Wednesday, April 29, 2020

10 ข้อห้ามเรื่องบ้าน ไขความลับความเชื่อโบราณ ที่ว่ากันว่าทำแบบนี้เจอดีแน่ !


10 ข้อห้ามที่โบราณว่าไว้ว่า ไม่ควรทำตอนอยู่ในบ้าน แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ทำไมไม่ควรทำ ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตามไปดูเหล่าข้อห้ามที่เคยได้ยินตั้งแต่เด็ก ๆ พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องเคยโดนผู้ใหญ่ทักว่าห้ามทำนู่น ทำนี่ในบ้านเป็นประจำ บ้างก็ว่าห้ามเหยียบธรณีประตู เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ บ้างก็ว่าห้ามร้องเพลงตอนอยู่ในครัว เพราะจะได้สามีแก่ งานนี้หลายคนก็เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าความเชื่อโบราณเหล่านี้มาจากไหน มีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วจะเชื่อได้จริงหรือไม่ เอาล่ะ อย่ามัวหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่นาน เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมความเชื่อที่มักโดนห้ามไม่ให้ทำในบ้าน พร้อมเผยเบื้องหลังคำเตือนของผู้ใหญ่มาเฉลยให้ฟังกันค่ะ

1. ห้ามเหยียบธรณีประตู

หลายคนคงเคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่สั่งห้ามไม่ให้เราเหยียบธรณีประตูเวลาเดิน-เข้าออก เพราะมีการบอกเล่าเก้าสิบกันมาว่า ที่ธรณีประตูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาอยู่ หากจะเดินผ่านต้องก้าวข้ามให้พ้นทุกครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นกลอุบายอย่างหนึ่งไว้ป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากบ้านไทยสมัยโบราณอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง จึงต้องทำธรณีประตูสูง ๆ เอาไว้ดักฝุ่นและน้ำไม่ให้พัดเข้ามาในบ้าน และป้องกันลูกเล็กเด็กแดงคลานเล่นจนตกลงไปในน้ำนั่นเอง

2. ห้ามกวาดบ้านตอนกลางคืน

ความเชื่อโบราณที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า การกวาดบ้านตอนกลางคืนจะเป็นการกวาดเงินกวาดทองออกไปจากบ้าน ซึ่งแท้จริงแล้วบ้านสมัยก่อนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ อีกทั้งบ้านสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง และพื้นบ้านก็ปูด้วยไม้ทำให้มีร่องเล็ก ๆ ระหว่างรอยต่อ หากกวาดบ้านตอนกลางคืนก็อาจจะเผลอกวาดของชิ้นเล็ก ๆ ตกลงไปใต้ถุนบ้านและหาไม่เจอ เพราะของไปกองรวมกับขยะนั่นเอง

3. ห้ามตากผ้าข้ามคืน

ว่ากันว่าที่คนโบราณไม่ให้ตากผ้าข้ามคืน เพราะเชื่อว่ากระสือจะเอาไปเช็ดปาก โดยจริง ๆ แล้วการห้ามตากผ้าข้ามคืนเป็นวิธีการถนอมเสื้อผ้า เนื่องจากหากตากผ้าตอนกลางคืนนั้น นอกจากจะเสี่ยงต่อการโดนขโมยแล้ว ก็อาจทำให้เสื้อผ้าที่เพิ่่งซักเสร็จเปียกฝนหรือเปียกน้ำค้าง ที่สำคัญอาจจะมีสัตว์หรือแมลงมีพิษมาเกาะตามเสื้อผ้า ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายเมื่อคนในบ้านนำเสื้อมาสวมใส่ด้วย


4. ห้ามลับมีดตอนกลางคืน

ความเชื่อเกี่ยวกับการทำครัวซึ่งบอกเล่ากันว่า ในของมีคมเกือบทุกอย่างมักจะมีวิญญาณสถิตอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ควรนำมีดออกมาเล่นเพราะจะโดนผีผลัก ซึ่งจริง ๆ สาเหตุหลักของการห้ามลับมีดตอนกลางคืน เนื่องจากตอนกลางคืนมีแสงสว่างน้อย ทำให้มองเห็นไม่ชัดจนอาจเกิดมีดบาดได้ ส่วนตอนเล่นจะทำให้เราไม่ค่อยระวังตัว จนอาจทำให้หกล้มและเผลอโดนมีดแทงนั่นเอง

