ทำให้รู้สึกไม่ดีออกไป

          ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ เช่น ภาพวาดติดฝาผนัง เก้าอี้เก่ามีราคา หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ โดยเฉพาะเมื่อมองดูสิ่งของเหล่านี้แล้วรู้สึกไม่ดี หรือมีความทรงจำแย่ ๆ เกี่ยวกับมันควรจะรีบนำไปกำจัดทิ้ง ก็จะทำให้บรรยากาศในบ้านใกล้เคียงกับคำว่า เงียบและสงบมากขึ้น

 5. สร้างความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับของในบ้าน

          เมื่อนำของไม่ดีออกไป ก็ต้องมีของใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาทดแทน ซึ่งของชิ้นนั้นนอกจากควรจะมีความสวยงามและดึงดูดใจแล้ว ควรจะเป็นสิ่งของที่นำความรู้สึกนึกคิดดี ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเข้ามายังภายในบ้านด้วย ก็จะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เหมือนได้รับการเยียวยาหลังได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แถมยังเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลเมื่อเดินผ่าน

6. ถามความต้องการของตัวเองก่อน

          ลองคิดดูว่าตัวเองต้องการหรืออยากใช้ชีวิตในบ้านแบบใด โดยสร้างเป็นสโลแกนสั้น ๆ จากนั้นใช้คำที่เพิ่งคิดขึ้นมานี้เป็นคอนเซ็ปต์หลักสำหรับการตกแต่งบ้านครั้งใหญ่หรือสร้างสรรค์บ้านใหม่ พร้อมทั้งเน้นในจุดที่คุณใช้เวลามากเป็นพิเศษ เช่น ในห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น เพื่อเตือนให้คิดถึงและโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ตัวเองต้องการจริง ๆ อยู่เสมอ

 7. ใช้ธรรมชาติในการบำบัด

          ปกติแล้วต่างคนต่างก็ต้องการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สวยงามและใกล้ชิดธรรมชาติให้มากที่สุด โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ ไม่ใช่ถูกสร้างโดยการเลียนแบบขึ้นมา ซึ่งถ้าหากไม่สามารถใช้วิธีการปลูกต้นไม้ได้ ก็ใช้ของตกแต่งที่มาจากธรรมชาติแท้ ๆ เข้ามาแทน เช่น จาน ชามจากไม้ บ่อปลา หรือทำน้ำพุขึ้นมาสักที่

8. เปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์บ่อย ๆ

          เพราะทุก ๆ วันเราต่างก็โดนทำร้ายโดยมลพิษต่าง ๆ จากทุกสารทิศรอบตัว อีกทั้งยังเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายต่าง ๆ ฉะนั้นหากเป็นไปได้ก็ควรเปิดหน้าต่างรับอากาศและแสงจากธรรมชาติบ่อย ๆ แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ให้เต็มปอด แทนที่จะปิดประตูหน้าต่างสนิททุกบาน แล้วนั่งเก็บตัวอยู่ในบ้านที่ทั้งมืดและดูอึดอัดเพียงอย่างเดียว

 9. จำกัดเวลาในการใช้เทคโนโลยี

          เพราะจะได้มีเวลาในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่สำคัญกว่า เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำอาหาร หรือนั่งเล่นนั่งพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว โดยไม่มีอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ เข้ามาคั่นกลางระหว่างกัน นอกจากนี้แล้วการทำเช่นนี้ยังช่วยจัดสรรปันส่วนเวลาสำหรับกิจวัตรประจำวันได้ลงตัวมากขึ้นด้วย

 10. เริ่มลงมือทำ

          ต่อให้มีทิปส์หรือสุดยอดเคล็ดลับอยู่กับตัว แต่ถ้าหากไม่นำออกมาใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร และการนำออกมาใช้นั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดในคราวเดียวแค่เริ่มปรับเริ่มเปลี่ยนวันละนิดวันละหน่อยก็พอ สักข้อสองข้อพอเริ่มคุ้นเคยแล้วก็ค่อยทำเพิ่มไปทีละอย่าง ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องทำให้ตรงกับคำแนะนำทุกคำแต่ควรจะมีการประยุกต์บ้าง หากคิดว่าไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

          ต่อให้ก่อนหน้านี้บ้านของคุณจะดูวุ่นวายเพียงใด ก็สามารถทำให้กลับมาเป็นบ้านที่มีบรรยากาศสบาย ๆ เงียบ และสงบ เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริงได้ด้วยทิปส์ง่าย ๆ เหล่านี้ แต่ข้อสำคัญเลยก็คือ หลังจากที่ทราบกันไปแล้วว่า มีทิปส์ได้บ้าง ก็อย่าลืมนำไปทำตามกันด้วยนะคะ จะได้เกิดประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด

https://home.kapook.com/view110907.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/795659459170892235/

Wednesday, May 20, 2020

20 เทคนิคจัดระเบียบบ้าน ให้ชีวิตง่ายขึ้นเห็น ๆ



           เทคนิคจัดระเบียบบ้านแบบง่าย ๆ เปลี่ยนบ้านรก ๆ ให้สะอาดเอี่ยม ด้วยเคล็ดลับที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไม่ต้องเบื่อกับการจัดการบ้านอีกต่อไป

           หากใครเป็นคนบ้านรก ก็ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าชีวิตคุณเองก็ดูยุ่งเหยิงไปด้วยใช่ไหม เพราะบ้านที่รกอัดแน่นไปด้วยข้าวของมากมาย จะทำให้เราต้องเสียเวลาค้นหา จนกระทบกับเรื่องอื่น ๆ ไปหมด วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมี 20 เคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยจัดระเบียบบ้านพร้อมจัดระเบียบชีวิตไปในตัวด้วย จากเว็บไซต์ buzzfeed ลองนำไปทำตามกันดู แล้วจะรู้ว่าชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยจริง ๆ นะ

