Thursday, December 29, 2016

เริ่มต้นปีใหม่แบบชีวิตดี๊ดี ด้วยการโยนของ 15 อย่างนี้ทิ้งไปซะ


       หลังปล่อยบ้านรกมาเป็นปี หากช่วงวันหยุดยาวนี้ไม่มีแผนทำอะไร มาเริ่มปีใหม่กับสิ่งดี ๆ และบ้านสะอาด ด้วยการรื้อสิ่งของเคลียร์พื้นที่แล้วเอาขยะในบ้าน 15 ประเภทนี้ทิ้งลงถังขยะไปเลย

        หากปีใหม่นี้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะกลายเป็นคนใหม่ ด้วยการทำความสะอาดบ้านให้น่าอยู่และเป็นระเบียบกว่าปีที่ผ่านมา ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่คุณจะหยิบไม้กวาด ไม้ถูพื้น และถุงใส่ขยะขึ้นมาแล้วโยนของ 15 อย่างนี้ทิ้งไปซะ การต้อนรับชีวิตใหม่ที่แสนดีกับเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ แถมยังทำให้บ้านที่เคยรกเป็นรังหนู ดูเป็นระเบียบกว่าที่ผ่านมาเหมือนตอนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ

1. ขยะหลังงานปาร์ตี้ปีใหม่

        หลังเลิกงานปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ปีใหม่แล้ว อย่ามัวแต่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงอยู่เลย มาเริ่มวันแรกของปีด้วยการเก็บขยะหลังงานปาร์ตี้ทิ้งซะให้เรียบร้อย เช่น ขวดเครื่องดื่มพลาสติก กระดาษห่อของขวัญที่ถูกฉีก เศษอาหาร รวมไปถึงของประดับตกแต่งที่ชำรุดเสียหาย หากใครเกิดอาการเสียดายก็ลองใส่ไอเดีย DIY สิ่งของเหล่านั้นให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้งดูก็ได้นะคะ

2. สิ่งของแตกหักหรือชำรุดเสียหาย

        จะเก็บไว้ให้รกบ้านทำไมในเมื่อมันชำรุดเสียหายไปแล้ว แถมยังไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมอีกต่างหาก ให้เริ่มตั้งแต่ลงมือคัดจานชามที่มีรอยบิ่น หลอดไฟแตก ห่อกระจกแตกร้าวด้วยหนังสือพิมพ์และใส่ถุงพลาสติกให้มิดชิดก่อนทิ้ง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ไร้ประสิทธิภาพในการใช้งานหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าพัง ๆ ก็ขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าไปซะ

3. อุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ใช้งานมานานเกินควร

        คิดจะรีโนเวทบ้านอยู่ใช่ไหม งั้นมาถือฤกษ์ดีในวันปีใหม่นี้รื้อของตกแต่งบ้านที่ทั้งเก่าและเชยทิ้งไปกันเถอะ เช่น โซฟาตัวใหญ่คับบ้าน ผ้าม่านเขรอะฝุ่น โต๊ะกาแฟกระจกรุ่นโบราณ ชั้นวางเอียง ๆ ตู้เก็บของใบเก่าที่กลายเป็นแหล่งสะสมหยากไย่ และอื่น ๆ เพียงเท่านี้ก็เหลือพื้นที่ว่างที่รอให้คุณปล่อยไอเดียตกแต่งบ้านต้อนรับปีใหม่แล้วล่ะ

4. กองของกระจุกระจิก เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์

        เห็นแค่ชื่อหัวข้อก็อย่าเพิ่งนึกว่าเน้นแต่บ้านคุณผู้หญิงนะ เพราะจริง ๆ บ้านชายหนุ่มก็มีของกระจุกกระจิกเยอะแยะไม่แพ้กัน ทั้งพวงกุญแจที่ไม่ใช้ กล่องเก็บของใบเล็ก ซองครีมชนิดทดลอง เครื่องประดับ และอีกมากมายที่คุณควรรีบเคลียร์ทิ้งหรือเก็บให้เรียบร้อย มิเช่นนั้นสิ่งของกระจุกกระจิกเหล่านี้มันอาจจะถูกเมินจนบานปลายกลายเป็นขยะกองโตก็เป็นได้นะคะ

5. ขยะกระดาษและเอกสารทุกชนิดที่ไม่สำคัญ

        กระดาษถือว่าเป็นสิ่งของที่ทุกบ้านต้องมีและไม่ว่ามันจะเป็นเอกสารสำคัญ คู่มือฉบับเก่า การ์ดเชิญ ใบนัดที่เลยมาแล้ว ใบเสร็จ ตั๋วหนัง หรือแม้กระทั่งกล่องกระดาษนานาชนิด ซึ่งเราควรแยกของสำคัญเอาไว้ในแฟ้มหรือที่เก็บที่มิดชิดปลอดน้ำปลอดความชื้น ส่วนกระดาษที่ไม่ใช้ก็อย่าเพิ่งด่วนทิ้ง หากมีร้านรับซื้อกระดาษแถว ๆ บ้าน แนะนำให้เอาไปชั่งกิโลเก็บเงินไว้กินขนมเล่น ๆ ดีกว่า

6. หนังสือกองโตที่ไม่มีโอกาสได้อ่าน

        เหตุผลที่ขอแยกหนังสืออกจากหมวดกระดาษนั้นก็เพราะว่า หนังสือสามารถแยกประเภทออกได้ตั้งหลายอย่าง เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ หนังสือเรียน นิยาย คู่มือเฉพาะทาง และอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าเห็นว่าเล่มไหนมีประโยชน์ในระยะยาวหรือมีคุณค่าทางใจก็ให้หาที่เก็บให้เป็นระเบียบ แต่ถ้าเล่มไหนดันน่าสนใจแค่บางหน้าก็ให้ฉีกใส่แฟ้มเอาไว้จะดีกว่าเก็บทั้งเล่มให้รกบ้าน ไม่อย่างก็เอาไปชั่งกิโลขายพร้อมกับกองกระดาษซะเลย