5. ห้ามทำให้ครัวสกปรก

คนโบราณมีความเชื่อว่า ห้ามปล่อยให้ห้องครัวสกปรกเด็ดขาด เพราะจะทำให้อับโชค ซึ่งความจริงแล้วหากปล่อยปละละเลยทำให้ห้องครัวสกปรก ก็จะทำให้มีเชื้อโรคหลายชนิดสะสมปนไปกับอาหารและทำให้คนในบ้านเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น

6. ห้ามนั่งบนบันได

อีกหนึ่งความเชื่อที่หลายคนคงเคยโดนผู้ใหญ่เตือนเวลาที่นั่งเล่นบนบันได ผ่านการบอกต่อกันมาว่า หากนั่งบนบันไดจะทำให้คนในบ้านเจอเรื่องร้ายหรือมีความทุกข์ เบื้องหลังกลอุบายนี้ก็มีไว้เพื่อเตือนไม่ให้เด็ก ๆ นั่งบนบันได เพราะกีดขวางทางเดินของคนอื่น และอาจทำให้คนที่เดินสวนไป-มาสะดุดหกล้มตกบันไดได้ เนื่องจากบันไดบ้านสมัยโบราณอยู่นอกบ้าน และมีราวจับเพียงด้านเดียวหรือบางบ้านก็ไม่มีราวจับเลยนั่นเอง

7. ห้ามเดินข้ามขั้นบันได

เพราะว่ากันว่าหากเดินข้ามขั้นบันไดจะทำให้ทำมาหากินลำบาก ค้าขายไม่ขึ้น ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ซึ่งจริง ๆ แล้วความเชื่อนี้ไม่ได้แค่เอาไว้เตือนเท่านั้น แต่เป็นคำสอนที่แฝงคติไว้ด้วยว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำเกินความสามารถ และเป็นการสอนให้รู้จักคิดทำเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ทำอะไรข้ามขั้นตอน เหมือนกับการเดินขึ้น-ลงบันได ให้ก้าวทีละขั้น เพราะหากก้าวข้ามก็อาจพลาดตกลงมา


8. ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก

จะตกแต่งห้องนอนแต่ละทีก็จัดหาฮวงจุ้ยกันให้วุ่น เพราะเดิมมีความเชื่อกันว่าห้ามหันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากเป็นทิศของคนตาย จะทำให้ฝันร้ายและหลับไม่สนิท ซึ่งจริง ๆ แล้วปกติผนังฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นฝั่งที่รับแสงแดดตอนบ่ายจึงเก็บความร้อนไว้เต็ม ๆ เมื่อตกกลางคืนผนังก็จะคายความร้อนออกมา หากหันหัวเตียงเข้าหาผนังบ้านด้านทิศตะวันตกก็ทำให้นอนไม่หลับเพราะรู้สึกไม่สบายตัวนั่นเอง

9. ห้ามปลูกต้นไม้ที่มาจากวัด

เพราะว่ากันว่า การนำต้นไม้ที่เคยปลูกในวัดมาปลูกต่อที่บ้านเป็นเรื่องไม่ดี เนื่องจากต้นไม้ในวัดถือเป็นของสูง หากใครนำมาปลูกที่บ้าน อาจจะทำให้ชีวิตตกอับ ซึ่งจริง ๆ แล้วการเคลื่อนย้ายต้นไม้ค่อนข้างยุ่งยากและอาจจะทำให้รากต้นไม้เกิดความเสียหายได้ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมนำต้นไม้จากวัดมาปลูกกันที่บ้าน อีกทั้งยังเป็นกลอุบายเตือนใจอย่างหนึ่งว่า เราไม่ควรนำของส่วนรวมมาเป็นของตัวเองอีกด้วย

10. ห้ามปลูกต้นลั่นทมในบ้าน

เนื่องจากชื่อของต้นลั่นทมก็ยังออกเสียงคล้ายกับคำว่า ระทม ที่แปลว่าความทุกข์ เลยเชื่อกันว่าหากบ้านไหนปลูกต้นลั่นทนก็จะนำสิ่งไม่ดีมาให้ตามชื่อ ซึ่งแท้จริงแล้วลั่นทมเป็นต้นไม้มียางที่เป็นพิษและมักจะมีบุ้งมาอาศัยอยู่มาก หากปลูกไว้ในบ้านอาจเป็นอันตรายได้ แต่ในปัจจุบันต้นไม้ชนิดนี้มีการนำมาจัดสวนกันอย่างแพร่หลาย และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ลีลาวดี แล้ว