1. ดาวน์โหลดคู่มืออิเล็กทรอนิกส์

           ทุกครั้งที่ซื้อเครื่องไฟฟ้าใหม่ ลองสอบถามพนักงานว่า จะสามารถดาวน์โหลดคู่มือทางออนไลน์มาเก็บไว้ได้อย่างไร วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณคู่มือไม่ให้รกบ้าน แล้วอย่าลืมทิ้งคู่มือแบบกระดาษเมื่อเลยกำหนดเวลาเปลี่ยนสินค้าด้วย


2. ถือกฎกำจัดสิ่งของ 5 ชิ้น

           ทุกครั้งที่เก็บกวาดบ้าน ให้ตั้งกฎไว้ว่าจะกำจัดสิ่งของ 5 ชิ้นออกไป ไม่ว่าจะเป็นขยะ นิตยสารเก่า เครื่องสำอางหมดอายุ หรืออะไรก็ตามที่ไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานาน ลองทำตามแล้วรับรองว่าบ้านจะสะอาดขึ้นเห็น ๆ


3. ใช้ตัว S แขวนกระเป๋า

           เก็บกระเป๋าด้วยวิธีแขวนด้วยตัว S ในตู้เสื้อผ้า จะช่วยให้เป็นระเบียบเรียบร้อยหยิบใช้ได้ง่าย โดยวิธีนี้ยังใช้ได้ดีกับสิ่งของไม่มีที่เก็บอื่น ๆ อย่างผ้าพันคอหรือเข็มขัดด้วย


4. ใช้ประโยชน์พื้นที่ใต้โต๊ะ

           แทนที่จะเอาพื้นที่ใต้โต๊ะไว้วางขาเพียงอย่างเดียว ลองหาตะกร้าใส่ของรก ๆ ไม่มีที่เก็บแล้ววางไว้ โดยแนะนำให้เป็นของที่ยังต้องใช้อยู่เรื่อย ๆ ส่วนของที่นาน ๆ ใช้ที ก็เก็บไว้ใต้เตียง หรือที่สูง ๆ หยิบยากไปเลยก็ได้


5. ล้างตู้เย็นให้ถูกเวลา

           วันไหนอากาศร้อนจัด ๆ ก็เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการล้างตู้เย็นซะเลย เพราะอุณหภูมิสูงร้อนอบอ้าว จะช่วยละลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาล้างตู้เย็นไปได้เยอะทีเดียว


6. กำจัดเสื้อผ้าแค่ไม้แขวนเสื้อ 40 อัน

           หากอยากจัดการกับเสื้อผ้าที่อัดแน่นเต็มตู้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ใช้วิธีที่เด็ดขาดและรวดเร็ว ด้วยการจำกัดจำนวนเสื้อผ้าให้อยู่ที่ไม้แขวนเสื้อแค่ 40 อันเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ให้บริจาคหรือทิ้งไปซะ และจำไว้ว่าทุกครั้งที่ซื้อเสื้อใหม่ 1 ตัว ต้องบริจาค 2 ตัว ออกจากตู้เสื้อผ้าด้วย


7. ใช้กล่องแบ่งช่องเก็บของชิ้นเล็ก

           เก็บของชิ้นเล็กอย่าง ถ่านไฟฉาย เข็มกลัด หรือกิ๊บติดผม ให้เป็นระเบียบและหยิบง่าย ด้วยการหาซื้อกล่องแบบแบ่งช่องมาใช้ โดยอาจแบ่งของออกเป็นหมวดหมู่แต่ละกล่อง หรือใส่รวมกันในกล่องใบเดียวก็ได้ วิธีนี้ดีกว่าการรวมของชิ้นเล็กไว้ในกระป๋องใบเดียวแน่นอน


8. เก็บผ้าปูที่นอนอย่างมืออาชีพ

           พับผ้าปูที่นอนเป็นสี่เหลี่ยมแล้วสอดเก็บไว้ในปลอกหมอนที่ซื้อมาเป็นเซตเดียวกัน เป็นวิธีเก็บผ้าปูที่นอนแบบฉลาด ๆ ที่ช่วยให้บ้านดูเรียบร้อยมากขึ้น


9.  เก็บจดหมายและบิลต่าง ๆ ไว้ในตำแหน่งประจำ

           หากล่องพลาสติกมาติดไว้กับข้างโต๊ะที่ใช้เป็นประจำ แล้วใส่บิลหรือจดหมายทุกครั้งที่หยิบออกมาจากตู้ให้เป็นนิสัย จะช่วยให้ไม่ลืมจ่ายบิลต่าง ๆ และอย่าลืมขอรับใบแจ้งค่าใช้จ่ายต่างผ่านทางอีเมล หากมีให้บริการ จะช่วยลดปริมาณขยะในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพทีเดียว


10. เปิดอ่านจดหมายที่ถังขยะเสมอ

           ทุกครั้งที่จะเปิดอ่านจดหมายที่ได้รับมา ให้ยืนอยู่บริเวณถังขยะให้เป็นนิสัย เพราะหากอันไหนทิ้งได้ก็ให้ทิ้งลงถังขยะทันที มิฉะนั้นมันจะถูกวางอยู่ตรงไหนสักในของบ้าน จนรกไปหมดแน่นอน


11. สร้างฐานทัพสำหรับชาร์จไฟไว้ในลิ้นชัก

           สละลิ้นชักก้นลึก 1 อัน ให้เป็นที่สำหรับชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยซ่อนทั้งอุปกรณ์ที่กำลังชาร์จและสายไฟรก ๆ ให้พ้นจากสายตา โดยลิ้นชักเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีช่องไว้สอดสายไฟลอดผ่านอยู่แล้ว เหมาะสมที่จะเป็นฐานทัพที่ชาร์จจริง ๆ