7. ยาหมดอายุ

        ข้อนี้สำคัญมากและอยากให้ทุกคนทำ เมื่อย่างเข้าสู่ปีใหม่อายุขัยของยาก็ต้องถดถอยตามลงไปด้วย มาทำความสะอาดตู้ยาและตรวจสอบวันหมดอายุตามที่ระบุไว้กันดีกว่า หากตัวยาไหนหมดอายุแล้วก็ให้ทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นยาสามัญประจำบ้านและยาที่หมอสั่งก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองเผลอหยิบยาเก่าหรือยาหมดอายุมากิน

8. แฟชั่นเก่าเก็บที่ไม่เคยหยิบออกมาใช้

        ขอให้ได้ซื้อเป็นอันว่าสบายใจ วลีนี้คงเป็นคติประจำใจของสาว ๆ หลายคนที่เห็นเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่เป็นไม่ได้ต้องพุ่งเข้าใส่ตลอดแม้จะไม่ได้ใส่ก็ตาม เปลี่ยนความคิดซะใหม่ขืนเก็บไว้ก็มีแต่รกบ้านแถมเสี่ยงเป็นอาหารให้ปลวกแทะอีก แนะนำให้คัดเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องแต่งกายที่ไม่ใช้ทั้งหลายไปบริจาคแก่คนยากไร้ เพราะนอกจะได้บุญแล้วบ้านยังดูโล่งสะอาดตาขึ้นอีกต่างหาก

9. เสบียงหลากชนิดในครัวและตู้เย็น

        จำสภาพครัวครั้งแรกของคุณได้ไหมคะว่ามันสวยขนาดไหน ถ้าจำไม่ได้แสดงว่ามันคงจะเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องปรุงและเสบียงอาหารนานาชนิดจนสภาพแลดูเปลี่ยนไป ดังนั้นมาลงไม้ลงมือเคลียร์เครื่องปรุง วัตถุดิบของแห้ง และของคาว ที่หมดอายุแล้วจัดการทิ้งให้หมด รวมถึงอาหารเหลือ ๆ ที่แช่อยู่ในตู้เย็นเกือบแรมปีแต่ไม่ได้เอามากินซะทีด้วยนะคะ

10. ของใช้ส่วนตัวที่อาจหมดอายุและปะปนเชื้อโรค

        ความเสี่ยงนั้นมีอยู่รอบตัว ถ้ามัวแต่เสียดายของใช้ส่วนตัวที่หมดอายุขัยและไร้สมรรถภาพการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เครื่องประทินผิวและผม อุปกรณ์ใช้ส่วนตัวอย่างผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน หรือแม้กระทั่งชุดชั้นใน ให้เรานำออกมาเช็กวันหมดอายุและสภาพการใช้งาน ถ้าชิ้นไหนสมควรก็ต้องทิ้งโดยด่วนมิเช่นนั้นอาจเกิดอาการแพ้ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะ

11. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้าสมัย

        แม้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะเป็นขยะล้นโลกที่ย่อยสลายยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะใช้งานได้ตลอดไป ดังนั้นเราควรจะตรวจเช็กสภาพอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พวกแบตเตอรี่ เครื่องใช้ไฟฟ้า และแก็ดเจ็ตต่าง ๆ ที่ล้าสมัยว่ามีรูปร่างผิดเพี้ยนไปหรือไม่ ถ้ามีให้รีบทิ้งด่วนเพราะหากใครเผลอหยิบมาใช้อาจจะเกิดระเบิตตูมตามจนไฟไหม้บ้านกลายเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งรับปีใหม่นะ

12. เครื่องประดับที่ชำรุดเสียหาย

        ขอออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ได้แนะนำให้ทิ้งเครื่องประดับทุกชิ้นไป แต่เราจะบอกว่าลองหยิบมาสำรวจดูว่ามันมีรอยชำรุดหรือเสียหายตรงไหนบ้าง เพราะถ้ามีก็ควรนำไปซ่อมให้เรียบร้อย ส่วนชิ้นไหนมีสภาพเกินเยียวยาก็ลองหาทางแก้ไขดู จะขายต่อ หยิบมาซ่อม หรือดัดแปลงสภาพก็แล้วแต่ความชอบ ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ให้เกะกะและดูรกหูรกตา

13. ของอุปโภคเสื่อมสภาพ

        แบ่งเวลาในวันหยุดมาเช็กสิ่งของอุปโภคในบ้าน เช่น น้ำยาทำความสะอาด อุปกรณ์ทำความสะอาด ชุดเครื่องมือช่าง และชุดเครื่องครัว ว่าหมดอายุแล้วหรือยัง พังตรงไหนบ้าง และมีกลิ่นสีที่ผิดเพี้ยนไปไหม หากมีก็ต้องทิ้งให้หมดก่อนคนอื่นจะหยิบไปใช้แล้วเกิดผลร้ายขึ้นกับบ้านคุณเอง

14. ต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉาในสวน

        ต้นไม้ใบหญ้าหน้าบ้านเคยทำให้บ้านสดชื่นได้ก็จริง แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันอาจจะสร้างบรรยากาศเหี่ยวเฉาได้ถ้าเราไม่ยอมดูแล หลังจากงานเคลียร์ของในบ้านเสร็จสิ้นแล้ว ลองออกไปสำรวจในสวนดูหน่อยว่ามีต้นไม้ดอกไม้ชนิดไหนเหี่ยวเฉาไปแล้วบ้าง ก็ให้จัดการตัดเล็มทิ้งซะให้สวยงามและกลับมาสดชื่นอีกครั้ง

15. สิ่งของที่เห็นแล้วไม่สบายใจ

        นอกจากจะต้องทิ้งสิ่งของที่ชำรุดเสียหายและหมดอายุแล้ว ก็อย่าลืมทิ้งสิ่งของที่ทำให้ไม่สบายใจด้วยนะคะ อย่างเช่น รูปภาพ แผ่นซีดีเพลง หรือของขวัญจากแฟนเก่า หากเก็บไว้แล้วไม่สบายใจก็ควรตัดใจทิ้งไปเสีย เพราะถึงจะเก็บไว้คุณก็ไม่ได้ใช้มันอยู่ดี มีแต่จะทำให้บ้านรกด้วยซ้ำไป

