Monday, January 23, 2023

7 เทคนิคซ่อมบำรุงบ้านสุดรัก แบบประหยัดเว่อร์ ๆ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


เวลาที่บ้านชำรุดทรุดโทรม เราก็มักจะหาวิธีซ่อมบำรุงด้วยตัวเองในเบื้องต้นก่อน หรือไม่ก็หาช่างฝีมือดีมาช่วยจัดการปัญหาทั้งหลายให้หมดไป ซึ่งก็ต้องเสียทั้งเวลาและเงินในการบำรุงซ่อมแซมไม่มากก็น้อย ทั้ง ๆ ที่บางทีจุดซ่อมแซมก็เป็นปัญหาที่เล็กนิดเดียว ดูแล้วไม่น่าจะต้องเสียเวลาจ้างช่างมาซ่อมเลยใช่ไหมคะ แต่ที่เป็นจำเป็นต้องจ้างช่าง ก็เพราะว่าเราไม่รู้วิธีซ่อมบำรุงจุดชำรุดเหล่านี้ด้วยตัวเอง


            ถ้าอย่างนั้นเราลองมาดู 7 เทคนิคซ่อมบำรุงบ้านต่อไปนี้กันดีกว่า คราวหน้าถ้าเกิดจุดชำรุดในบ้านตรงบริเวณเหล่านี้ขึ้นมาอีก จะได้ลงมือซ่อมบำรุงบ้านด้วยตัวเองได้เลยทันที แถมประหยัดเงินในกระเป๋ากว่ากันมากเลยด้วย



1 ก๊อกน้ำหรือฝักบัวรั่ว


            ก๊อกน้ำตามจุดต่าง ๆ ทั้งอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ และอ่างล้างจานในห้องครัว รวมถึงฝักบัวที่พอใช้ไปนาน ๆ ก็เริ่มจะอุดตัน หรือรั่วบ้างตามสภาพการใช้งาน ก็ไม่จำเป็นต้องหาซื้อก๊อกมาเปลี่ยนใหม่ เพราะเพียงแค่หมุนหัวก๊อกหรือหัวฝักบัว และดึงเอาวงแหวนเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านในออก ใส่วงแหวนอันใหม่เข้าไป ก็สามารถแก้ปัญหาก๊อกน้ำหรือฝักบัวรั่วได้แล้วค่ะ เพราะอาการรั่วของก๊อกน้ำและฝักบัวส่วนใหญ่ มักจะมีสาเหตุมาจากเจ้าวงแหวนเล็ก ๆ ที่มีหน้าที่ช่วยให้นอตแน่น ดันเกิดเปื่อยหรือขาดนี่เอง


2 ล้างฟิลเตอร์แอร์


            ฟิลเตอร์ในเครื่องปรับอากาศ จะทำหน้าที่กรองอากาศ ซึ่งหากฟิลเตอร์แอร์มีแต่ฝุ่นเกาะจับหนาอยู่ตลอด ก็จะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น หรือเปลืองไฟมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นการถอดล้างเพื่อทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์ จะสามารถช่วยประหยัดไฟให้คุณได้อีกมากโข นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้ยาวนาน และทำความเย็นได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย


3 ทำความสะอาดรางน้ำฝน


            ไม่ว่าบ้านคุณจะเป็นบ้าน 2 ชั้น หรือบ้านชั้นเดียว ก็ควรต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดรางน้ำฝนเอาไว้ให้พร้อม เนื่องจากหากรางน้ำฝนอุดตัน จะทำให้เกิดปัญหาน้ำฝนล้นรางลงมาเปื้อนผนังบ้าน หน้าต่าง และข้าวของที่วางไว้ในบริเวณนั้นให้เสียหาย หรือต้องเสียเงินซ่อมบำรุงกันใหม่ ดังนั้นทางที่ดีควรหมั่นเก็บกวาด ทำความสะอาดรางน้ำฝนให้เรียบร้อย จะปีนบันไดขึ้นไปแล้วใช้ไม้กวาดทำความสะอาด หรือจะใช้สายยางฉีดน้ำไล่สิ่งอุดตันก็ได้ค่ะ


4 ตรวจสอบเครื่องตรวจจับควัน


            หากที่บ้านของคุณติดเครื่องตรวจจับควันไฟเอาไว้สำหรับเตือนภัยไฟไหม้ ก็ต้องหมั่นตรวจสอบการใช้งานอยู่เสมอ เพราะอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยเหล่านี้ มักจะทำงานได้ด้วยแบตเตอรี่ และส่วนมากก็จะมีอายุการใช้งานเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ฉะนั้นจึงควรจดจำวันที่ติดตั้งเอาไว้ให้ดี หรือไม่ก็เขียนวันที่อย่างชัดเจนติดเอาไว้ในจุดที่สังเกตง่ายเพื่อกันลืม จะได้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุไฟไหม้ ที่อาจเสียทรัพย์จนหมดบ้านได้


5 กำจัดรอยบุ๋มบนเฟอร์นิเจอร์ไม้


            โต๊ะกาแฟที่เป็นไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีอยู่ในบ้าน อาจเกิดการกระแทกจนเป็นรอยบุ๋มเอาได้ แนะนำให้กำจัดรอยบุ๋มด้วยการใช้ผ้าคอตตอนสำหรับเช็ดจาน ชุบน้ำให้ชุ่ม จากนั้นก็พับเป็นสี่เหลี่ยมเตรียมไว้ เสร็จแล้วก็ตั้งเตารีดระบบแห้งที่อุณหภูมิสูงสุด รอจนเตารีดร้อนแล้วก็นำผ้าชุบน้ำที่เตรียมไว้ มาประคบตรงรอยบุ๋ม และค่อย ๆ จับเตารีดอังบนผ้าประมาณ 2-3 วินาที และนำผ้าออก ใช้น้ำยาขัดเฟอร์นิเจอร์ไม้ขัดอีกครั้ง ทำซ้ำอย่างนี้เรื่อย ๆ จนกว่ารอบบุ๋มจะหายไป


6  แก้ปัญหาวอลเปเปอร์หลุดลอด


            เวลาผ่านไปความสวยงามของบ้านก็เริ่มทรุดโทรมลง วอลเปเปอร์ที่เคยติดอยู่บนผนังอย่างสวยงาม ก็เกิดหลุดร่อนออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ซึ่งวิธีแก้ปัญหานี้ก็แค่นำลูกกลิ้งขนาดเล็กสำหรับทากาว มาชุบกาวติดผนัง แล้วทาไปบริเวณผนังและแผ่นวอลเปเปอร์ที่หลุดล่อนออกมา จากนั้นก็แปะชิ้นส่วนวอลเปเปอร์กลับเข้าไปอย่างเดิมและรอให้แห้งเท่านี้เองจ้า


7 หยุดเสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานประตู


            ถ้าทุกครั้งที่บิดลูกบิดประตู แล้วต้องทนเสียวฟันเพราะเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ดังมาจากลูกบิด ก็ถึงเวลาต้องแก้ปัญหานี้แล้วล่ะ วิธีก็ไม่ยากค่ะ เพียงแค่ถอดลูกบิดประตูออกมาจากบานพับ แล้วขัดทำความสะอาดฝุ่น และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกให้หมด จากนั้นก็นำปิโตรเลียมเจลมาทาที่ลูกบิดและบานพับให้ทั่ว ขั้นตอนสุดท้ายก็นำลูกบิดใส่กลับเข้าที่บานพับเหมือนเดิม เท่านี้ก็เรียบร้อย


            จุดชำรุดทรุดโทรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเสียเงินจ้างช่างมาซ่อม เพราะเพียงแค่ใช้เทคนิคดูแลบ้านอย่างที่เรานำมาฝาก ก็สามารถซ่อมแซม บำรุง และป้องกันบ้านจากความเสียหายต่าง ๆ ได้ครบถ้วนแล้วเนอะ


cr. pic. https://www.pinterest.com/pin/34128909668667065/


Tuesday, February 8, 2022

12 วิธีไล่มดไม่ให้กวนใจ ได้ผลชะงัด แถมไม่ต้องฆ่าให้บาป


วิธีไล่มด 12 วิธีกำจัดมดออกจากบ้าน ไม่ว่าจะห้องนอน ห้องครัว หรือห้องไหน ๆ ก็ได้ผล ไม่กลับมากวนใจ แถมยังปลอดภัยกับคนในบ้าน

เรียกได้ว่ามดเป็นสัตว์ตัวจิ๋วที่อยู่ได้ทุก ๆ ที่ และทุกส่วนในบ้าน ยิ่งในห้องครัวหรือตรงไหนที่เผลอวางของหวานไว้ละก็ กลับมาอีกทีก็อาจจะโดนเจ้ามดเหล่านี้ยึดของกินจนหมด มดธรรมดาตัวเล็กอาจเพียงแค่ฉกของกินไปครอบครอง แต่ถ้าหากโชคร้ายเจอมดสายพันธุ์อื่นที่ตัวใหญ่ขึ้นมา อาจจะทำให้ข้าวของเสียหายไปมากกว่านี้ เช่น มดพันธุ์ที่ทำลายไม้ อาจจะทำให้บ้านของคุณเสียหายได้ หรือแม้กระทั่งทำอันตรายกับคนในบ้านด้วย แต่ข้อดีของมดก็คือทำให้ระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมสมดุล นั่นหมายความว่าการป้องกันมด เป็นวิธีที่ดีกว่าการกำจัดมด วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำวิธีไล่มดแบบเด็ด ๆ มาฝากกัน งั้นลองมาดูกันสิว่าจะมีวิธีไหนที่ช่วยไล่มดได้บ้างนะ

1. ทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ

          วิธีไล่และป้องกันหมดขั้นพื้นฐานเลยก็คือ หมั่นทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะในห้องกินข้าวและห้องครัว เวลาทำอาหารหรือกินอาหารเสร็จ ให้กวาด เช็ด และกำจัดเศษอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมถึงคราบเหนียว ๆ ที่ติดอยู่บนโต๊ะและพื้นเสมอ รีบล้างจานทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพื่อไม่ให้มดแห่มาหาอาหาร หมั่นกวาดบ้านและดูดฝุ่นเป็นประจำ ส่วนอาหารที่กินไม่หมด ให้ห่อฟิล์มถนอมอาหารไว้ เก็บเครื่องปรุง ของหวาน ในภาชนะที่มีฝาปิดแน่นสนิท รับรองทำแบบนี้เป็นประจำจนไม่มีอาหารให้กิน ไม่เกิน 3-7 วัน มดก็จะพากันอพยพไปอยู่ที่อื่นแทนแล้ว

2. ไล่มดด้วยแป้งเด็ก

          เนื่องจากมดไม่ชอบผิวสัมผัสนุ่ม ๆ ของแป้งเด็ก ดังนั้นถ้าหากใครอยากกำจัดมดง่าย ๆ ไม่ต้องหาอุปกรณ์อะไรให้ยุ่งยาก ขอแนะนำให้นำแป้งทาตัวที่มีในบ้านไปโรยบริเวณที่เห็นมดบ่อย ๆ ได้เลย รับรองทำแค่นี้ ก็จะไล่มดออกจากบ้านได้แบบชิล ๆ แถมยังทำให้มดไม่อยากกลับมาอีกด้วยนะ

3. ไล่มดด้วยเกลือ

 เกลือที่เราใช้บริโภคกันปกติก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ชวยไล่มดได้ โดยมีวิธีใช้ 2 แบบ คือ ต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่เกลือลงไปพอสมควร คนให้ละลายเข้ากันจนกลายเป็นน้ำเกลือ จากนั้นบรรจุในขวดสเปรย์เพื่อนำไปฉีดไล่มดให้ทั่วบ้าน กับนำเกลือเปล่า ๆ ไปโรยตามซอกตามมุมที่คิดว่ามดจะแอบเข้ามา เท่านี้ก็จะช่วยบอกลามดแบบไม่ต้องฆ่าและไม่ต้องบาปแล้ว

4. อุดรอยรั่วให้สนิท

          ลองสังเกตดูว่ามดเดินเข้า-ออกมาจากรูไหน เช็กตามรอยร้าวและขอบประตูหน้าต่าง จากนั้นก็ซ่อมแซม หายางซิลิโคน เทปกาว หรือพลาสเตอร์ มาปิดให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้มดออกมาเพ่นพ่านสร้างความรำคาญใจให้กับคนในบ้าน แต่ไม่ใช่ว่าทำครั้งเดียวจะจบ ต้องหมั่นสังเกตดูอยู่เสมอ เพราะบางทีวัสดุที่ปิดรูไว้อาจจะเสื่อมสภาพและทำให้เปิดออกได้เหมือนเดิม อีกทั้งบางครังมดอาจจะพยายามเจาะรูจนออกมาได้อยู่ดี ฉะนั้นต้องคอยตรวจสอบและเปลี่ยนใหม่เป็นประจำด้วยนะคะ

5. เคลือบด้วยปิโตรเลียมเจล

          เพื่อป้องกันไม่ให้มดเข้าบ้าน เข้าของใช้ในบ้าน หรือเป็นการไล่มดขึ้นข้าวสาร ให้หาปิโตรเลียมเจล ขี้ผึ้ง หรือยาหมองที่เหนียว ๆ หนืด ๆ มาทาปิดรู ปิดขอบของใช้ในบ้าน และทาปิดปากถังข้าวสารซะ เท่านี้ก็จะช่วยยับยั้งไม่ให้มดเข้ามากวนได้แล้ว ทว่าวิธีนี้ต้องคอยทำซ้ำอยู่เรื่อย ๆ แต่ว่าเห็นผลดีกำจัดหมดได้แน่นอน อ้อ แล้วสำหรับถังข้าวสารที่มีปัญหามดขึ้นบ่อย ๆ นอกจากจะทาปิโตรเลียมเจลเพื่อช่วยป้องกันแล้ว อย่าลืมปิดฝาให้สนิทด้วย และหากเจอปัญหามดขึ้นจริง ๆ ก็อาจจะใส่ใบมะกรูด หรือพริกแห้ง ลงไปเพื่อช่วยให้กลิ่นฉุนและความร้อนช่วยไล่มดออกมา สุดท้ายถ้ามดยังไม่ยอมออกไปจริง ๆ ให้นำข้าวสารออกมาตากแดดในภาชนะสเตนเลสก็จะช่วยได้ชัวร์

          - มดขึ้นข้าวสาร ทําอย่างไรดี เรามีวิธีแก้มาฝาก !