12. เก็บบัตรสมาชิกและส่วนลดด้วยพวงกุญแจ

           บัตรส่วนลดหรือสะสมแต้มที่มีมากมาย หากเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ทั้งหมดคงบวมแน่ ๆ ถ้าอย่างนั้นให้เจาะรูการ์ดทุกใบด้วยตาไก่ แล้วร้อยไว้กับห่วงพวงกุญแจ พกใส่กระเป๋าทั้งพวง เวลาจะใช้รับรองว่าหาง่ายหยิบสะดวกแน่นอน ส่วนร้านไหนที่ให้สมาชิกบอกเบอร์โทรศัพท์ได้ ก็แยกการ์ดไปเก็บรวมกันไว้อีกพวงทิ้งไว้ที่บ้าน จะได้ไม่ต้องพกให้หนักกระเป๋า


13. กำจัดหนังสือเก่า

           อย่าเพิ่งโอดครวญไม่อยากสละหนังสือเล่มไหนเลย เพราะหากไม่กำจัดออกไปบ้างหนังสือคงสุมจนรกบ้านแน่ ๆ ดังนั้นให้แยกหนังสือออกเป็นประเภท แล้วบริจาคหรือขายออกไป ส่วนพวกสูตรอาหารต่าง ๆ ก็อาจฉีกเก็บไว้รวมกันในแฟ้ม แล้วครั้งหน้าที่ซื้อหนังสืออย่าลืมคิดให้นาน ๆ โดยหากเป็นนิตยสารแนะนำให้เช่าจากร้านเช่าหนังสือใกล้บ้าน ส่วนพ็อกเกตบุ๊กก็ซื้อแบบ E-book จะดีกว่า จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เก็บ


14. เลือกใช้ที่แขวนผ้าขนหนูแบบตะขอ

           เพราะที่แขวนผ้าขนหนูแบบราวแขวนใช้ยาก หากพาดไว้ไม่ดีผ้าขนหนูอาจหล่นมากองที่พื้นได้ ดังนั้นให้เลือกใช้ที่แขวนแบบตะขอจะดีกว่า เพราะแขวนได้ง่ายกว่าและยังประหยัดพื้นที่มากกว่า โดยอย่าลืมติดตั้งในตำแหน่งต่ำสำหรับเจ้าตัวน้อยด้วย จะได้เป็นการฝึกนิสัยให้ช่วยเหลือตัวเองได้


15. ใช้แอพพลิเคชั่นสแกนเอกสารให้เป็นประโยชน์

           ประหยัดพื้นที่วางเครื่องสแกน ด้วยการโหลดแอพพลิเคชั่นสำหรับสแกนเอกสารด้วยมือถือมาใช้ โดยวิธีการสแกนก็แสนง่ายแค่ถ่ายรูปแล้วจัดกรอบเอกสารนิดหน่อย ก็ได้เอกสารคุณภาพไม่ด้อยไปกว่าเครื่องสแกนเลย ประหยัดทั้งเงินและพื้นที่ในการตั้งเครื่องสแกนไปในตัว


16. มีจานเท่ากับจำนวนสมาชิกในบ้านคูณสาม

           หากมีจานจำนวนมากเกินไป นอกจากจะเจอปัญหาที่เก็บไม่พอแล้ว คนในบ้านอาจละเลยการล้างจาน เพราะยังมีใบอื่นให้ใช้อยู่ ดังนั้นให้มีจานเท่ากับจำนวนสมาชิกในบ้านคูณสาม รับรองว่านี่คือสูตรคำนวณที่เพียงพอในกรณีที่มีแขกมาเยือนแล้วด้วย


17. วางเสื้อผ้าพับแบบตั้งแทนแบบนอน

           เสื้อผ้าที่เก็บด้วยวิธีพับ เช่น เสื้อผ้าใส่อยู่บ้าน ชุดนอน หรือเสื้อผ้าที่อาจเสียทรงจากการแขวน ให้พับแล้วเรียงแบบตั้งในตู้หรือตะกร้า วิธีนี้จะช่วยให้เสื้อที่พับไม่ถูกรื้อจนยุ่งเหยิงเวลาจะใช้ แถมยังประหยัดเนื้อที่จัดเก็บได้อีกทางด้วย


18. มีของประเภทเดียวกันให้น้อยที่สุด

           นี่คือความลับของคนบ้านเนี้ยบ เพราะการมีของประเภทเดียวกันให้น้อยที่สุด หรือไม่ก็เพียงชิ้นเดียวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นกรรไกร ปากกา ครีมทาตัว หรือแม้กระทั่งกางเกงขาสั้นสีเดียวกัน จะเป็นวิธีที่ช่วยให้บ้านไม่รก แถมยังใช้ของชิ้นนั้น ๆ ได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย ดังนั้นพยายามกำจัดของอย่างเดียวกันที่ซ้ำออกไปเสีย แล้ววางของที่มีชิ้นเดียวอย่างเป็นที่เป็นทางแทน รับรองว่าบ้านจะเรียบร้อย แถมประหยัดเงินจากการซื้อของที่มีอยู่แล้วด้วย
 

19. เขียนวันหมดอายุให้ชัดเจน

           หาปากกาเคมีมาเขียนวันหมดอายุ ไว้บนภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องสำอางตัวโต ๆ เพราะที่บริษัทผลิตระบุมามักตัวเล็กและอยู่ในตำแหน่งที่เห็นยาก การเขียนกำกับวันหมดอายุไว้ จะช่วยให้เราใช้วัตถุดิบได้ทันเวลาและทิ้งได้ทันที่หมดอายุ ทำให้บ้านไม่รกแถมยังดีต่อสุขภาพด้วย


20. แบ่งปันไลฟ์สไตล์ให้เป็นของขวัญ

           ของในบ้านมากมายทั้งที่ซื้อมาหรือได้ฟรี อาจใช้ไม่หมดถ้าเราไม่รู้จักแบ่งปันคนอื่น แสดงน้ำใจพร้อม ๆ กับเป็นการจัดระเบียบบ้านไปในตัว ด้วยการมอบของเหล่านั้นให้กับผู้อื่นเป็นของขวัญ เช่น มอบไวน์ให้กับเพื่อนนักดื่ม มอบคูปองเติมน้ำมันให้น้องสาว วิธีนี้เป็นการมอบมิตรไมตรีที่ผู้อื่นอาจเรียนรู้และทำตามเช่นกัน