        อย่ามัวแต่ใช้เวลาในวันหยุดไปกับการนอนและดูทีวีอยู่เลย ปีใหม่ก็ต้องเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ส่งผลให้ชีวิตของเราดีขึ้น ด้วยการลงมือมาทำตามปณิธานง่าย ๆ จากการทิ้งสิ่งของที่ไม่ใช้อย่างที่เราแนะนำไป เพื่อให้บ้านกลับมาดูโล่งและสะอาดตาอีกครั้งกันดีกว่า


Tuesday, December 27, 2016

9 ว่านมงคลเสริมโชคเงินทอง ปลูกแล้วรวยค้าขายก็เฮง



            มาทำความรู้จักว่านมงคลที่มักจะปลูกไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและประโยชน์มากมาย ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะมีว่านชนิดไหนบ้างนั้นต้องไปดูกันเลยดีกว่า

          เมื่อพูดถึง "ว่าน" ก็ต้องนึกถึงเรื่องดี ๆ ที่จะตามหลังการปลูกและสรรพคุณอีกมากมายที่หลายคนให้ความสนใจ เอาเป็นว่าวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับว่านมงคลระดับแถวหน้า ที่คัดมาแล้วว่าดีจริงพร้อมทั้งวิธีในการปลูก หากใครที่กำลังมองหาต้นไม้งาม ๆ มาปลูกไว้ที่บ้านสักต้น ก็น่าจะเริ่มที่ว่านมงคลเหล่านี้เพื่อเสริมโชคลาภให้กับตัวเองพร้อมทั้งคนในครอบครัว




1. ว่านรวยไม่เลิก

          ใบของว่านนี้จะมีลักษณะเรียวยาวหนานุ่มและมีจุดตามใบ ก้านดอกสีขาวจะออกตลอดทั้งปีแสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน ปลูกโดยการแตกหน่อและตัดใบปักชำ เป็นพืชที่ชอบน้ำมากแต่ต้องตั้งอยู่ในที่แดดรำไรและอากาศถ่ายเทสะดวกไม่เช่นนั้นจะเน่าเอาง่าย ๆ


ภาพจาก plantlust


 
2. ว่านเศรษฐีเรือนใน

          จุดเด่นของว่านนี้คือใบเรียวยาวขอบสีเขียวและมีเส้นสีขาวตรงกลาง มีสรรพคุณที่ช่วยดูดสารพิษภายในอาคารที่พักอาศัย ต้องปลูกโดยการเอาต้นอ่อนเอามาลงดินร่วนปนทรายที่ผสมเศษอิฐ ไม่ค่อยชอบน้ำให้รดแค่สัปดาห์ละครั้งและตั้งอยู่ในที่แดดรำไร เชื่อกันว่าจะช่วยป้องกันอันตรายและเสี่ยงทายเรื่องโชคลาภ


ภาพจาก gardening-forums


3. ว่านเศรษฐีก้านทอง

          ไม้ล้มลุกที่มีใบยาวปลายแหลมและขอบใบทั้ง 2 ข้าง พลิ้วเป็นคลื่น มีเส้นกลางเป็นสีน้ำตาลเหลืองอ่อน ออกดอกเป็นช่อสีขาวนวล ควรใช้หัวปลูกลงในดินร่วนปนทรายผสมแกลบเผา ให้ตั้งไว้ในที่แดดรำไรและรดน้ำพอชุ่มเพราะชอบความชื้น สรรพคุณคือใช้เป็นเมตตามหานิยมเรียกเงินทองให้กับผู้ปลูกจึงเหมาะกับร้านค้าหรือคนทำธุรกิจ


ภาพจาก infojardin


4. ว่านเศรษฐีเรือนนอก

          เป็นพืชล้มลุกแตกกอคล้ายเศรษฐีเรือนใน มีใบยาวเรียวแต่ขอบใบทั้ง 2 ข้างจะเป็นสีขาว หากออกดอกจะถือว่าเจ้าของนั้นมีโชคลาภและช่วยป้องกันอันตรายทั้งปวง ให้ปลูกโดยการแยกหน่อหรือนำไหลมาปลูกลงดินร่วนปนทรายใหม่ ตั้งอยู่ในที่แดดไม่มาก รดน้ำพอชุ่มแต่ไม่ต้องเปียกโชก


ภาพจาก gardengenetics


5. ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี

          ลักษณะของใบทั้งกว้างและใหญ่ ปลายเรียวแหลมและก้านใบสูง ออกดอกเป็นช่อสีขาวแบ่งเป็นช่อละ 8-9 ดอก ใช้หัวปลูกลงในดินร่วนปนทรายผสมเศษอิฐและใบก้ามปู รดน้ำปานกลาง ตั้งไว้ในที่สูงที่มีแดดรำไร จะช่วยเรียกโชคลาภให้เข้ามาไม่ขาดสายและถูกหลักตามฮวงจุ้ยที่ควรจะเป็นอีกด้วย


ภาพจาก tsveti-rasteniya


6. ว่านกุมารทอง

          ว่านชนิดนี้จะเป็นพืชล้มลุกที่มีหัวคล้ายกับเด็กนั่งอยู่บนแท่น จึงขนานนามว่าเป็น ว่านกุมารทองออกดอกเป็นพุ่มทรงกลมปีละครั้ง เมื่อดอกออกแล้วใบจะค่อย ๆ แทงยอดออกมามีลักษณะเรียวยาวปลายไม่แหลมมาก นิยมปลูกไว้เพื่อช่วยในเรื่องอยู่ยงคงกระพัน เสริมอำนาจและบารมี ทำมาค้าขายคล่องตัว แนะนำให้ปลูกไว้หน้าบ้านหรือบริเวณศาลพระภูมิ นำหัวมาปลูกในดินปนทรายระบายน้ำได้ดีจะวางไว้กลางแจ้งหรือแดดรำไรก็ได้ค่ะ