6. ปิดทางเดินด้วยน้ำส้มสายชู

อีกหนึ่งเคล็ดลับไล่มดที่มีประสิทธิภาพสุด ๆ ต้องยกให้กับ การกำจัดทางเดินมด โดยให้เราสังเกตดูว่า ปกติแล้วมดเดินทางมาจากตรงไหน อย่างไร ก่อนจะเข้ามาถึงบ้านเรา จากนั้นก็ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน แล้วนำไปฉีดพ่นตลอดทางเดินนั้น วิธีนี้จะช่วยรบกวนไม่ให้มดได้กลิ่น และขวางไม่ให้เดินมาตามทางเดิม จนต้องมองหาเส้นทางใหม่ ซึ่งในระหว่างนั้นก็ให้เราสังเกตและคอยกำจัดเส้นทางอยู่ตลอด เพื่อเป็นการบังคับให้มดยอมแพ้และออกไปที่อื่นแทนนั่นเอง

7. กำจัดด้วยสเปรย์น้ำยาล้างจาน

          น้ำยาล้างจานสามารถกำจัดมดและทำลายกลิ่นของมดตามทางเดินได้ เพียงแค่ใส่น้ำยาล้างจานในขวดสเปรย์ประมาณ 1 ช้อนชา เติมน้ำลงไปพอสมควร เขย่าให้เข้ากัน อาจจะผสมน้ำมันเปเปอร์มินต์หรือน้ำมันเปลือกส้มลงไปเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้วยก็ได้ จากนั้นนำไปฉีดบริเวณรังมด ทางเดินของมด หรือบริเวณที่พบเห็นมดบ่อย ๆ ก็จะทำให้เจ้ามดตัวน้อยเข็ดและหายไปพักใหญ่เลยล่ะ

8. โรยผงชอล์กตามทางเดิน

          เพราะชอล์กมีแคลเซียมคาร์บอเนตที่มดกลัวอยู่ด้วย ดังนั้นเมื่อเราโรยผงชอล์กไว้รอบบ้าน หรือบริเวณทางเข้าของมด ก็จะช่วยไล่และป้องกันไม่ให้พวกมันย่างกรายเข้ามาในบ้านได้โดยไม่ต้องออกแรงสักนิด อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะเหมาะกับบ้านที่ไม่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงเท่านั้นค่ะ

9. ติดเทปกาวดักมด

          เพียงแค่ติดเทปกาว หรือกาวสองหน้า ไว้ตามทางที่มดเข้าบ้าน หรือขอบเคาน์เตอร์ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้มดเข้าบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามมดพยายามจะเดินเข้ามาในบ้าน ขาก็จะติดหนึบกับเทปกาวเหนียว ๆ ราวกับเป็นกับดักนั่นเอง อ้อ แต่ต้องมั่นใจว่าติดแนบสนิทไปกับพื้นผิวด้านล่าง ไม่มีช่องให้แอบคลานเข้ามาด้วยนะคะ

10. จัดการด้วยกลิ่นที่มดยี้

ธรรมชาติของมดไม่ชอบกลิ่นหอมแรง หรือหอมเปรี้ยว ต่างกันกับคนที่มองว่าเป็นกลิ่นชื่นใจ ฉะนั้นขอแนะนำให้ไล่มดออกจากบ้านง่าย ๆ ด้วยกลิ่นหอมที่คนชอบแต่มดไม่ชอบด้วยการนำการบูร ปลือกส้ม เปลือกมะนาว อบเชย พริกไทย ใบสะระแหน่ หรือการบูร ไปวางไว้ตามทางเข้า รูมด หรือห้องโซนที่พบบ่อย ไม่เช่นนั้นก็อาจจะผสมน้ำยา เช่น คั้นน้ำมะนาว ต้มน้ำเปล่ากับเกลือ และผสมน้ำเปล่ากับเปลือกส้ม ตามด้วยใส่ลงในขวดเปรย์ แล้วนำไปฉีดพ่นให้ทั่วบ้าน โดยห้องครัวที่มักจะมีมดเข้ามาสร้างความรำคาญใจเสมอ โดยวิธีการนี้จะไม่ฆ่ามดโดยตรง แต่จะยับยังและป้องกันไม่ให้มันย่างกรายในบ้าน แถมยังช่วยทำให้บ้านมีกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นไปในตัวด้วย

11. น้ำมันหอมระเหย

          จากการศึกษาและวิจัยพบว่า น้ำมันหอมระเหยกลิ่นจากสมุนไพร เช่น กลิ่นเปเปอร์มินต์และกลิ่นอบเชย สามารถนำมาใช้ไล่มดได้อย่างยอดเยี่ยม ให้ฉีดพ่นตามเส้นทางที่มดชอบเข้า และบริเวณที่พบเห็นมดบ่อย ก็จะช่วยไล่มดออกจากบ้านได้อย่างง่ายดาย หรือหากฉีดบนตัวมดโดยตรง ก็อาจถึงขั้นฆ่าให้ตายได้เลย นอกจากนี้น้ำมันเหล่านี้ยังมีกลิ่นหอม ชื่นใจ ไร้สารเคมี ดีต่อคนอีกด้วย อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังในการฉีดน้ำมันหอมระเหยตามบ้านสักหน่อย เพราะบางครั้งอาจจะทำให้พื้นผิวเสียหายได้

12. วางของกินไว้ล่อใจมด

          หากใครเคยสังเกต จะเห็นว่าเวลามดเดินตรงเข้ามาที่อาหาร พวกมันมักจะกินอาหารเหล่านั้นทีละนิด หรือบางทีก็จะช่วยกันยกอาหารกลับไปที่รังของมัน ฉะนั้นจึงมีวิธีแก้เผ็ดด้วยการวางแป้งข้าวโพดบดหยาบไว้ในบริเวณที่มดชอบมา เช่น ห้องครัว เนื่องจากแป้งข้าวโพดบดหยาบไม่เป็นพิษภัยกับคนและสัตว์ แต่เมื่อมดกินเข้าไป ร่างกายของพวกมันจะไม่สามารถย่อยได้ หรือถ้าใครไม่มีแป้งข้าวโพด จะใช้ข้าวบดเด็กสำเร็จรูปแบบผงที่ยังไม่ปรุงมาวางไว้แทนก็ได้ เมื่อมดเผลอกินเข้าไป จะเข้าไปพองในท้องนั่นเอง อ้อ วิธีนี้อาจจะโหดสักหน่อยแต่การันตีได้ว่าอยู่หมัดแน่นอน

          จริง ๆ แล้วการป้องกันมดโดยไม่ฆ่าเป็นวิธีที่จะช่วยรักษาให้สภาพแวดล้อมสมดุล แต่ถ้าหากมีมดในบ้านเยอะเกินไป อาจจะทำให้ข้าวของในบ้านเสียหาย และคุณต้องมานั่งรำคาญใจในการหาทางป้องกันมดอีก ฉะนั้นลองเลือกดูนะคะว่าวิธีไหนเหมาะกับบ้านของคุณที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก arrowtermiteandpestcontrol, rd , food.ndtv และ wikihow
https://home.kapook.com/view82613.html
cr. pic. https://www.pinterest.com/pin/1026750415024828974/

Tuesday, May 25, 2021

วิธีกำจัดและป้องกันตะขาบ ปราบสัตว์มีพิษให้อยู่หมัดในช่วงหน้าฝน



          รวมวิธีกำจัดตะขาบพร้อมกับวิธีป้องกันที่จะปิดประตูตาย ไม่ยอมให้ตะขาบย่างกรายเข้ามาในบ้านของเราเด็ดขาด งั้นไปดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีอะไรช่วยไล่ตะขาบได้บ้าง

 
          ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ บรรดาสัตว์และแมลงต่างก็อพยพพากันย้ายรังเข้ามาในบ้านเรา ไม่เว้นแม้แต่ "ตะขาบ" สัตว์หลายขาที่มีพิษร้ายแรงพวกนี้ก็ชอบหนีเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณบ้านของเราเหมือนกัน วันนี้กระปุกดอทคอมเลยรวบรวมวิธีกำจัดและวิธีป้องกันตะขาบมาฝากกันค่ะ เพื่อให้คุณใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข ไม่ต้องระแวงว่าตะขาบจะโผล่มาทำอันตราย