          สรุปได้ว่าความเชื่อโบราณก็คือกลอุบายอย่างหนึ่ง ที่คนรุ่นก่อนคิดขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เราเกิดปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน เห็นอย่างนี้แล้วก็ต้องชื่นชมในความหัวไวของคนสมัยก่อนจริง ๆ เอาเป็นว่าใครจะเชื่อก็ไม่มีปัญหา หรือใครจะไม่เชื่อก็ตามความสะดวก อ๊ะ ๆ ๆ แต่ถ้าอยากให้คนในบ้านปลอดภัย จะทำตามไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักบริการวิชาการ ม.บูรพากรมประชาสัมพันธ์กรมส่งเสริมวัฒนธรรมกองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคกลาง

https://home.kapook.com/view208324.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/118008452723804855/

Thursday, April 23, 2020

15 วิธีลดอุณหภูมิร้อน ให้บ้านเย็นสดชื่นกลับมาน่าอยู่อีกครั้ง


วิธีคลายร้อนให้บ้าน วิธีลดอุณหภูมิร้อนระอุในบ้าน ให้เย็นสดชื่น พร้อมช่วยลดการใช้พลังงานไปในตัว เพื่อให้บ้านของเรากลับมาน่าอยู่อีกครั้ง 

ช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะทำให้หลาย ๆ คนเลือกที่จะอยู่แต่ในบ้าน เพื่อให้ไม่ต้องไปเจอกับแดดร้อน ๆ ที่เผาจนผิวแทบไหม้ในตอนกลางวัน แต่อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นก็อาจทำให้เราต้องช็อกกับบิลค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจจากการเปิดแอร์ทั้งวันได้เช่นกัน ดังนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขออาสานำเคล็ดลับดี ๆ ในการคลายร้อนให้กับบ้านของคุณโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายมาฝาก ลองไปอ่านกันดูเลย...

1. เปลี่ยนผ้าม่านของคุณเป็นม่านแบบโซล่าร์ ซันสกรีน หรือผ้าม่านแบบแบล็กเอาท์ เพื่อจะได้ช่วยกันแสงแดดได้ดีขึ้น ในขณะที่สามารถถ่ายเทอากาศและมองเห็นภายนอกได้ ไม่มืดทึบจนเกินไป ส่วนข้อดีอีกอย่างของผ้าม่านแบล็กเอาท์ก็คือ ช่วยป้องกันได้ทั้งรังสี UV และความร้อน

2. ใช้ฟิล์มกรองแสงเคลือบหน้าต่างห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตกและตะวันออก เพื่อกันแสงแดดแรง ๆ ที่จะส่องเข้ามาในบ้าน ถ้าอยากรักษาความเป็นส่วนตัวอาจจะเลือกใช้ฟิมล์วันเวย์ ซึ่งเป็นประเภทฟิมล์ที่ด้านนอกมองเข้ามาได้ยาก แต่ด้านในสามารถมองเห็นด้านนอกได้

3. ติดกันสาด นอกจากจะช่วยกันฝนได้แล้ว ยังช่วยป้องกันแดดได้ด้วย โดยติดด้านที่โดนแดดเหนือหน้าต่างให้เฉียงประมาณ 45 องศา และเลือกวัสดุที่ไม่สะสมความร้อน เช่น ไม้ระแนงหรือไฟเบอร์ซีเมนต์ ก็จะช่วยลดแสงแดดที่เข้ามาในห้องได้ถึง 65-77 %

 4. เลือกใช้หลังคาสีอ่อนและพ่นฉนวนกันความร้อนอีกชั้น จะช่วยกันความร้อนที่แผดเผาเข้ามาผ่านหลังคาได้ดีขึ้น หรือเลือกหลังคาและฝ้าภายในที่ช่วยสะท้อนและป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน พร้อมกับติดตั้งฉนวนกันความร้อน ก็จะช่วยลดอุณหภูมิร้อนในบ้านได้อีกทางหนึ่ง 


5. การเลือกใช้สีตกแต่งภายใน ควรเลือกโทนสีสว่าง เช่น สีขาวแต่งห้อง จะได้ไม่ดูดความร้อนเหมือนสีเข้ม ๆ เช่น สีดำ นอกจากนี้สีอ่อน ๆ ยังส่งผลดีต่ออารมณ์ของผู้อาศัย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย

6. ปลูกต้นไม้บริเวณหน้าบ้าน และหาไม้ประดับเล็ก ๆ มาไว้ในบ้าน โดยเฉพาะในห้องที่อยู่ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เพื่อให้อากาถ่ายเทได้มากขึ้น [15 ต้นไม้ให้ร่มเงา ปลูกไว้ให้บ้านร่มรื่น]

7. ทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถทำความสะอาดเองได้ตามขั้นตอนนี้เลย [ล้างแอร์บ้านด้วยตัวเอง ผู้หญิงก็ทำตามได้ใน 5 ขั้นตอน]

8. เลือกซื้อพัดลมแบบติดเพดาน อากาศในห้องจะได้ถ่ายเททั่วถึงมากขึ้น โดยไม่ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงมากนัก

9. ใช้หลอดไฟแบบตะเกียบ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้ความร้อนในห้องลดลงด้วย นอกจากนี้ควรปิดดวงไฟที่ไม่ใช้ เพราะหลอดไฟเป็นอีกหนึ่งแหล่งความร้อนในบ้าน 

10. พยายามอย่าเปิดหน้าต่างในช่วงกลางวัน ลมร้อนจากข้างนอกจะได้ไม่เข้ามาสะสมภายในบ้าน

11. หากคุณไม่คิดจะเปิดแอร์ตอนกลางคืน ก็ควรเปิดหน้าต่างไว้ เพื่อให้ลมเย็นในช่วงกลางคืนเข้ามาในบ้าน
 
12. อย่านำเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ไปไว้ใกล้ ๆ เครื่องปรับอากาศ เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น จนประสิทธิภาพลดลง

13. พยายามใช้ไมโครเวฟ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง แทนเตาแก๊ส ที่จะทำให้ไอร้อนอบอวลอยู่ในบ้าน

14. เปิดประตูห้องน้ำ และห้องนอน ไว้เสมอ จะช่วยให้อากาศในบ้านถ่ายเทมากขึ้น

15. สำหรับพื้นบ้าน โดยเฉพาะบริเวณชั้นล่างควรปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน แกรนิต เซรามิก หรือพอร์ซเลน เพราะเป็นวัสดุที่ช่วยกักเก็บความเย็นจากพื้นดินได้ดีและไม่อมความร้อน ช่วยให้บ้านเย็นขึ้นได้ง่าย ๆ 

เพียงแค่ทำตาม 15 เทคนิคง่าย ๆ นี้ ก็จะช่วยให้บ้านของคุณคลายร้อนลงได้มาก ลองเลือกดูข้อที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ แล้วนำไปลดความร้อนให้บ้านกันนะจ๊ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก nelsonsheatingandcooling, SCG และ thaifilmshop

** หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุด วันที่ 26 เมษายน 2562

Thursday, April 16, 2020

ตะขาบบ้าน กับเรื่องลับที่คุณอาจยังไม่เคยรู้


       ตะขาบบ้านขายาว ๆ ที่จู่ ๆ ก็ชอบโผล่ขึ้นมาตามท่อน้ำทิ้งในบ้าน จนทำให้หลายคนสงสัยว่าเจ้าสัตว์ขาขั้วเยี้ยชนิดนี้มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะพาคุณไปดูเฉลยกันค่ะ

       ฤดูฝนมาเยือนทีไร ก็มักจะมีแมลงหรือสัตว์มีพิษโผล่ขึ้นมาตามท่อน้ำหรือรอยรั่วให้เห็นกันบ่อยครั้ง อย่างเช่นสัตว์ร้อยขาที่เรียกว่า "ตะขาบ" เจ้าตัวเล็กพิษสงร้ายกาจที่ชอบซ่อนตัวในที่อับชื้น เช่น กอหญ้า ใต้ก้อนหิน รวมถึงท่อระบายน้ำ และพบในไทยมากถึง 48 ชนิด แต่ละชนิดก็มีหน้าตาที่แตกต่างกัน วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปเปิดโลกความลับของ ตะขาบบ้าน (House Centipede) สัตว์ร้อยขาหน้าแปลกคล้ายตะขาบผสมแมงมุม พร้อมวิธีกำจัดเมื่อเจอในบ้าน 

1. ตะขาบบ้านพิษไม่ร้ายอย่างที่คิด

          หลายคนอาจจะเคยคิดว่าตะขาบทุกชนิดมีพิษร้ายแรง สามารถทำอันตรายคนได้แค่เพียงสัมผัส ซึ่งความจริงแล้วตามปกติตะขาบบ้านจะไม่กัดคน อีกทั้งตะขาบบ้านเป็นสัตว์ที่มีพิษอ่อน ถ้าโดนกัดก็อาจมีอาการแพ้ที่ผิวหนัง แต่ไม่สามารถทำอันตรายร้ายแรงกับคนหรือสัตว์ใหญ่ เช่น หมาหรือแมวได้ 