ภาพจาก pauljunggardening


7. ว่านกวักโพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง

          ว่านทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างกันตรงที่ลายบนหน้าใบ ถ้าเป็นกวักโพธิ์เงินจะมีลายสีขาวและกวักโพธิ์ทองมีสีแดงอมชมพู ลักษณะใบกว้างคล้ายใบโพธิ์เพราะอยู่ในตระกูลเดียวกับบอน ให้ใช้หัวหรือหน่อปลูกลงดินร่วนปนทรายผสมใบไม้แห้งและฟางข้าวหรือใบจามจุรีก็ได้ เคล็ดลับในการรดน้ำหากจะรดในตอนเย็นต้องรอให้กระถางเย็นตัวซะก่อนจึงจะรดได้ ว่านนี้ใช้ในการกวักเงินกวักทองและเสริมเสน่ห์ให้กับผู้ปลูก และยังนำหัวว่านมาพอกแผลช่วยให้หายเร็วได้อีกด้วย


ภาพจาก ttfnc


8. ว่านเศรษฐีขอดทรัพย์ หรือว่านเศรษฐีกอบทรัพย์

          บรรดาพ่อค้า-แม่ค้าใช้ว่านที่ว่านี้ในการเสี่ยงทายผลกำไรในแต่ละปี หากโชคดีปลายใบยาว ๆ ที่คล้ายกับใบกุยช่ายจะขดเป็นลอนสวยงาม ก่อนจะปลูกต้องนำดินกลางแจ้งมาทุบแล้วผสมกับเศษใบไม้ ตากน้ำค้างทิ้งไว้ 1 คืน เป็นพืชที่ชอบน้ำและวางไว้ในที่ร่มก็จะเจริญงอกงามดี



9. ว่านไพลปลุกเสก

          ลักษณะโดยทั่วไปจะคล้ายต้นไพลแต่แตกต่างกันที่ขอบใบเป็นสีขาว ลำต้นตั้งสูงใบแหลมเรียวยาว ส่วนหัวก็มีสีเหลืองคล้ายไพล สรรพคุณสามารถแก้ได้สารพัดโรคตามตำรับยาแผนโบราณ ให้นำหัวลงมาปลูกในดินที่เผาแล้วทุบผสมกับเศษอิฐและใบไม้แห้ง ตากน้ำค้างทิ้งไว้ 1 คืน  รดน้ำชุ่มแต่ต้องมีที่ระบายน้ำได้ดีด้วยเช่นกัน

          แม้ว่าว่านทั้ง 9 ชนิดนี้ จะขึ้นชื่อเรื่องโชคลาภแต่ก็ควรศึกษาให้ดีก่อนลงมือปลูก เพื่อให้เป็นพืชที่ยังคงความสวยงาม และช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบ้านของคุณตลอดไปค่ะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก thaiherbtherapy, Blogging, Kabilawan, Panmai, Saimherba, Wunjun, Panmai, Somwungsamunpai, Rmuti

http://home.kapook.com/view128882.html

10 ไม้ดอกน่าปลูกหน้าหนาว ให้บ้านสวยไม่แพ้เมืองเหนือ !


         มายิ้มรับลมหนาวไปพร้อม ๆ กับไม้ดอกที่น่าปลูกไว้ในช่วงฤดูหนาวนี้กันค่ะ รับรองว่า 10 ไม้ดอกที่คัดมาฝาก ปลูกง่าย เลี้ยงง่าย ได้ความสดชื่น และบ้านสวยมีสีสันแน่นอน
 

          ถึงแม้ลมหนาวในปีนี้จะมาช้าไปหน่อยแต่ก็เริ่มมีลมเย็น ๆ ให้เราได้ตื่นเต้นกันบ้างแล้วล่ะ กระปุกดอทคอมจึงไม่รอช้าที่คว้า 10 ไม้ดอกน่าปลูกประดับบ้านในฤดูหนาวนี้มาฝากกันค่ะ เพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศใน บ้านและในสวน ให้แตกต่างออกไปจากฤดูกาลที่แล้วมา ราวกับว่าได้ไปสัมผัสลมหนาวและสูดกลิ่นหอมของไม้ดอกในอุทยานทางภาคเหนือกันเลยทีเดียว ส่วนจะมีไม้ดอกชนิดไหนที่น่าสนใจบ้างนั้นต้องไปดูกันเลย !

กุหลาบ

          มาเริ่มต้นกันด้วยดอกไม้แห่งความรักแสนโรแมนติกหวานชื่นอย่าง กุหลาบ ช่วงอากาศหนาว ๆ อย่างนี้เหมาะที่จะปลูกกุหลาบให้เจริญงอกงามมากที่สุด ด้วยวิธีการตัดชำ การตอน และการติดตา ลงในดินที่ผสมปุ๋ยหมัก เศษใบไม้ และแกลบ รดน้ำให้พอดีกับขนาดกระถางเพียง 1 ครั้งต่อวัน ไม่จำเป็นต้องวางให้โดนแดดโดยตรง ตั้งให้อยู่ในที่แดดรำไรก็พอ

เดซี่

          เดซี่ เป็นหนึ่งในไม้ดอกที่สามารถเรียกรอยยิ้มของคนที่พบเห็นได้มากเลยทีเดียว นั่นอาจเป็นเพราะไม้ดอกชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนแห่งความรักอันบริสุทธิ์ก็เป็นได้ หากอยากจะมีไว้ประดับบ้านนาน ๆ ควรปลูกด้วยดินร่วนปนทราย ดอกเดซี่ไม่ชอบน้ำขังดังนั้นรดน้ำเพียงหนึ่งครั้งต่อวันก็พอ นำไปตั้งให้โดนแดดจัด ๆ บ้างก็ดี

รักเร่

          สีสันที่สวยงามของดอกรักเร่เหมาะกับการปลูกไว้ประดับบ้านในช่วงหน้าหนาวนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งวิธีการปลูกดอกรักเร่นั้นก็มีหลายวิธีอย่างเช่น เพาะเมล็ด ปักชำ ต่อกิ่ง ปลูกด้วยหัว ส่วนดินที่นำมาใช้ควรเป็นดินที่มีความชื้นมากเป็นพิเศษโดยการนำใบไม้แห้ง เปลือกถั่ว หรือฟางมาคลุมดิน เพื่อกักเก็บความชื้นให้สมดุลและตั้งให้โดนแดดจัด เพียงเท่านี้ดอกรักเร่ก็จะบานสะพรั่งท่ามกลางอากาศหนาวให้เราได้ชื่นใจแล้ว