วิธีกำจัด

1. ไวกว่าได้เปรียบ

          ถ้าจะกำจัดตะขาบคุณต้องว่องไวสุด ๆ เพราะตะขาบจะไม่อพยพเข้าบ้านเป็นกองทัพ แต่มันจะมาเพียงลำพังเลยทำให้สังเกตยากหน่อย หากมองเห็นมันในอยู่ระยะสายตา ให้รวมความกล้าแล้วกระทืบเท้าลงพื้น (ไม่ต้องกระทืบตะขาบนะคะ) เพื่อส่งสัญญาณไล่ให้หนีออกไป หรือหยิบสเปรย์มาฉีดไล่ไปเลยก็ได้ สำหรับคนที่กลัวตะขาบมากเป็นพิเศษให้หาโหลมาคว่ำเพื่อขังมันไว้ แล้วค่อย ๆ ย้ายมันออกไปนอกบ้าน

2. วางกับดักเพื่อจับตะขาบไว้

          ถ้าตะขาบเข้ามาในบ้านแล้วเราหาไม่เจอ ให้นำกับดักชนิดเทปกาวหรือถาดกาวมาวางไว้ตามรอยแยก รูรั่ว หรือช่องโหว่ในบ้านเพื่อล่อให้ตะขาบมาติดกับดัก แต่วิธีนี้อาจจะใช้ได้ผลกับตะขาบตัวเล็ก ๆ ซะส่วนใหญ่ เผลอ ๆ อาจได้แมลงชนิดอื่นติดมาด้วยนะ 

3. ใช้ยาฆ่าแมลง

          หากวิธีทางธรรมชาติใช้ไม่ได้ผล ก็ควรซื้อยาฆ่าแมลงที่มีขายตามร้านขายอุปกรณ์ทำสวนมาช่วยกำจัด ควรเลือกชนิดที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยงมาใช้ หรือไม่ก็ใช้สารกำจัดศัตรูพืช อย่างกรดบอริกหรือดินเบามาวางดักเอาไว้ก็ได้ค่ะ

4. พ่นยาที่ฐานบ้านและผนังด้านนอก

          วางกับดักสังหารตั้งแต่นอกบ้านเลยก็ได้ เพราะตะขาบต้องสัมผัสกับฐานบ้านหรือผนังบ้านด้านนอกก่อนเป็นลำดับแรก ดังนั้นหากเรานำยาฆ่ามดที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยงมาฉีดพ่นฐานบ้านหรือผนังด้านล่างของบ้านให้ทั่ว ตะขาบก็จะเข้ามาในบ้านไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

5. โทร. เรียกเจ้าหน้าที่

          แต่ถ้าลองทำมาทุกวิธีแล้วยังไม่ได้ผลดี ยังมีตะขาบเข้าบ้านอยู่เรื่อย ๆ แนะนำให้โทร. หาเจ้าหน้าที่หรือเรียกบริษัทกำจัดแมลงมาช่วยไล่ เพราะนอกจากจะกำจัดได้ผลแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ยังรู้วิธีในการกำจัดถึงรัง และช่วยป้องกันการรบกวนในระยะยาวอีกด้วย

วิธีป้องกัน

1. อย่าให้มีสัตว์อื่น ๆ ในบ้าน

          สาเหตุที่ตะขาบเข้าบ้านเพราะจะเข้ามาหาอาหารกินนั่นเอง เหยื่ออันโอชะก็ได้แก่ จิ้งจก หนู แมงมุม และแมลงตัวเล็ก ๆ ฉะนั้นเราต้องดูแลทำความสะอาดบ้านให้ดี ไม่ให้มีสัตว์เหล่านี้เข้ามาอยู่ในบ้านเลยดีกว่า

2. อย่าปล่อยให้บ้านชื้นแฉะ

          ตะขาบเป็นสัตว์ที่ชอบอาศัยอยู่ในจุดที่ชื้นและแฉะ ดังนั้นเราจึงต้องดูแลและทำความสะอาดบ้านให้ห่างไกลความชื้น โดยเฉพาะบริเวณชั้นใต้ดิน ตู้เสื้อผ้า และพื้นที่ซักล้างที่เปียกชื้นบ่อย หรือจะหาซื้อเครื่องปรับลดความชื้นมาวางไว้ในบ้านก็ได้ค่ะ…ง่ายดี แต่ถ้าอยากป้องกันตะขาบในราคาประหยัด แนะนำให้หาซองกันชื้น (ซิลิกา) มาวางไว้ตามจุดชื้น ๆ ในบ้านก็ช่วยได้เหมือนกัน

3. เก็บเครื่องมือ-อุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้นอกบ้าน

          นอกจากจะป้องกันความชื้นในบ้านแล้ว เรายังต้องนำสิ่งของและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถเป็นที่อยู่อาศัยของตะขาบออกไปนอกบ้านด้วยนะคะ อย่างเช่น ท่อนไม้ วัสดุคลุมดิน ผ้าใบ ถังหมักปุ๋ย เศษใบไม้ และอื่น ๆ ที่พอจะเป็นตัวล่อตะขาบได้ ให้เอาออกไปเก็บไว้นอกบ้านและเว้นระยะให้ห่างจากบ้านให้เหมาะสมด้วยก็จะดี

4. อุดช่องโหว่ ไม่ให้ตะขาบเข้า

          อย่าปล่อยให้มีช่องโหว่ รอยแตก และรูรั่วในบ้านเด็ดขาด เพราะช่องทางเหล่านี้คือ ทางเข้าของตะขาบดี ๆ นี่เอง เริ่มจากเดินสำรวจรอบบ้านว่ามีจุดไหนบ้าง แล้วใช้ปูนซีเมนต์ ยาแนว หรือแผ่นอุดช่องโหว่มาปิดไว้ และอย่าลืมสำรวจรางน้ำฝนว่ามีเศษขยะ กิ่งไม้ และใบไม้บ้างไหม เพราะตะขาบชอบไปอาศัยอยู่ตามแหล่งแบบนั้น

5. โรยพริกป่นกั้นอาณาเขต

          ถ้าอุดช่องโหว่แล้วยังไม่มั่นใจ แนะนำให้หาพริกป่นหรือพริกไทยมาโรยไว้รอบบ้านเพื่อกั้นอาณาเขต จะโรยทั้งข้างในหรือข้างนอกก็ตามแต่สะดวกเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีควรเป็นพริกป่นชนิดคาเยน เปเปอร์ (Cayenne Paper) เพราะมีความเผ็ดร้อนที่ทำให้สัตว์ไม่กล้าเข้ามารบกวนอีก

          ถึงอย่างไรวิธีเหล่านี้จะช่วยกำจัดและป้องกันตะขาบได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น ทางที่ดีเราควรทำความสะอาดและหมั่นดูแลเอาใจใส่รอบบ้านอยู่บ่อย ๆ ก็จะช่วยป้องกันแบบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเลยค่ะ ถ้าหากทำได้ครบตามนี้รับรองว่าจะไม่มีตะขาบตัวไหนโผล่หน้ามาให้คุณต้องตกใจอย่างแน่นอน
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikihow และ Contractorquotes
https://home.kapook.com/view172564.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/399553798180371534/

Tuesday, January 26, 2021

10 วิธีรับมือสารพันปัญหาเรื่องบ้าน ๆ อย่างชาญฉลาด


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก buzzfeed.com

สารพัดวิธีรับมือกับปัญหาในบ้าน อยากจัดการให้เสร็จสรรพอย่างง่ายดาย ลองมาดูวิธีจัดการปัญหาในบ้านอย่างชาญฉลาดกันเถอะ