           ลองนำไปทำตามกันดูนะคะ แล้วชีวิตจะเป็นระเบียบขึ้นจริง ๆ เพราะถ้าไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้าวของที่มีมากมายจนรกไปหมด แล้วพยายามทิ้งของไม่ใช้อยู่เสมอ และอย่าซื้อของมาเพิ่มโดยไม่จำเป็นด้วย เพียงเท่านี้บ้านก็จะเป็นระเบียบน่าอยู่สุด ๆ แล้วค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก buzzfeed

https://home.kapook.com/view110479.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/717479784409300094/

Sunday, May 17, 2020

10 วิธีดูแลหลังคาบ้านให้ใช้งานได้นาน ๆ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            เชื่อว่าหลายคนไม่เคยสังเกตหลังคาบ้านของตัวเองว่าชำรุดทรุดโทรม หรือเป็นรูรั่วตรงไหนหรือไม่ ด้วยความที่การเช็กหลังคาเป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องเช็กทั้งด้านนอกและด้านใน อีกทั้งหลังคาก็อยู่สูงและเป็นสิ่งที่ไม่ได้สังเกตเห็นได้ง่ายในทุก ๆ วัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครดูแลรักษาหลังคาจนกว่าจะถึงวันที่ฝนตก น้ำรั่ว นั่นแหละจึงจะขึ้นไปดูแลซ่อมแซมมัน ถ้าอย่างนั้นมัวรออะไรอยู่คะ มาดูวิธีดูแลหลังคาบ้านให้ใช้งานได้นานไร้ปัญหารบกวนแล้วลองลงมือทำตามกันเถอะค่ะ

           1. เริ่มจากการตรวจเช็กดูด้านในก่อน ว่ากระเบื้องหลังคาแผ่นไหนมีสภาพทรุดโทรมและกระเบื้องใกล้หลุดแล้วบ้าง จากนั้นให้รีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่

           2. ตรวจเช็กดูว่าตรงไหนมีรูรั่วที่น้ำสามารถลอดผ่านได้บ้าง จะได้อุดรอยรั่วได้ทันท่วงที เพื่อป้องกันน้ำหยดเวลาฝนตก

           3. ตรวจเช็กดูคราบสกปรก รอยด่างต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามกระเบื้อง หากมีคราบฝังแน่นเหล่านั้น ให้หาทางขจัดออกให้มากที่สุด หลังคาจะได้ดูใหม่ขึ้น

           4. ตรวจเช็กดูว่าหลังคามีรูโบ๋ตรงไหน ที่แสงแดดจากด้านนอกสามารถสาดส่องเข้ามายังตัวบ้านได้บ้าง แล้วจัดการอุดรอยโบ๋ หรือเปลี่ยนแผ่นใหม่

           5. ขึ้นไปตรวจหลังคาด้านนอกด้วยความระมัดระวัง แล้วใช้สายตากวาดดูรอบ ๆ ว่ามีกระเบื้องหลังคาแผ่นไหนแตก, เป็นรูรั่ว และอันไหนกระเบื้องหลังคาหายไปบ้าง จะได้จัดแจงซ่อมแซม หรือเปลี่ยนใหม่ได้ตรงจุด

           6. เช็กดูว่ากระเบื้องหลังคาแผ่นไหนที่เริ่มหลุด ไม่ติดแน่นแล้ว โดยเฉพาะรอบ ๆ ปล่องช่องลม และ แถว ๆ ท่อน้ำ เป็นต้น เพื่อแก้ไขก่อนที่แผ่นหลังคาจะร่วงหล่นลงมา จนเกิดอุบัติเหตุกับคนในบ้าน

           7. ระวังก้อนกรวดเล็ก ๆ จะเข้าไปอุดในท่อน้ำมากเกินไป จะเกิดปัญหาท่อระบายน้ำฝนอุดตันได้ อย่าลืมตรวจเช็กความเรียบร้อยของท่อน้ำไม่ให้มีเศษใบไม้ลงไปคาอยู่ด้วยนะคะ

           8. ตรวจเช็กดูว่าตรงส่วนไหนมีความชื้น ผุพัง หรือมีเชื้อราบ้าง ถ้าปล่อยให้กระเบื้องหลังคาเปียกชื้นมาก ๆ เข้า จะทำให้เชื้อรา และแบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วในเวลา 1-2 วัน จะยิ่งทำให้แก้ปัญหาลำบากเข้าไปอีก

           9. สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืม คือการตรวจสอบที่ระบายน้ำ โดยต้องให้ท่อระบายน้ำกับหลังคาเชื่อมติดกันอย่างมั่นคงแข็งแรง เพื่อไม่ให้เกิดน้ำรั่วออกมานอกท่อ

           10. อย่าเช็กหลังคาแค่เฉพาะส่วนที่คุณใช้เวลาตรงนั้นบ่อย ๆ ให้เช็กดูความเรียบร้อยของหลังคาตรงห้องน้ำ ห้องครัว และตรงช่องระบายอากาศให้เรียบร้อยด้วย เมื่อเจอข้อบกพร่องตรงไหนของหลังคาให้รีบจัดการให้เรียบร้อย จะช่วยให้การดูแลหลังคาง่ายยิ่งขึ้น ไม่ควรรอจนกว่าจะถึงวันที่มีปัญหา จะทำให้การซ่อมหลังคาในวันนั้นยุ่งยากมากกว่าเดิม

          การตรวจเช็กหลังคาบ้านควรทำปีละ 2 หน ช่วงเวลาที่ดีคือช่วงก่อนเข้าหน้าฝน และช่วงหลังหน้าฝน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนหยดเข้ามาในตัวบ้านได้ถ้าหากหลังคารั่ว ดูแลรักษาหลังคาให้ดี จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ภายในบ้านได้อีกเยอะ ลองนำวิธีดี ๆ ที่นำมาฝากในวันนี้ไปใช้กันนะคะ แล้วจะรู้ว่าการดูแลหลังคาบ้านไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ

https://home.kapook.com/view77119.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/717690890605985451/