บัวดิน

          บัวดิน มีลักษณะคล้ายดอกลิลลี่ที่เรารู้จักเป็นอย่างดีแต่ต่างกันตรงที่ขนาดและลำต้น ซึ่งบัวดินมีอยู่ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ ปลูกโดยการใช้หัวและเมล็ดลงในกระถางเพื่อช่วยให้ดินระบายน้ำ ตั้งให้โดนแดดจัดเข้าไว้ แม้ขึ้นชื่อว่าบัวแต่ไม่ชอบน้ำขังเหมือนบัวทั่ว ๆ ไป เจริญเติบโตได้ดีในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว

กะหล่ำปลีประดับ

          อย่าเพิ่งคิดว่า "กะหล่ำปลีประดับ" ดอกสวย ๆ จะปลูกได้แต่ทางภาคเหนือเท่านั้น ในเมื่อลมหนาวมาเยือนขนาดนี้เห็นทีคงต้องหาทางปลูกกันบ้างแล้วล่ะ ให้นำเมล็ดเพาะต้นกล้าในดินที่ร่วนที่ผสมปุ๋ยหมัก เมื่อออกดอก 1-2 ใบแนะนำให้ถอดใบที่อ่อนแอทิ้งไป รดน้ำสม่ำเสมออย่าให้ขาด ส่วนประโยชน์ของไม้ดอกชนิดนี้ไม่ได้มีไว้ชมอย่างเดียวนะ เพราะสามารถเด็ดใบมารับประทานได้ด้วยล่ะ

ดอกผีเสื้อ

          ดอกผีเสื้อเป็นไม้พุ่มทรงเตี้ยที่มีหน้าตาคล้ายปีกของผีเสื้อและมีสีสันที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำลงในดินร่วน ไม่ชอบน้ำขัง รดน้ำพอชุ่มแต่อย่าแฉะ เหมาะกับการปลูกในสภาพอากาศหนาวที่สุด

หงอนไก่

          หงอนไก่ เป็นอีกหนึ่งสีสันพรรณไม้ที่คู่ควรกับสวนในช่วงฤดูหนาวเป็นอย่างมาก ให้ผสมเปลือกหอยและเปลือกกุ้งเพื่อเติมสารอาหารให้กับดินอย่างเต็มที่ นำเมล็ดหงอนไก่ลงไปปลูกในดินที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม และวางกระถางหงอนไก่ให้โดนแดดจัด ความหนาแน่นของสีสันในดอกหงอนไก่จะทำให้บรรยากาศในบ้านอบอุ่นขึ้นมาทันที

มะลิ

          ใช่ว่าหน้าหนาวแล้วเราจะต้องปลูกแต่ดอกไม้เมืองหนาวเพียงอย่างเดียว มะลิ ก็เป็นอีกหนึ่งไม้ดอกไทย ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์แล้วแต่เราจะเลือกปลูก ก่อนอื่นต้องผสมดินกับแกลบให้เท่า ๆ กันแล้วรดน้ำให้ชุ่ม นำกิ่งแก่ที่มี 3 ข้อขึ้นไปมาปักลงในดิน รดน้ำเพียงวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ไม่ควรรดน้ำมากเกินไปเพราะจะทำให้ต้นเน่าเอาได้

เบญจมาศ

          ดอกเบญจมาศ เป็นพรรณที่สามารถออกดอกได้ทั้งปีจะปลูกต้อนรับหน้าหนาวก็ดีไม่แพ้กัน ควรปลูกด้วยวิธีการเพาะเมล็ด แต่สำหรับช่วงอากาศหนาวเย็นเช่นนี้เราขอแนะนำให้ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำลงในดินร่วนปนทราย รดน้ำแค่ตอนเช้าเท่านั้นเพื่อป้องกันโรคราที่อาจจะเกิดขึ้นกับดอกเบญจมาศนั่นเอง

ไซคลาเมน

          แม้ต้นไซคลาเมนจะเป็นไม้ดอกที่เจริญเติบได้ดีในถิ่นที่มีสภาพอากาศหนาวเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าคนไทยจะไม่มีโอกาสได้ปลูกซะเมื่อไหร่ เพียงแค่ดูแลเป็นพิเศษมันก็งอกงามแล้ว ซึ่งวิธีการปลูกเราจะใช้เมล็ดพันธุ์ที่สามารถหาซื้อได้ตามตลาดต้นไม้ทั่วไปปลูกลงในดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ห้ามรดน้ำลงบนต้นโดยตรง ตั้งให้โดนแดดรำไร นอกจากสีสันอันสวยงามแล้วไซคลาเมนยังมีกลิ่นหอม ๆ ที่เหมาะกับการปลูกลงกระถางเพื่อย้ายไปตั้งไว้ในอาคารบ้านเรือนได้อีกด้วย

          หากใครที่กำลังมองหาไม้ดอกไว้จัดสวนอยู่ละก็ ลองรับพรรณไม้ดอกที่เรานำมาเสนอในวันนี้ไปลองพิจารณากันดูสิคะ รับรองได้เลยว่า สวนของคุณอาจจะกลายเป็นสิ่งเติมเต็มสีสันใหม่ให้บ้านแลดูสดใสในช่วงหน้าหนาวนี้ก็เป็นได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก gotoknow, panmai, joywolfwirawan, thaikasetsart
http://home.kapook.com/view133507.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/603271312603254364/


Saturday, December 24, 2016

10 ต้นไม้นิยมแต่งบ้านวันคริสต์มาส ปลูกในร่มก็ได้ ใช้ประดับก็ดี


        ต้นไม้นิยมใช้แต่งบ้านวันคริสต์มาส บางต้นสามารถปลูกในร่มได้ หรือจะซื้อมาประดับต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสก็ดี ไปดูกันว่ามีต้นไม้ชนิดใดนิยมใช้ตกแต่งบ้านวันคริสต์มาส นอกจากต้นคริสต์มาสได้บ้าง