          แต่ละวันมีเรื่องในบ้านให้จัดการไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน ให้ทำงานบ้านที่ละอย่างไม่ทันแน่ ๆ เว็บไซต์ buzzfeed.com ก็เลยนำ 10 วิธีรับมือสารพันปัญหาเรื่องบ้าน ๆ อย่างชาญฉลาดมาฝากกัน เพราะวิธีต่อไปนี้จะทำให้คุณมีเวลาพักผ่อนนอนหลับ หรือทำงานอดิเรกอีกมากมายเลยทีเดียว หลังจากที่คุณได้รู้ว่าจะทำงานบ้านมากกว่า 1 อย่างในเวลาเดียวกันได้อย่างไร

1. ขัดห้องน้ำในขณะอาบน้ำ

          หากไม่อยากล้างห้องน้ำซ้ำหลาย ๆ รอบ ในระหว่างที่อาบน้ำก็แค่บรรจุน้ำสบู่ผสมน้ำส้มสายชูใส่ลงไปในก้านจับ ตอนล้างห้องน้ำก็คว่ำหน้าฟองน้ำลงบนพื้นหรือผนัง กดเบา ๆ เพื่อให้น้ำยาออกมา เสร็จแล้วก็เอาไปขัด ๆ ถู ๆ ห้องน้ำ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องคราบสกปรกที่ทั้งฝังลึกและเกาะแน่นหนามากวนใจอีก


2. ทำอาหารเช้าขณะนอนหลับ

          หากไม่อยากตื่นมาเตรียมอาหารแต่เช้า ก็ทำให้เสร็จตั้งแต่ตอนนี้เสียเลย เริ่มจากทำอาหารที่อยากจะกินในวันถัดไปเตรียมเอาไว้ จากนั้นนำไปแช่เย็น ส่วนตอนเช้าก็แค่นำออกมาอุ่นให้ร้อน เท่านี้ก็มีอาหารอร่อย ๆ เอาไว้กินทุกวันแล้ว

3. ออกกำลังกายขณะซักผ้า

          การก้มหยิบเสื้อทีละชิ้นจากตะกร้าผ้ามาใส่เครื่องซักผ้า อาจทำให้รู้สึกปวดหลังในเวลาต่อมาได้ คงจะดีกว่าหากเปลี่ยนจากการก้มเป็นท่าสควอช หรือการย่อเข่าขึ้น-ลง หากกลัวล้มให้พิงหลังไปกับผนัง เพื่อพยุงหลังเอาไว้ให้ตั้งตรงและไม่ล้มขณะทำท่าสควอช ส่วนในระหว่างที่รอเครื่องซักผ้าทำงานก็อาจจะออกกำลังกายท่าอื่น ๆ ไปพลาง ๆ ด้วยก็ได้

4. จัดโต๊ะทำงานระหว่างรอโทรศัพท์

          เมื่อไรก็ตามที่รู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องรอสายโทรศัพท์ของใครสักคนนาน ๆ ใช้เวลาระหว่างนี้จัดโต๊ะทำงานของตัวเองให้เป็นระเบียบ เพราะนอกจากจะทำให้โต๊ะทำงานสะอาดและน่าใช้งานแล้ว ยังช่วยระงับอารมณ์โกรธได้อีกทางหนึ่งด้วย

5. ล้างจานขณะรออาหารสุก

          หากมีจานชามที่ใช้ไปในขณะที่กำลังเตรียมอาหาร ให้นำออกมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ในขณะที่กำลังรออาหารสุกจากการอบ นึ่ง หรือตุ๋น จะได้มีจานชามไว้ใช้ใส่อาหารต่อไป แถมยังช่วยลดภาระในการทำความสะอาด หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วด้วย

6. จ๊อกกิ้งเบา ๆ เมื่อย้ายสู่เมืองใหม่

          สำหรับคนที่ต้องย้ายไปอยู่เมืองหรือประเทศใหม่ ลองออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งเบา ๆ รอบเมืองดู จะได้สัมผัสบรรยากาศของตัวเมืองได้มากขึ้น และเรียนรู้เส้นทางสัญจรไปในตัว

7. เก็บของเล่นในถุงซักผ้า

          หากไม่อยากซื้ออุปกรณ์มาเก็บของเล่น เพราะไม่มีพื้นที่มากพอสำหรับเก็บแล้ว ใช้ถุงซักผ้าเก็บของเล่นแทนก็ได้ เพราะนอกจากจะประหยัดพื้นที่ในการเก็บไปเยอะแล้ว ยังสามารถสลับถุงมาใช้ใส่เสื้อผ้า เมื่อถึงเวลาซักผ้าได้อีกต่างหาก

8. ลิสต์ของที่ต้องซื้อขณะซักผ้า

          ในระหว่างที่กำลังรอเครื่องซักผ้า ใช้เวลานี้ลองนึกดูว่า มีของใช้อะไรบ้างที่ต้องซื้อ แล้วจดลงในกระดาษ เพราะหลังจากตากเสื้อผ้าเสร็จ จะได้ออกไปซื้อของได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาจดอีกรอบ

9. ออกกำลังกายขณะดูโทรทัศน์

          คนส่วนใหญ่มักจะกินขนมในขณะที่ดูโทรทัศน์ และทำให้เป็นโรคอ้วนตามมาในภายหลัง ฉะนั้นเปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น โยคะ หรือท่าออกกำลังกายง่าย ๆ ขณะดูโทรทัศน์กันดีกว่า นอกจากจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีอีกด้วย

10. ทำอาหารหลายอย่างในเวลาเดียวกัน


          แทนที่จะเตรียมอาหารกับเครื่องดื่มทีละอย่างเหมือนก่อนหน้านี้ ทำอาหารไปพร้อม ๆ กันเสียเลย เช่น ทอดไส้กรอกในระหว่างที่ปิ้งขนมปัง หรือชงกาแฟรอขณะที่รอให้ไข่สุก หากไม่สามารถจัดการทั้งหมดนี้คนเดียวได้ ก็ลองหาเครื่องครัวที่มีออพชั่นหลาย ๆ อย่างในเครื่องเดียวมาใช้กันดู จะได้มีเวลาเหลือสำหรับคุยกับคนในครอบครัวก่อนออกไปทำงานหรือไปโรงเรียน

          แม้การทำงานบ้านแต่ละอย่างค่อนข้างจะใช้เวลานาน แต่ถ้าหากทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้ ก็ช่วยย่นเวลาในการทำงานบ้านไปได้เยอะเลยทีเดียว ฉะนั้นหากอยากจะมีเวลาพักผ่อน นั่งเล่นกับลูก ๆ หรือมีแรงเหลือทำงานอดิเรกของตัวเองบ้าง ก็อย่าลืมนำวิธีรับมือสารพันปัญหาเรื่องบ้าน ๆ อย่างชาญฉลาดไปลองทำกันดูนะคะ

https://home.kapook.com/view104320.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/426856870926041302/

Tuesday, July 28, 2020

12 วิธีแก้ปัญหาท่อน้ำตันง่าย ๆ แม้ไม่ใช่ช่างก็ทำเองได้ !