Saturday, May 16, 2020

ทำความสะอาดบ้านให้ปลอดภัย เอาใจคนรักสัตว์


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           เหตุผลหลัก ๆ ที่เราทำความสะอาดบ้าน นอกจากเพื่อให้บ้านมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัยแล้ว ก็ยังเพื่อสร้างสุขอนามัยที่ปลอดภัยกับคนในบ้านด้วย ยิ่งสำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสุนัข หรือน้องเหมียว คงต้องเพิ่มความสะอาด และความปลอดภัยในบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ด้วย ซึ่งหากว่าคุณยังไม่รู้จะจัดการทำความสะอาดบ้านยังไง ให้ปลอดภัยกับทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ก็ลองมาดูเคล็ดไม่ลับเหล่านี้ แล้วนำไปใช้ให้ถูกวิธีกันนะคะ

1. เลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่ผสมน้ำมันหอมระเหย

          แม้ว่าน้ำยาทำความสะอาดสูตรธรรมชาติ จะไร้สารเคมี และดูปลอดภัยกับสุขภาพของคน แต่กลับมีอันตรายกับสัตว์เลี้ยงสี่ขาของเราพอสมควร โดยเฉพาะน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) กลิ่นส้ม ไซรตรัส และกลิ่นผลไม้ชนิดอื่น ๆ ดังนั้นทำความสะอาดบ้านครั้งต่อไป ก็พยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดประเภทนี้ด้วยนะคะ

2. ใช้น้ำยาถูพื้นที่ไม่มีฤทธิ์รุนแรง

          มีหลายต่อหลายเสียงที่บอกว่า บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงไม่ควรใช้น้ำยาถูพื้น เนื่องจากหากน้องหมา น้องแมว เผลอไปเลียพื้นที่เพิ่งถูเสร็จหมาด ๆ อาจโดนพิษของสารเคมีในน้ำยาถูพื้นทำอันตรายเอาได้ แต่จริง ๆ แล้วทางผู้เชี่ยวชาญ (Pet Poison Helpline) ก็เผยว่า ยังไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดสักรายว่า น้ำยาถูพื้นส่งผลให้น้องหมาน้องแมวเจ็บป่วยถึงแก่ชีวิต แต่เราควรเลือกแบบที่ไม่มีสารรุนแรงในน้ำยาจะดีกว่านะคะ

3. เก็บน้ำยาทำความไว้ในที่ปลอดภัย

          ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์ หากกลืน หรือดมกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดสารพัดชนิดในปริมาณที่เข้มข้น ก็มีสิทธิ์เวียนหัว อาเจียน และท้องร่วงได้ ดังนั้นหลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ควรเก็บน้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาถูพื้น น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ไว้ในที่ปลอดภัย ห่างจากเด็ก และไม่มีโอกาสตกแตก หรือรั่วไหลเด็ดขาดด้วยนะจ๊ะ

4. แขวนกรงนกไว้ให้ห่างตัวบ้าน

          ลักษณะทางกายภาพของนกค่อนข้างแตกต่างจากสัตว์เลี้ยง เช่น หมา หรือแมว เพราะนกเป็นสัตว์ปีกที่สามารถบินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ ที่สำคัญในตัวนกเองก็ไม่มีปอด แต่จะมีถุงลม (Air Sac) ทำหน้าที่แทนปอด ซึ่งถุงลมที่ว่านี้ไม่มีความสามารถมากพอจะคัดกรองสารพิษที่นกสูดดมได้ ดังนั้นบ้านไหนที่เลี้ยงนก ควรจะขยับกรงนกออกไปให้ห่างตัวบ้าน เพื่อให้นกปลอดภัยจากกลิ่นสี กลิ่นน้ำยาทำความสะอาด และกลิ่นเผาไหม้จากกระทะเทฟรอนในระหว่างที่คุณทำอาหารด้วย

5. เก็บเครื่องปรุงรสในภาชนะที่มีฝาปิด

          หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า เครื่องปรุงรสอย่างกระเทียม หัวหอม ถั่ว และผลไม้อย่างองุ่น และลูกเกด สามารถก่อให้เกิดโรคไตวายในสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมและหัวหอม ที่ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงเกิดโรคโลหิตจางขั้นรุนแรงได้เลย รวมทั้งถั่วทุกชนิดก็อาจทำให้น้องหมา น้องแมวเกิดภาวะอัมพาตชั่วคราวได้ด้วย ฉะนั้นคุณจึงต้องเก็บอาหาร และเครื่องปรุงรสเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง หากสามารถบรรจุไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดแน่นหนาได้ก็จะดีมาก

6. แยกเก็บอาหารและยาของสัตว์เลี้ยง ให้ชัดเจน

          กรณีหยิบอาหารและยาผิดประเภท หรือสลับกันกินเคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นความสะเพร่าที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว เนื่องจากหากคุณหยิบยาสำหรับสัตว์เลี้ยงมาให้ลูกรักกิน หรือหยิบยาของคนไปป้อนหมา และแมว โอกาสที่เด็ก และสัตว์เลี้ยงจะแพ้ยาก็มีสูงมาก แถมบางรายยังอาจถึงขั้นหายใจหอบ รวมทั้งขนหลุดร่วงหมดตัวได้เลยนะ และเพื่อเลี่ยงเหตุผิดพลาดเช่นนี้ ก็ควรจัดเก็บยาของสัตว์เลี้ยงและคนแยกออกจากกันอย่างชัดเจนที่สุด

7. อย่าให้สุนัขเฉียดใกล้ต้นปาล์ม

          สำหรับบ้านที่มีสวน และปลูกต้นปาล์มไว้หลายต้น อาจจะต้องสร้างรั้วกั้นสุนัขไม่ให้มาวิ่งเล่นเพ่นพ่านแถวต้นปาล์มสักหน่อยแล้วล่ะ เพราะว่าต้นปาล์มกับสุนัขไม่ค่อยถูกกันเท่าไร หากน้องหมาของเราเผลอไปเคี้ยวลูกปาล์มขึ้นมา อาจจะเสี่ยงเป็นโรคตับล้มเหลวได้เลยทีเดียว