          เทศกาลคริสต์มาสทุก ๆ ปีมักจะเห็นต้นคริสต์มาสประดับประดาเต็มไปหมด ไม่ว่าตามห้างสรรพสินค้า ข้างทาง หรือในบ้าน บางคนถึงกับลงทุนซื้อต้นคริสต์มาสมาประดับบ้านในวันคริสต์มาสทั้ง ๆ ที่ใช้เพียงปีละครั้งเท่านั้นเอง วันนี้กระปุกดอทคอมเลยรวบรวมรายชื่อต้นไม้ปลูกในบ้านที่สามารถใช้ตกแต่งบ้านในวันคริสต์มาสได้มาฝาก ซึ่งต้นไม้บางชนิดนอกจากจะปลูกในร่มได้แล้ว ยังช่วยสร้างสีสันให้กับบ้านได้ไม่แพ้ต้นคริสต์มาสเลยล่ะ

1. ต้นคริสต์มาส (Poinsettia)

          ต้นคริสต์มาสเป็นไม้ดอกพื้นเมืองของอเมริกาใต้ สามารถปลูกในประเทศไทยได้ ลำต้นสูงประมาณ 0.6–4 เมตร เมื่ออากาศเย็นหรือในช่วงหน้าหนาวยอดใบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ทำให้ดูคล้ายดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่  มีบางสายพันธุ์ที่ยอดใบเปลี่ยนเป็นสีขาวและสีชมพู แต่สีแดงจะได้รับความนิยมมากกว่าในการประดับบ้านช่วงคริสต์มาส สามารถขยายพันธุ์โดยการตัดกิ่งปักชำ ปลูกได้ดีในดินร่วนซุย ส่วนผสมของดินใช้ ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน เศษใบไม้ผุ 1 ส่วน ชอบแสงแดดกึ่งร่ม ชอบน้ำปานกลาง


2. ฮอลลี่ (Holly)

          ฮอลลี่เป็นต้นไม้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเทศกาลคริสต์มาส เพราะเชื่อกันว่าสีเขียวของใบฮอลลี่หมายถึง การมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ และสีแดงของผลต้นฮอลลี่จะหมายถึงหยดเลือดของพระเยซู นิยมนำมาจัดช่อและหรีดประดับบ้าน ขอบใบของต้นฮอลลี่จะเป็นแฉก ๆ ปลายจะแหลม มีสีเขียวสด บางสายพันธุ์ก็มีขอบใบสีเขียวอ่อน ต้นฮอลลี่เพศเมียจะออกผลเล็ก ๆ สีแดง สำหรับฮอลลี่ในบ้านเราค่อนข้างจะหายาก ทั้งนี้สามารถหาซื้อฮอลลี่พลาสติกที่จัดเป็นหรีดมาประดับแทนได้

  
3. ดอกคริสต์มาส (Christmas Rose)

          ดอกคริสต์มาสปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระเยซู มีประวัติความเป็นมายาวนาน ต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ ดอกมีขนาดใหญ่สีขาวและสีชมพูอ่อน มีกลุ่มเกสรสีเหลืองอยู่กลางดอก ออกดอกในช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ชอบอากาศเย็น ในร่ม สามารถเจริญเติบโตและดอกออกได้แม้อยู่ใต้หิมะ

  
4. มิสเซิลโท (Mistletoe)

          มิสเซิลโทนิยมนำมาจัดช่อร่วมกับต้นคริสต์มาสประดับตามโต๊ะอาหารและมุมต่าง ๆ ของบ้าน ที่นิยมกันมากคือการจัดเป็นหรีดห้อยประตู เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความรัก อันเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า ถ้าหญิง-ชายที่ยืนอยู่ใต้มิสเซิลโทจะต้องจูบกัน ถ้าปฏิเสธจะโดนคำสาปให้พบเจอกับความโชคร้าย ทั้งนี้มิสเซิลโทยังไม่นิยมปลูกในไทย แต่สามารถหาซื้อช่อมิสเซิลโทพลาสติกแบบสำเร็จรูปได้ทั่วไป

  
5. มังกรคาบแก้ว (Christmas Cactus)

          เป็นไม้ประดับที่ปลูกเลี้ยงประดับได้เป็น 2 แบบคือ ในช่วงฤดูการเจริญเติบโตใบจะสวยงามคล้ายไม้ใบจำพวกกระบองเพชรที่มีใบสีเขียวหัวห้อยลง เมื่อเข้าฤดูหนาวอากาศเย็นดอกจะสีสันสวยงาม ดอกมีสีชมพูและแดง และจะบานเต็มที่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ การปลูกมังกรคาบแก้วควรปลูกในที่ระบายน้ำและถ่ายเทอากาศได้ดี เช่น กาบมะพร้าวสับขนาดกลางผสมกับใบก้ามปูผุ แขวนกระถางไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายได้ดี แต่มีความชื้นสูง รดน้ำวันละ 1 ครั้ง

  
6. โรสแมรี (Rosemary)

          ต้นโรสแมรีที่ปลูกในกระถางสามารถนำมาใช้ประดับบ้านแทนต้นคริสต์มาสได้ เนื่องจากต้นมีลักษณะเป็นพุ่มคล้ายกับต้นคริสต์มาสแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก สามารถนำไปตั้งตามมุมห้อง จัดตกแต่งเป็นต้นคริสต์มาสจิ๋ว แถมยังมีกลิ่นหอมผ่อนคลายอีกด้วย สามารถขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งสด โดยให้ตัดปลายออกเป็นรูปปากฉลามแล้วปักลงดิน รดน้ำเช้าเย็น เก็บไว้ในที่ร่ม อากาศถ่ายเท รอให้รากเดินดีประมาณ 1-2 เดือนก่อนค่อยย้ายลงกระถาง

  
7. เปเปอร์ไวท์ (Paperwhite)