ท่อน้ำตันทำอย่างไร ? มาดูวิธีแก้ปัญหาท่อน้ำตันง่าย ๆ ไม่ต้องเรียกช่าง วิธีแก้ปัญหาน้ำตันด้วยน้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา โซดาไฟ และของใกล้ตัวที่ช่วยแก้ปัญหาท่อน้ำตันได้อย่างดีเยี่ยม


หากกำลังประสบปัญหาท่อน้ำตัน อย่าเพิ่งกริ๊งกร๊างไปหาช่างซ่อม เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีแก้ปัญหาท่อน้ำตันง่าย ๆ มาบอกต่อ โดยวิธีแก้ไขท่อน้ำตันด้วยตัวเองและของใช้ในบ้าน เช่น น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา โซดาไฟ และของอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ใกล้มือ อยากรู้ว่าท่อน้ำตันทำอย่างไร ? ก็ตามไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยจาก 12 วิธีแก้ไขปัญหาท่อน้ำตัน


1. ที่ปั๊มส้วมช่วยได้ในเบื้องต้น

          วิธีการแก้ไขเบื้องต้นปัญหาท่อน้ำอุดตันนั่นก็คือ การใช้ที่ปั๊มส้วม แต่จะให้ดีต้องปั๊มด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยการครอบที่ปั๊มลงไปที่ปากท่อ นำผ้าเปียกมาคลุมไว้รอบ ๆ ที่ปั๊มแล้วทำการปั๊มขึ้น-ลงประมาณ 6-10 ครั้ง เพื่อดึงเอาสิ่งที่อุดตันอยู่ในท่อขึ้นมา

2. น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา


          หากเกิดปัญหาท่อน้ำอุดตันแนะนำให้เทเบกกิ้งโซดาประมาณ ½ ถ้วยตวงลงไปในท่อ แล้วเทน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวงตามลงไปและทิ้งไว้สักพัก จากนั้นให้ราดน้ำร้อนลงไปในท่อซ้ำอีกครั้ง

3. เบกกิ้งโซดาและเกลือ

          วิธีนี้คล้ายกับวิธีที่ 2 แต่เปลี่ยนจากน้ำส้มสายชูเป็นเกลือ โดยเทเบกกิ้งโซดาประมาณ 1 ถ้วยตวงและเกลือ ½ ถ้วยตวงลงไปในท่อ แล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นเทน้ำร้อนลงไปในท่ออีก 2 ถ้วยตวง

4. ไม้แขวนเสื้อใช้ทะลวงท่อ

          หากเราสามารถมองเห็นเศษขยะที่อุดตันอยู่ในท่อได้ ให้นำไม้แขวนเสื้อมาคลายออกให้เป็นลวดยาว ๆ งอปลายขึ้นเล็กน้อยเพื่อทำเป็นหัวตะขอเกี่ยว จากนั้นนำลวดด้านที่มีหัวเกี่ยวหย่อนลงไปในท่อเพื่อเกี่ยวเศษขยะที่อุดตันท่อขึ้นมา


5. ถอดท่อน้ำออกมาทำความสะอาด

          หากท่อน้ำทิ้งที่อ่างล้างหน้าหรืออ่างล้างจานเกิดอุดตันแบบขั้นหนัก แนะนำให้ถอดท่อน้ำออกมาทำความสะอาดเลยจะดีกว่า ก่อนอื่นปิดวาล์วน้ำให้น้ำหยุดไหล แล้วนำถาดมารองไว้ใต้ท่อน้ำด้านล่าง จากนั้นค่อย ๆ ถอดท่อน้ำข้อต่อระหว่างอ่างกับผนังออกมาทีละส่วน แล้วใช้แปรงสีฟันขัดถูทำความสะอาดสิ่งอุดตันออกให้หมด จากนั้นนำที่ปิดน้ำตรงปากท่อน้ำทิ้งออกมาทำความสะอาด แล้วจัดการต่อท่อกลับไปให้เหมือนเดิม

6. เครื่องดูดฝุ่น ดูดหมดทุกสิ่งอุดตัน

          ถ้าที่บ้านมีเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถใช้ทำงานได้ทั้งพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้ง แนะนำให้เปิดระบบการทำงานเครื่องดูดฝุ่นให้เป็นแบบเปียก จากนั้นเปิดน้ำหล่อท่อเอาไว้แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นจ่อลงไปที่ปากท่อ แล้วดูดสิ่งอุดตันท่อออกมาให้หมด

7. โซดาไฟ กัดคราบสกปรกให้หลุดออกจากท่อน้ำ

          วิธีนี้ควรใช้แก้ปัญหาส้วมอุดตันเท่านั้นและควรเตรียมอุปกรณ์ป้องกันด้วย ได้แก่ ถุงมือยาง แว่นป้องกันสายตา และหน้ากากอนามัย แล้วก็ลงมือผสมโดยการเทน้ำเย็นลงในถังประมาณ ¾ แกลลอน ตามด้วยโซดาไฟอีก 3 ถ้วยตวง ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน เมื่อเกิดฟองฟู่และไอร้อนก็รีบเทลงในชักโครก ทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วค่อยเทน้ำต้มเดือดราดลงไป

8. น้ำยาล้างจาน ล้างคราบไขมันให้หายเกลี้ยง

          แม้การใช้น้ำยาล้างจานอาจจะดูเป็นวิธีที่ค่อนข้างเบาแต่กลับได้ผลเกินคาด โดยเทน้ำยาล้างจานลงไปในท่อประมาณ ¼ ถ้วยตวง แล้วตามด้วยน้ำต้มเดือด น้ำยาล้างจานจะลงไปกัดคราบไขมันให้หลุดออกจากท่อ แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้สวมถุงมือยาง แล้วล้วงมือลงไปดึงเศษขยะที่ติดอยู่ออกมา ก็จะช่วยแก้ปัญหาท่ออุดตันได้ดีกว่า

9. สายทะลวงท่อน้ำอุดตัน

          ไม่อยากเสียเวลากับการแก้ปัญหาท่อน้ำอุดตันเราแนะนำให้ลองใช้สปริงทะลวงท่อหรือที่เรียกกันว่างูเหล็ก สอดเข้าไปในท่อที่อุดตัน เมื่อเจอกับสิ่งที่อุดตันท่อแล้ว ก็ใช้งูเหล็กทะลวงเข้าไปพร้อมกับเปิดน้ำทิ้งหรือกดชักโครกไล่สิ่งอุดตันตามไปด้วย

10. น้ำส้มสายชูและเกลือ

          อีกหนึ่งสูตรช่วยกำจัดสิ่งอุดตันท่อแบบไร้สารพิษทำลายล้างท่อน้ำ โดยเทเกลือขนาด ½ ถ้วยตวง เบกกิ้งโซดาอีก ½ ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชูอีก ½ ถ้วยตวงลงไปในท่อน้ำ แล้วทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นเทน้ำต้มเดือดตามลงไปเพื่อล้างคราบไขมันที่ติดอยู่ในท่อและกำจัดสิ่งสกปรกให้หมดไป

11. ผลิตภัณฑ์เอนไซม์ แบบไม่ทำลายท่อน้ำ

          ผลิตภัณฑ์น้ำเอนไซม์มีวางขายตามห้างร้านทั่วไป หากจะนำมาใช้เพื่อทำความสะอาดท่ออุดตันแนะนำให้เลือกเอนไซม์ชนิดที่เป็นออแกนิกส์ เพราะไม่ทำลายพื้นผิวของท่อน้ำ อ่านและทำตามฉลากด้านข้างขวดอย่างเคร่งครัด จากนั้นก็ปล่อยให้เอนไซม์ทำงานโดยการทิ้งไว้ 1 คืน แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งในตอนเช้า