8. ระวังน้องแมวอย่าให้เล่นดอกลิลลี่

          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ดอกลิลลี่เป็นดอกไม้ที่สวยมาก ๆ แต่หากบ้านคุณมีเจ้าเหมียวอาศัยอยู่ด้วย ก็ไม่ควรปลูกดอกลิลลี่ หรือนำดอกลิลลี่มาปักแจกันแต่งบ้านโดยเด็ดขาด เนื่องจากในดอกลิลลี่มีสารพิษชนิดหนึ่งที่สามารถฆ่าน้องเหมียวของเราให้สิ้นชีพได้ง่าย ๆ ขนาดแค่แมวกินน้ำในแจกันที่ปักดอกลิลลี่อยู่ ก็อาจทำอันตรายถึงชีวิตได้เลยล่ะค่ะ

9 .ตรวจเช็กถังซักผ้าก่อนปั่นน้องแมวไปด้วย

          ทาสแมวทุกคนน่าจะรู้ดีว่า เจ้าเหมียวของเราโปรดปรานพื้นที่อุ่น ๆ มากแค่ไหน ยิ่งมีที่กำบังด้วยแล้วยิ่งชอบใจมาก ๆ แม้แต่ในถังซักผ้าของเครื่องซักผ้าเองก็ไม่เว้น ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบโยนเสื้อผ้าใส่แล้วลงไปค้างไว้ในเครื่องซักผ้าเสมอ ๆ ก่อนเดินเครื่องซักผ้าก็น่าจะต้องใช้มือควาน ๆ ลงไปในถังซักสักนิด เพื่อตรวจสอบว่า มีเจ้าเหมียวนอนซุกตัวอยู่ในถังซักผ้าบ้างหรือเปล่า ไม่เช่นกันอาจเกิดเหตุสลดใจ ปั่นซักน้องเหมียวไปด้วย

10. ดูดฝุ่นพรมบ่อย ๆ ป้องกันภูมิแพ้

          น้องหมา น้องแมว เห็นพื้นพรมเป็นไม่ได้ ต้องเข้ามานอนเกลือกกลิ้งผืนพรมบ่อย ๆ โดยเฉพาะแมวที่ชอบฝนเล็บกับพรม และโซฟาของเรามาก ๆ ฉะนั้นหากคุณเองก็มีลูกน้อยวัยกำลังคลาน ก็ควรต้องทำความสะอาดพื้นพรม และโซฟาบ่อย ๆ โดยดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ได้ หรือถ้าขยันหน่อยจะดูดฝุ่นทุกวันก็ยิ่งดีค่ะ เด็ก ๆ จะได้ไม่เสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้จากขนสัตว์

          สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเราเช่นกัน ดังนั้นเราก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด และหากว่าคุณเองก็มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน ก็อย่าลืมดูแลบ้านให้ปลอดภัยทั้งกับคนและสัตว์เลี้ยงด้วยนะจ๊ะ

https://home.kapook.com/view80473.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/414542340703707370/

Friday, May 15, 2020

10 เทคนิคดูแลบ้านหน้าฝน


10 เทคนิคดูแลบ้านหน้าฝน (momypedia)

          แม้ปีนี้ฤดูฝนบ้านเจะมาช้าสักหน่อย แต่ดูท่าว่าจะกินระยะเวลายาวทีเดียว และที่แตกต่างจากทุก ๆ ปี คือนอกจากฝนตกชุกแล้วยังมาพร้อมกับพายุลมแรง ซึ่งอาจก่อความเสียหายให้บ้านหลังงามของคุณได้ เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เราจึงมีเทคนิคดูแลบ้านในช่วงหน้าฝนอย่างง่าย ๆ มาฝาก รับรองว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงคุณสาว ๆ แน่นอน

           1. หมั่นเช็กการรั่วซึมของหลังคา ฝ้า ผนัง การรั่วซึมของหลังคาหรือผนัง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ และส่วนใหญ่มักจะทราบเมื่อเกิดปัญหามาได้สักระยะหนึ่งแล้ว วิธีตรวจสอบง่าย ๆ คือ หมั่นสังเกตรอยรั่วซึมแตกร้าวของหลังคา ฝ้าเพดานและฝาผนัง หรือรอยต่อของวัสดุต่างๆ เช่น ขอบหน้าต่างว่ามีคราบรอยน้ำหรือไม่ ถ้าพบว่ามีการแตกร้าวหรือรั่วซึมจริงให้รีบติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้

           2. ดูแลรางน้ำฝน อย่าปล่อยให้รางน้ำฝนมีเศษใบไม้ หรือขยะอุดตัน เพราะเวลาฝนตกหนักๆ อาจจะทำให้น้ำไหลย้อนเข้าไปรั่วภายในบ้านได้

           3. ล้างท่อระบายน้ำ หมั่นตักขยะ เศษใบไม้ เศษดิน ขี้โคลน ออกจากบ่อดักขยะในบ้านของคุณ รวมทั้งล้างบริเวณระเบียง หรือเฉลียง เพื่อป้องกันไม่ให้ท่อระบายน้ำอุดตัน

           4. ขยันขัดพื้น หลังฝนตก ควรขัดล้างพื้นรอบ ๆ บ้านอย่าให้มีตะไคร่จับ หรือเป็นคราบดิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ลื่นหกล้มได้ง่าย

           5. คว่ำภาชนะที่ไม่ใช้ ภาชนะจำพวกถังน้ำที่วางอยู่นอกตัวบ้าน ควรจับวางคว่ำไว้ เพื่อไม่ให้มีน้ำขัง และกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก

           6. ตัดกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวบ้านให้สั้นเข้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งไม้หักโดนตัวบ้าน เวลามีลมพายุแรง ๆ และป้องกันไม่ให้สัตว์เลื้อยคลานใช้เป็นทางเดินเข้าสู่ภายในบ้าน ข้อนี้อาจต้องพึ่งคนสวน เพื่อนหนุ่มหรือคุณสามี