          เปเปอร์ไวท์ (Paperwhite) หรือ นาร์ซิสซัส เปเปอร์ไวท์ (Narcissus Paperwhite) เป็นดอกไม้ที่ปลูกง่าย โตเร็ว มีดอกสีขาว กลิ่นหอม นิยมมาจัดช่อประดับโต๊ะ สามารถปลูกได้หลายวิธี ทั้งในกระถางใส่ดินและในแก้วรองก้นด้วยหิน วิธีปลูกในอ่างแก้วให้รองก้อนกรวดลงไปในภาชนะ ประมาณ 1-2 นิ้ว นำหัวเปเปอร์ไวท์มาวางไว้ด้านบนก้อนกรวด วางก้อนกรวดหรือหินรอบ ๆ เพื่อให้หัวอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง ใส่น้ำให้อยู่ในระดับฐานของหัว จากนั้นนำมาใส่ถุงพลาสติกเพื่อนำไปแช่เย็นในตู้ให้มีอุณหภูมิประมาณ 15-18 องศา สำหรับการปลูกในกระถางให้นำหัวฝังลงดินลึก 3-4 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม แล้วห่อด้วยถุงพลาสติก จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นให้มีอุณหภูมิประมาณ 15-18 องศา


8. ไซคลาเมน (Cyclamen)

          ไซคลาเมนเป็นพืชหัวที่มีดอกสวยงาม ดอกมีหลากหลายสีทั้งสีขาว แดง ชมพู และม่วง ไซคลาเมนสีแดงจะนิยมนำมาแต่งบ้านช่วงคริสต์มาสมากที่สุด เนื่องจากสีดอกตัดกันกับสีเขียวเข้มของใบ ทั้งนี้ไซคลาเมนเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็น ในไทยสามารถปลูกได้ในภาคเหนือ

  
9. ว่านสี่ทิศ (Amaryllis)

          ต้นไม้มงคลที่เชื่อว่ากันว่าจะนำโชคลาภมาให้ นอกจากนี้ว่านสี่ทิศเป็นไม้ดอกไม้ประดับนิยมปลูกกันทั่วโลก เนื่องจากให้ดอกใหญ่ หลากหลายสีสันมีทั้ง สีขาว สีชมพู สีแดง สีแดง-ขาว ดอกสีแดงของว่านสี่ทิศเป็นสีแดงสดคล้ายกับต้นคริสต์มาส ดังนั้นจึงนิยมนำมาจัดช่อประดับบ้านในเทศกาลคริสต์มาส การตัดหัวแบ่งเพาะชำจัดเป็นวิธีปลูกที่ง่ายและให้ผลดีที่สุดสำหรับการปลูกว่านสี่ทิศ โดยให้ผ่าหัวว่านออกเป็นส่วนละ 4-8 ส่วน ตามแนวจากล่างจนสุดปลายหัว ส่วนล่างต้องให้มีแขนงรากติดอยู่ทุกส่วนที่แบ่ง จากนั้นนำส่วนที่ตัดแบ่งปักชำลงดินในกระถางหรือแปลงเพาะชำที่เตรียมได้จากการผสมดินกับอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก แกลบ ขี้เถ้า ขุยมะพร้าว เป็นต้น

  
10. ต้นคริสต์มาส (Christmas tree)

          แน่นอนว่าต้นไม้ประดับบ้านในช่วงคริสต์มาสที่ขาดไม่ได้คือ ต้นคริสต์มาส ซึ่งต้นคริสต์มาสที่ว่านี้ก็คือ ต้นสนนั่นเอง ในต่างประเทศจะใช้สนเมืองหนาว อย่าง Balsam firs Douglas firs และ Fraser firs ซึ่งจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วย สำหรับในบ้านเราสามารถใช้สนมังกร สนหางสิงห์ หรือต้นคริสต์มาสพลาสติกแบบสำเร็จรูปที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดแทนก็ได้

 
          สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียแต่งบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาส สามารถหาต้นไม้เรานำมาฝากไปใช้ได้เลยค่ะ เพราะต้นไม้เหล่านี้หาได้ในบ้านเราทั้งนั้นเลย หรือสำหรับบางต้นสามารถปลูกเองในบ้านได้ด้วยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก housebeautiful, Royal Horticultural Society, Flowermeaning, Whychristmas, NC State University และ Panmai
http://home.kapook.com/view162172.html



Monday, December 19, 2016

10 วิธีกำจัดหอยทาก ศัตรูพืชตัวร้าย ป้องกันต้นไม้โดนกัดกิน !


         วิธีกำจัดหอยทาก แม้หอยทากจะเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่องช้าแต่มันก็ไม่น่าไว้ใจ เป็นหนึ่งในศัตรูพืชที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก อย่าปล่อยให้ต้นไม้เสียหาย ด้วยวิธีกำจัดหอยทากง่าย ๆ ต่อไปนี้

          ขึ้นชื่อว่าศัตรูพืชแล้วก็ย่อมไม่ปลอดภัยกับพืชอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ หอยทากแม้จะดูเป็นสัตว์ที่มีความอ่อนโยน เชื่องช้า และไม่มีพิษไม่มีภัยอันตรายอะไร แต่มันสามารถทำลายสวนสวย ๆ ของคุณให้พังได้ในเวลาเพียงไม่นาน ฉะนั้นกระปุกดอทคอมเลยรวบรวมวิธีกำจัดหอยทากง่าย ๆ มาฝาก ให้คนรักสวนนำไปใช้กันค่ะ แล้วจะมีวิธีกำจัดหอยทากวิธีไหนน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ

1. กับดักเบียร์

          ถ้าที่บ้านยังพอมีเบียร์หรือน้ำองุ่นเหลืออยู่บ้าง ให้เทลงถังน้ำใบเล็ก ๆ หรือเทใส่จานหลุมพอประมาณ นำไปตั้งทิ้งไว้ในพื้นที่ที่มีหอยทากระบาดหนัก เมื่อหอยทากได้กลิ่นเบียร์มันก็จะคลานเข้าไปและจมลงไปในหลุมที่วางไว้ แต่ถ้าไม่มีทั้งเบียร์และน้ำองุ่นก็ไม่เป็นไร แค่ผสมน้ำเปล่า น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ และยีสต์ ½ ช้อนโต๊ะ ก็ใช้แทนกันได้เลยค่ะ