12. น้ำยาฟอกผ้าขาว ใช้กับท่อน้ำก็ได้

          ใครว่าน้ำยาฟอกผ้าขาวใช้ได้กับผ้าเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วมันก็ช่วยทะลวงท่อน้ำอุดตันได้เช่นกัน เริ่มจากถอดตัวกรองน้ำที่ปากท่อออกก่อน แล้วเทน้ำยาฟอกผ้าขาวประมาณ 1 ถ้วยตวงลงไป ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที เปิดน้ำให้ไหลงไปในท่อ หากว่าน้ำในท่อค่อย ๆ ลดระดับลง ก็เป็นอันว่าสิ่งที่อุดตันท่อหลุดออกไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ทำความสะอาดท่อตามปกติได้เลย

          ปัญหาท่อน้ำอุดตันเกิดขึ้นได้กับทุกบ้านและถ้าหากเราปล่อยเอาไว้มันจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อระบบท่อน้ำในบ้าน ดังนั้นเมื่อเจอปัญหาท่อน้ำอุดตันที่ไหนก็อย่าลืมนำเอาวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปใช้นะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Katmckee, Ncleaningtips, Wikihow, Wisebread และ Wonderhowto
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/16818198596402171/

Sunday, July 26, 2020

7 ที่ในบ้านที่ควรสังเกตแต่คนกลับมองข้าม




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

การที่บ้านจะค่อย ๆ โทรมหรือชำรุดไปตามเวลาใช้งานเป็นเรื่องปกติก็จริง แต่บางครั้งถ้าเรารู้จักสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ให้ดี เราก็สามารถดูแลรักษาให้บ้านมีสภาพคงทนให้นานขึ้นเหมือนกัน ด้วยการสังเกตจากสิ่งเล็ก ๆ น้อยที่คนมักมองข้ามตามนี้ดู

 1. ตัวฐานของบ้าน  

          การทรุดโทรมของฐานบ้านถือเป็นจุดเริ่มของหายนะในบ้านเลยทีเดียว เพราะจะเป็นตัวทำให้พื้นและกำแพงทรุดตามไปด้วย ซึ่งการที่ฐานบ้านเริ่มทรุดอาจเกิดจากการที่มีน้ำรั่วซึมเข้าไปหรือโดนน้ำขังในช่วงฝนตกหนักและช่วงน้ำท่วมก็ได้ โดยเราสามารถสังเกตว่าฐานบ้านมีอาการทรุดอย่างที่ว่าหรือเปล่าด้วยการดูจากรอยแตกร้าวตามผนังที่เกิดจากการทรุดตัวดูแต่เนิ่น ๆ จะได้ตามช่างมาดูแลเสริมความแน่นหนาได้ทันก่อนที่บ้านจะทรุดลงไปกว่าเดิมโดยที่คุณไม่รู้ตัว

2. อ่างล้างจานแบบเคาน์เตอร์

          บางครั้งการใช้อ่างล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ก็อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนละเลยที่จะสำรวจใต้อ่างว่ามีรอยรั่วบ้างหรือไม่ จนปล่อยให้น้ำรั่วจนซึมออกมาให้ตู้เคาน์เตอร์อับชื้นเป็นเชื้อราโดยไม่รู้ตัวได้ง่าย ๆ ดังนั้นคุณจึงควรลองเปิดน้ำแล้วเปิดตู้ไปพร้อมกันเพื่อเช็คดูบ้าง จะได้มั่นใจได้ว่าอ่างล้างจานของคุณไม่มีน้ำรั่วซึมออกมาตามท่อเวลาที่เปิดน้ำ

 3. สังเกตทางเข้าบ้านในช่วงฝนตก

          หลังจากใส่เสื้อกันฝนพร้อมรองเท้าบูทแล้วก็เดินออกมานอกบ้านเพื่อสังเกตทางเข้าบ้านของคุณในช่วงฝนตกดูบ้าง โดยคุณควรดูให้ดีว่าเวลาที่ฝนตกมีน้ำเจิ่งนองจนเป็นบ่อเล็ก ๆ อยู่แถว ๆ ไดร์ฟเวย์ของคุณหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแอ่งน้ำตรงนั้นก็จะกัดเซาะจนทางเข้าบ้านของคุณผุกร่อนได้เร็วขึ้น จนทำให้แตกร้าวเวลาที่ของหนัก ๆ อย่างรถขับผ่านได้ง่ายด้วย

4. ทำความสะอาดรางน้ำบนหลังคาเป็นประจำ

          หลาย ๆ คนอาจไม่ใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดรางน้ำสักเท่าไหร่ เพราะค่อนข้างยุ่งยากและถึงจะสกปรกก็อยู่ในที่ซึ่งคุณมองไม่เห็นอยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ควรหันมาทำความสะอาดรางน้ำกันให้มากขึ้น เพราะนอกจากน้ำฝนแล้วก็อาจมีสิ่งสกปรกอื่น ๆ เช่นใบไม้หรือขยะมาติดอยู่บนหลังคาจนทำให้รางน้ำของคุณเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรคได้เหมือนกัน ดังนั้นควรหันมาทำความสะอาดกันให้มากขึ้นอย่างน้อยปีละครั้งนะคะ

 5. ดูแลระเบียงให้สะอาด

          ระเบียงก็เป็นอีกที่ในบ้านที่มีน้ำรั่วซึมได้ง่ายจากการที่โดนฝนสาดเข้ามาอยู่บ่อย ๆ ทำให้พื้นถูกน้ำกัดเซาะได้ โดยเฉพาะพื้นไม้ที่ผุเกราะง่ายเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ความอับชื้นหลังฝนตกยังทำให้ระเบียงของคุณเกิดเชื้อราได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย คุณจึงควรหมั่นใช้สเปรย์กำจัดเชื้อราฉีดก่อนทำความสะอาดเป็นประจำ ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ผุแล้วก็ควรถอดออกเพื่อใส่พื้นใหม่แทนเพื่อความมั่นคงด้วย

6. สังเกตด้านนอกแบบรอบ ๆ

          คนส่วนใหญ่มักสนใจแต่การทำความสะอาดด้านในบ้านจึงทำให้ลืมที่จะสังเกตสิ่งผิดปกติรอบบ้านด้วย ซึ่งบางทีรอยสีหลุดลอกตามกำแพงนอกบ้านหรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ก็อาจทำให้บ้านดูไม่น่ามองหรือเกิดรอยรั่วจนต้องซ่อมแซมได้เหมือนกัน คุณจึงควรสังเกตรอบ ๆ บ้านด้วยว่ามีรอยแตกบนกำแพงหรือมีกระเบื้องหลังคาหลุดออกไปบ้างหรือเปล่า จะได้ซ่อมได้ทันก่อนที่บ้านจะเสียหายไปมากกว่าเดิม

 7. ทำความสะอาดเครื่องทำน้ำอุ่น

          พอใช้ไปเรื่อย ๆ แทงค์เครื่องทำน้ำอุ่นในบ้านของคุณก็มักจะเกิดการตกตะกอนอยู่ด้านในเป็นเรื่องปกติ ซึ่งถ้าคุณต้องการให้แทงค์น้ำใช้ได้นานขึ้นก็ควรระบายคราบตกตะกอนพวกนี้ออกด้วยการติดสายยางเข้ากับหัวก๊อกบริเวณด้านล่างของแทงค์ แล้วจึงเปิดก๊อกน้ำส่วนที่เชื่อมกับแทงค์เพื่อให้น้ำและคราบตกตะกอนไหลออกมาตามสายยางจนหมด สุดท้ายหลังจากขจัดคราบตกตะกอนออกไปหมดแล้วก็ปิดน้ำ เทน้ำออกจากสายยางรวมทั้งคราบตกตะกอนออกให้หมด แล้วจึงเสียบสายยางฉีดน้ำเข้าไปใหม่เพื่อเติมแทงค์ให้เต็ม เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ


          หลังจากอ่านจบเรียบร้อยแล้วก็อย่าลืมลองสำรวจรอบ ๆ บ้านของคุณตามนี้ดู เพื่อให้บ้านทนทานอยู่กับคุณไปได้นาน ๆ ด้วยนะคะ

https://home.kapook.com/view44942.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/796644621565656859/

Monday, July 20, 2020

5 จุดเสี่ยงหลังคารั่ว รีบซ่อมก่อนฝนตก ป้องกันน้ำไหลซึมเพดานและผนัง


       มาดูจุดเสี่ยงที่มักเกิดรอยรั่วบนหลังคา เกิดจากสาเหตุอะไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง มาดู จุดเสี่ยงหลังคารั่ว ที่ควรซ่อมแซมก่อนน้ำรั่วซึมเข้าผนังและเพดาน 

       รอยรั่วบนหลังคา ต้นเหตุอาจจะเกิดจากรูเล็ก ๆ แต่ทว่ากลับสร้างปัญหามากมาย เพราะหากมีน้ำฝนรั่วเข้ามาในบ้าน ไม่ได้ทำให้ข้าวของเสียหายอย่างเดียว แต่น้ำฝนที่ซึมไปตามฝ้าเพดานและผนังยังทำให้เกิดความชื้นและมีเชื้อรา ตามมาด้วยเหล่าแมลงและสัตว์น้อยใหญ่เข้ามาทำรัง อีกทั้งยังส่งผลถึงโครงสร้างบ้านอีกต่างหาก ฉะนั้นก่อนที่อะไร ๆ ในบ้านจะเสียหายไปมากกว่านี้มาดูกันว่ามีส่วนไหนที่มักจะเกิดรอยรั่ว สังเกตอย่างไร และจะแก้ไขอย่างไรกันค่ะ 

1. อุปกรณ์ยึดหลังคาเสื่อมสภาพ

          หากเริ่มสังเกตเห็นแสงลอดลงมาจากรูเล็ก ๆ บนหลังคาหรือมีคราบน้ำซึมเป็นทางหลังฝนตกละก็ เป็นไปได้ว่ามีรอยรั่วบริเวณสกรูยึดหลังคา ซึ่งเกิดจาก 2 สาเหตุด้วยกันคือ หัวสกรูไม่ได้ถูกซ่อนไว้ในหลังคาหรือแหวนยางรองเสื่อมสภาพ เลยทำให้เกิดช่องว่างเล็ก ๆ ที่ทำให้น้ำฝนไหลซึมเข้ามาตามหลังได้ ซึ่งวิธีแก้ไขสำหรับปัญหานี้ก็ไม่ยาก ทำได้โดยการเปลี่ยนเซตสกรูใหม่ที่มีแหวนรองยาง แล้วทาวัสดุกันซึมเสริมกันน้ำอีกชั้น แต่ทั้งนี้ควรระมัดระวังในการเปลี่ยนสักนิด เพราะหากยิงสกรูแรงเกินไปก็อาจทำให้แหวนยางรองขาดหรือวัสดุมุงหลังคาแตกได้ 

2. กระเบื้องหลังคามีรอยร้าว 

          วิธีสังเกตรอยรั่วคล้าย ๆ กับปัญหาแรก แต่แตกต่างกันตรงที่หากมีรอยรั่วตรงสกรูจะเห็นแสงเป็นจุดเล็ก ๆ ในขณะที่หากกระเบื้องหลังคามีรอยร้าว จะเห็นช่องแสงเป็นทางยาวตามรอยแตก ซึ่งสาเหตุนั้นก็เกิดจากมีสิ่งของตกลงมากระแทก การเจาะกระเบื้องแรงเกินไป มุงหลังคาไม่สลับแนว หรือระยะทับซ้อนของกระเบื้องไม่เหมาะสม ทั้งนี้หากจะเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ควรใช้กระเบื้องรุ่นเดิมเพื่อให้เข้ากับแนวลอนหลังคาเก่า หรือซ่อมแซมด้วยอะคลิลิกกันซึมทาปิดบริเวณที่มีรอยแตก

3. มีรูรั่วที่สันครอบหลังคา 

          ถือเป็นบริเวณที่สังเกตเห็นได้ยาก เพราะเป็นส่วนที่อยู่ภายนอก กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนมีน้ำรั่วเข้ามาในบ้าน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้บริเวณนี้มีปัญหา ได้แก่ ติดตั้งสันครอบหลังคาผิดวิธี ทำให้เกิดช่องโหว่ระหว่างที่ครอบกับหลังคา วางแนวกระเบื้องตรงรอยต่อห่างกันเกินไป หรือมีรอยร้าวที่ปูนปั้นใต้สันครอบหลังคา ถ้าไม่อยากเสียเวลารื้อสันครอบหลังคาแล้วติดตั้งใหม่ ให้ปิดรอยแตกด้วยปูนและทาวัสดุกันซึม เช่น น้ำยาอะคริลิกเพื่อป้องกันน้ำไว้อีกชั้น แต่ถ้าหากมีปัญหาที่ปูนปั้นให้สกัดปูนเก่าออกแล้วฉาบปูนใหม่เข้าไป 

4. รอยต่อส่วนต่อเติมมีปัญหา 

          สำหรับบ้านที่มีการต่อเติมโครงสร้างออกไป อย่างเช่น ห้องครัวหลังบ้านหรือโรงรถ มักจะมีรอยรั่วระหว่างหลังคากับผนังตรงส่วนที่เรียกว่า ปีกคลส. หรือปีกคอนกรีตเสริมเหล็ก มีรอยร้าวหรือไม่ประสานกับผนังบ้าน ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุก็คือต่อเติมแบบไม่ใช้ปีกคลส. เลยทำให้เกิดช่องว่างและฝนตกรั่วลงมา ทั้งนี้สามารถแก้ไขโดยใช้วัสดุกันซึมทาปิดรอยรั่วระหว่างส่วนต่อเติมกับผนังบ้าน ก็จะช่วยป้องกันบ้านช่วงหน้าฝนได้อีกทางหนึ่ง 

5. โครงสร้างผุหลังคาแอ่น 

          อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดรอยรั่วบนหลังคาก็คือ หากสังเกตุเห็นหลังคาเริ่มผิดรูป ก็เป็นไปได้ว่าโครงสร้างหลังคาเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากผ่านการใช้งานมาหลายปี รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ เช่น โครงเหล็กเป็นสนิมจนผุ หรือแมลงกินโครงไม้จนทรุด ทำให้โครงสร้างรับน้ำหนักหลังคาไม่ไหวจนเริ่มเสียทรงและเกิดช่องว่างระหว่างรอยต่อของกระเบื้องมุงหลังคา แต่เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้าง ซ่อมแซมด้วยตัวเองได้ยาก ดังนั้นจึงควรปรึกษากับวิศกร เพื่อแก้ไขได้ตรงจุด 

          หลังคารั่ว อาจจะเกิดรูเล็ก ๆ แต่ก็สร้างปัญหาใหญ่ได้ เพราะอย่างที่บอกไปว่าเมื่อน้ำฝนไหลซึมเข้าบ้านนั้น ไม่ได้ทำให้บ้านสกปรกอย่างเดียว แต่ยังทำให้ของในบ้านเสียหาย และอาจจะเกิดเชื้อราตามมาอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นหากรู้แล้วว่ามีจุดเสี่ยงตรงไหนบ้าง ก็อย่าลืมซ่อมแซมกันนะคะ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก jorakay, scgbuildingmaterials, weareafirm และ multiladderth
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/1337074884862016/