           7. ทำไม้ค้ำยันให้ต้นไม้ บ้านที่เพิ่งปลูกต้นไม้ใหญ่ ควรทำไม้ค้ำยันต้นไม้ไว้ เพื่อให้ลำต้นตั้งตรง ไม่เอนเอียง หรือโค่นล้ม เมื่อมีลมพัดมาแรง ๆ และช่วยทำให้รากต้นไม้สามารถแผ่ขยายได้อย่างรวดเร็วด้วย

           8.ย้ายเฟอร์นิเจอร์สนามหลบฝน เมื่อฝนตกบ่อย ๆ ขึ้น ชุดเฟอร์นิเจอร์สนามที่คุณเคยใช้นั่งเล่นกินลม คงไม่เหมาะที่จะใช้งานต่อไป ทางที่ดีควรหาที่จัดเก็บเพื่อหลบฝนหรือใช้ผ้าใบคลุมไว้

           9.บ้านที่โล่งโปร่งสบายในหน้าร้อน เมื่อถึงฤดูฝนควรทำชายคา หรือกันสาดยื่นออกมาเพื่อกันไม่ให้ฝนสาดเข้าไปกระทบกับช่องเปิดพวกบรรดาประตู หน้าต่าง หรือผนังบ้านในส่วนต่าง ๆ เพื่อป้องกันการผุพัง คราบเชื้อรา หรือคราบตะไคร่น้ำจับเกาะบริเวณผนัง

           10. ปลูกต้นไม้ใหม่หรือย้ายต้นไม้ในกระถางลงดิน ต้นฤดูฝนเป็นเวลาที่เหมาะกับการปลูกต้นไม้ใหม่ ๆ ให้กับสวนของคุณ โดยเฉพาะการลงต้นไม้ขนาดใหญ่ ควรทำในช่วงนี้ เพราะอากาศมีความชื้นสูง และมีน้ำฝนมาช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน ใบไม้จึงระเหยน้ำไม่มาก ต้นไม้จะมีโอกาสรอดสูง

          ถ้าคุณทำได้หมดทุกข้อ รับรองว่าหน้าฝนนี้ถึงจะไม่ค่อยได้ออกไปไหน ๆ แต่คุณก็สามารถอยู่บ้านได้อย่างมีความสุขแน่นอน...

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://hilight.kapook.com/view/52315
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/671740100660115574/

Thursday, May 7, 2020

6 วิธีจัดบ้านให้สะอาด สบาย และปลอดโปร่ง อยู่แล้วดี...แฮปปี้เว่อร์ !!



วิธีจัดบ้านให้สะอาด ปลอดโปร่ง และน่าอยู่ อีกทั้งยังส่งผลให้มีร่างกายที่แข็งแรง จิตใจเบิกบาน อยากรู้ว่ามีวิธีจัดบ้านอย่างไร ตามไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

นิยามคำว่าสบายของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งในวันนี้กระปุกดอมคอมก็ขอนำอีกหนึ่งเคล็ดลับของบ้านนี้อยู่แล้วสบาย...บ้านนี้อยู่แล้วดี จากคอลัมน์ “ดีไซน์ไอเดีย” นิตยสารบ้านและสวน เกี่ยวกับข้อควรคำนึงถึงในการสร้างบ้านหรือจัดบ้านให้สะอาด ปลอดโปร่ง และน่าอยู่มาฝากกันค่ะ 

นอกจากนี้วิธีจัดบ้านทั้ง 6 ข้อต่อไปนี้ ยังช่วยเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี ที่จะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและมีจิตใจเบิกบานอีกด้วยค่ะ


บ้านนี้อยู่แล้วสบาย...บ้านนี้อยู่แล้วดี โดย ดีไซน์ไอเดีย/บ้านและสวน

เรื่อง : "อัจฉรา จีนคร้าม"
ข้อมูล : หนังสือ Healthy Home, บ้านอยู่สบาย โดย ธนาธิป รัตนัย

สภาวะสบายของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป บางคนเลือกพื้นที่ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา บ้างขอเพียงมุมระเบียงเล็ก ๆ ที่มองเห็นท้องฟ้ากว้างเท่านั้น เพราะฉะนั้นสภาวะสบายจึงมีความหมายเท่ากับความสุข ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ที่บ้านของตัวเอง “ดีไซน์ไอเดีย” ฉบับนี้มีข้อควรคำนึงถึงในการสร้างบ้านหรือจัดบ้านให้สะอาด ปลอดโปร่ง และน่าอยู่มาฝากกันค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี เมื่อร่างกายแข็งแรงก็พลอยทำให้จิตใจเบิกบานแจ่มใสไปด้วย อย่างนี้แล้วความสุขจะไปไหนเสีย

1. ฝุ่นละออง ดองไว้ไม่ดี

ฝุ่นก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้และสุขภาพที่เสื่อมถอย แต่เราก็หลีกเลี่ยงได้ยากเต็มที เพราะรอบตัวเรานั้นมีทั้งฝุ่นที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ผิวหนังชั้นนอกที่ผลัดเซลล์ผิว เส้นผม ขนสัตว์เลี้ยง และฝุ่นในอากาศที่เป็นมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ขอแนะนำให้หมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ หากกำลังจะสร้างบ้าน ควรเริ่มจัดวางแปลนบ้านโดยลดพื้นที่ซอกหลืบที่ทำความสะอาดยากหรือพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงให้น้อยที่สุด ทำบานปิดให้ตู้หรือชั้นวางแบบเปิดโล่งที่ใช้จัดเก็บหนังสือหรือของโชว์ รวมถึงเรื่องเล็ก ๆ ที่อาจไม่เล็กอย่างระยะของโรงจอดรถกับประตูบ้าน หากมีพื้นที่เพียงพออาจเว้นระยะห่างสักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องจอดรถตรงกับหน้าประตูพอดี เพราะอาจเป็นการนำพาฝุ่นและควันเข้าบ้านได้ หรืออาจปลูกต้นไม้เพื่อช่วยกรองฝุ่นละอองบริเวณหน้าบ้าน ก็ทำให้บ้านสดชื่นและช่วยลดฝุ่นละอองไปด้วยในตัว