2. เทปทองแดง

          เทปทองแดงสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ทำสวนทั่วไป เมื่อได้มาแล้วให้นำเทปทองแดงมาติดกั้นอาณาเขตไว้รอบ ๆ ต้นไม้หรือรอบสวนเอาไว้ เพราะทองแดงจะทำปฏิกิริยารบกวนระบบประสาทหอยทาก ไม่ให้เข้ามาในบริเวณนั้น ๆ ได้

3. เปลือกไข่บด

          เปลือกไข่ที่เหลือจากการทำครัวอย่าเพิ่งทิ้งเด็ดขาด ให้นำไปป่นหรือบดพอหยาบ แล้วโรยไว้ที่โคนต้นไม้ หอยทากก็จะไม่กล้าเข้ามาใกล้ต้นไม้เด็ดขาด มิเช่นนั้นมันอาจจะโดนเศษเปลือกไข่บาดเอาได้ นอกจากนี้เปลือกไข่ยังมีแคลเซียมช่วยบำรุงต้นไม้ได้อีกด้วยนะ

4. กากกาแฟ

          นอกจากเปลือกไข่จะเป็นของเหลือจากครัวที่นำมาใช้ไล่หอยทากได้แล้ว กากกาแฟก็ใช้ได้เช่นกัน โดยนำกากกาแฟมาโรยไว้รอบ ๆ ต้นไม้และสวน หรือจะฉีดพ่นน้ำกาแฟลงบนต้นไม้หรือตัวหอยทากโดยตรงเลยก็ช่วยกำจัดได้ดีเลยทีเดียว แถมวิธีนี้ยังช่วยบำรุงต้นไม้อีกทางหนึ่งด้วย

5. สเปรย์กระเทียม

          จะกำจัดศัตรูพืชทั้งทีไม่ต้องคิดวางแผนให้ยุ่งยาก เพราะแค่นำกระเทียมมาบดให้พอหยาบและผสมน้ำเปล่า ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เมื่อเข้ากันดีแล้วก็เทใส่ขวดสเปรย์เพื่อนำไปฉีดพ่นในสวน บริเวณต้นไม้ หรือจะฉีดลงบนตัวหอยทากเลยก็ได้ค่ะ แถมยังช่วยกำจัดศัตรูพืชชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วย

6. ระบบนิเวศน์


          แต่ถ้าไม่มีเวลามานั่งทำกับดักเพื่อไล่หอยทากก็ไม่เป็นไร เราขอแนะนำให้ใช้ระบบนิเวศน์เลยค่ะ เปิดสวนให้สัตว์เล็ก ๆ ที่ชอบกินหอยทากเป็นอาหารเข้ามา อย่างเช่น คางคก กบ เต่า หรือจิ้งจก เพราะสัตว์เหล่านี้จะช่วยกำจัดหอยทากออกไปได้

7. ดินเบา

          ดินเบา เป็นตะกอนหินฟอสซิลที่ได้จากซากสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล เนื้อดินเบามีลักษณะรูปร่างที่เป็นอันตรายต่อผิวนิ่ม ๆ หอยทาก โดยนำไปโรยที่บริเวณต้นไม้หลังรดน้ำต้นไม้เสร็จ จะได้ผลดีกว่า แต่ถ้าหาซื้อดินเบาไม่ได้ โรยแป้งทาตัวหรือผงขิงแทนได้เหมือนกัน

8. เปลี่ยนเวลาทำสวน

          หอยทากจะคุ้นเคยกับเวลาทำสวนแบบเดิม ๆ ดังนั้นถ้าลองปรับเปลี่ยนเวลาและวิธีการบางอย่างไปบ้าง หอยทากก็จะปรับตัวตามไม่ทัน เริ่มจากการรดน้ำต้นไม้ ให้เปลี่ยนมารดตอนเช้าตรู่แทน เพราะเมื่อถึงตอนกลางคืนดินก็จะแห้ง หอยทากจะไม่สามารถเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ สวนได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ต่อมาให้หมั่นพรวนดินรอบ ๆ ต้นไม้บ้าง เพื่อรบกวนเหล่าศัตรูพืชและการวางไข่ของหอยทาก กำจัดเศษใบไม้และสิ่งสกปรกออกจากสวนเพื่อไม่หอยทากใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว ปูพื้นทางเดินหรือตกแต่งสวนด้วยกรวด ไม้ชิ้นเล็ก ๆ เพื่อขวางทางการการเคลื่อนที่ของพวกมัน และปลูกสมุนไพรที่ไม่เป็นมิตรต่อหอยทาก ได้แก่ สาระแหน่ โหระพา หรือพาสลี่เอาไว้ในสวนบ้าง

9. สารกำจัดศัตรูพืช

          สารกำจัดศัตรูพืชที่ว่านี้มีชื่อว่า เมทัลดีไฮด์ (Metaldehyde) เป็นสารที่ช่วยกำจัดศัตรูพืชได้โดยตรง แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ห้ามนำไปใช้ในสวน ภายในบ้าน หรือบริเวณที่มีสัตว์เลี้ยงและเด็กอยู่  เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้ค่ะ ควรจะใช้เฉพาะจุดที่มีหอยทากระบาดเท่านั้น ได้แก่ บริเวณนอกบ้าน และไม่เป็นจุดต้องห้ามที่แนะนำไว้

10. กับดักล่อหอยทาก

          หอยทากมักหลบอยู่ตามซอกหิน เศษไม้ และเศษใบไม้ในสวน ฉะนั้นให้นำแผ่นไม้อะไรก็ได้มาวางในสวนทิ้งไว้  1 คืน รอให้หอยทากเข้ามาอยู่ จากนั้นให้น้ำส้มสายชูเทใส่ขวดสเปรย์แล้วฉีดลงไปบนแผ่นไม้ หอยทากก็รีบอพยพออกไปโดยไม่ต้องฆ่า

          การกำจัดหอยทากไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ไม่ต้องเป็นชาวสวนหรือผู้เชี่ยวชาญเราก็สามารถกำจัดหอยทากได้ด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับวิธีการที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไงล่ะ เพราะวิธีการหลัก ๆ ก็คือการนำของใช้ในครัวเรือนมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์นั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikihow และ Organiclesson
เครดิตภาพ   https://www.pinterest.com/pin/9077636740504289/