2. กลิ่นที่พึงใจ

บ้านหอม ๆ สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่เปิดประตูรั้ว กลิ่นภายในบ้านมีได้ตั้งแต่กลิ่นท่อระบายน้ำ กลิ่นขยะ ฯลฯ ควรหมั่นดูแลบ่อพักขยะอย่าให้เกิดการอุดตัน ควรทิ้งขยะในภาชนะที่ปิดมิดชิด หรือทิ้งตามเวลาที่รถเก็บขยะมารับไปเพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมจนส่งกลิ่นเหม็นเน่า ส่วนภายในบ้านควรหมั่นตรวจสอบกลิ่นจากท่อน้ำทิ้งต่าง ๆ เช่น ท่อระบายน้ำทิ้ง จากซิงค์ในครัว ซึ่งไม่ควรมีเศษอาหารมาอุดตันหรือกลิ่นจากห้องน้ำที่เกิดจากชักโครก ควรตรวจสอบว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ หมั่นทำความสะอาดและติดตั้งพัดลมดูดอากาศก็ช่วยได้อีกทางหนึ่ง เมื่อบ้านสะอาดแล้ว ลองหาเครื่องหอมในบ้านที่กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไปมาใช้แทนของตกแต่งบ้านก็ได้ และยังทำให้บ้านมีกลิ่นหอมอีกด้วย


3. แสงส่อง

แสงสว่างที่เพียงพอช่วยฆ่าเชื้อโรคและทำให้บ้านไม่อับชื้น ทิศทางการเปิดรับแสงภายในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรวางแผนตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบ เช่น มุมหลักที่ใช้งานพร้อมหน้าทั้งครอบครัวอย่างห้องนั่งเล่น หากใช้เวลาในช่วงเช้ามากกว่าช่วงเวลาอื่น การหันหน้าไปทางทิศตะวันออกก็ทำให้ได้รับแสงยามเช้า นอกจากนี้วัสดุที่เลือกใช้ภายในบ้านก็ไม่ควรมองข้าม ในมุมที่ต้องการให้มีแสงส่องผ่าน เช่น ครัวหรือห้องน้ำ ควรเลือกกรุกระเบื้องหลังคาไฟเบอร์กลาสแบบใสหรือทำผนังกระจก ก็ช่วยให้แสงส่องผ่านได้ดี


4. วอนลมพัดพา


ลมช่วยระบายอากาศและสร้างสภาวะน่าอยู่ได้เป็นอย่างดี การออกแบบช่องลมในบ้านจึงมีความสำคัญมาก ทิศทางลมที่ไหลเวียนเข้ามาในตัวบ้านต้องมีทางให้เข้า-ออก ดังนั้นช่องลมควรอยู่ตรงกันหรือเยื้องกัน นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงทิศทางลมประจำฤดูด้วย เช่น ฤดูร้อนลมพัดมาจากทางทิศใต้ ฤดูหนาวลมพัดมาจากทางทิศเหนือลงใต้ และฤดูฝนลมพัดเข้ามาทุกทิศทาง มีหลายวิธีที่ช่วยให้ลมเข้าบ้าน เช่น เลือกติดหน้าต่างบานเกล็ดหรือใช้อิฐบล็อกช่องลมที่ช่วยพรางสายตาและสร้างความเป็นส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง

5. ไม่มีเสียงรบกวน

มลพิษทางเสียงนับเป็นปัญหาใหญ่ที่เข้ามาขัดจังหวะความสงบภายในบ้าน วัสดุกรุที่ดีจะช่วยดูดซับเสียงทำให้บ้านเงียบและกันความร้อนไปในตัว หากใช้กระจกนิรภัยซึ่งเป็นกระจกสองแผ่นคั่นกลางด้วยพีวีบี (Polyvinyl Butyral) ที่มีคุณสมบัติเหนียวและทนทานจะช่วยลดอันตรายจากรังสียูวีและคลื่นเสียงความถี่สูงได้ หรือใช้กระจกฉนวนกันความร้อนหรือกระจก Low-E ที่ทำจากกระจกสองแผ่นประกบกัน โดยมีอะลูมิเนียมซึ่งบรรจุสารดูดซึมความชื้นหรือก๊าซเฉื่อยคั่นกลาง ด้านนอกนิยมใช้กระจกเทมเปอร์เพื่อช่วยสะท้อนแสงได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงใช้วัสดุสร้างบ้านแบบเดิมแต่คูณสองเข้าไปก็ช่วยเก็บเสียงได้อีกทาง เช่น ผนังยิปซั่มหรือแผ่นอะคูสติกบอร์ด หรือก่อผนังสองชั้น โดยเว้นช่องตรงกลาง บวกกับใช้วัสดุซับเสียงช่วยอีกชั้น รับรองว่าเงียบสบายสมใจ

6. สัตว์เลี้ยงและไม่อยากเลี้ยง

สัตว์เลี้ยงสุดรักอาจนำพาสุขภาพไม่ดีมาสู่เราได้หากดูแลพวกเขาได้ไม่ดีพอ ควรกำหนดขอบเขตให้พวกเขาตั้งแต่เริ่มเลี้ยง ฝึกให้ทำกิจกรรมเป็นบริเวณ ๆ ไป เพื่อช่วยให้เราสามารถทำความสะอาดพื้นที่เหล่านี้ได้สะดวก รวมถึงสัตว์ที่เราไม่ได้อยากเลี้ยงแต่มาเองอย่างยุง หนู หรือแมลงต่าง ๆ ก็ควรออกแบบพื้นที่ให้มิดชิด ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ ตู้ควรมีหน้าบานปิดมิดชิด และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยป้องกันได้อีกทางหนึ่ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

บ้านและสวน


เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/22588435618250136/