2. กลางคืนคือเวลาแสนสุขของตะขาบบ้าน

          พวกมันเป็นสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน และเหยื่ออันโอชะของพวกมันก็คือ ปลวก แมลงสาบ แมลงวัน มด แมงมุม รวมถึงตัวเรือด เมื่อหมดเวลาก็จะกลับไปซ่อนอยู่ตามที่อับชื้นหรือมุมมืด เช่น ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า กองใบไม้ หรือต้นไม้นั่นเอง 

3. กำจัดตะขาบบ้านง่าย ๆ แค่ดูแลความสะอาด 


          วิธีไล่ตะขาบบ้านง่าย ๆ เริ่มจากกำจัดเหล่าแมลงตัวเล็กตัวน้อยที่เป็นอาหารของพวกมันออกไปซะก่อน จากนั้นเปิดหน้าต่าง พัดลมระบายอากาศ หรือใช้เครื่องดูดความชื้นไล่ความชื้นออกไปจากห้อง เสร็จแล้วก็อุดรอยรั่วบนผนังและท่อน้ำตามจุดต่าง ๆ ในบ้านให้หมด รวมถึงหมั่นกำจัดเศษขยะและกองใบไม้ออกไป ป้องกันไม่ให้ตะขาบบ้านกลับมาซ่อนตัวอีก 

4. ตะขาบบ้านทำความสะอาดขาหลังกินเหยื่อทุกครั้ง 

          ตะขาบบ้านจะทำความสะอาดขาของมันทุกคู่หลังจากกินอาหารเสร็จ ตั้งแต่ขาคู่แรกจนคู่สุดท้าย โดยการม้วนตัว หากในระหว่างนั้นโดนรบกวน ตะขาบบ้านก็จะวิ่งหนีแล้วหยุดรอ และกลับมาที่เดิมเพื่อทำความสะอาดตัวเองต่อหลังจากที่เห็นว่าศัตรูหายไปแล้ว

5. ตะขาบบ้านวิ่งไวเกินคาด

          เห็นตัวเล็ก ๆ ขาเยอะ ๆ แบบนี้ บอกเลยว่าวิ่งไวชนิดหาตัวจับยาก เพราะเท้านับสิบคู่ของมัน สามารถวิ่งด้วยความเร็วถึง 16 นิ้วต่อวินาทีเลยทีเดียว

6. ชาวญี่ปุ่นบางคนเลี้ยงตะขาบบ้านเป็นสัตว์เลี้ยง

          โดยชาวญี่ปุ่นเรียกตะขาบบ้านกันว่า เกะจิเกะจิ (Gejigeji) หลายคนคงคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกพอ ๆ กับการเลี้ยงแมงมุมทารันทูล่า แต่ทว่าก็มีคนญี่ปุ่นบางคนที่เลี้ยงตะขาบบ้านเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยง เพราะพวกเขามองว่าพวกมันก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็ช่วยกำจัดสัตว์รบกวน เช่น แมลงสาบกับแมงมุมได้

          หลังจากที่ได้อ่านเรื่องลับ ๆ ของตะขาบบ้านกันไปแล้ว ก็หวังว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้จะช่วยลดความวิตกกังวลเรื่องอันตรายจากตะขาบบ้านและทำให้ทุกคนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้อย่างสงบสุขมากยิ่งขึ้นนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Apartment Therapy, hellogiggles, ศูนย์ไบโอเทค และสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 

Friday, April 10, 2020

10 สิ่งของที่ไม่ควรมีในห้องนอน ถ้าอยากหลับสบายฝันดีทุกคืน



         ใครที่อยากเปลี่ยนอาการนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ให้เป็นการนอนหลับสนิทฝันดี ต้องรีบเคลียร์สิ่งของเหล่านี้ออกจากห้องนอนให้ไว !

          รู้หรือไม่ ว่าการจัดวางหรือมีสิ่งของบางประเภทอยู่ในห้องนอน ก็ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ เช่น ทำให้นอนหลับไม่สนิท นอนกรน หรือนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะในวันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมสิ่งของเจ้าปัญหาในห้องนอนที่ทำให้นอนไม่หลับหรือนอนหลับยาก พร้อมวิธีแก้ไขเพื่อช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น แถมยังมีผลดีในทางฮวงจุ้ยห้องนอนมาฝากกันค่ะ

1. นำสัตว์เลี้ยงมานอนบนเตียง

          เราเข้าใจว่าคนรักสัตว์ทุกคนก็อยากจะพาสัตว์เลี้ยงมานอนบนเตียงเป็นธรรมดา แต่ผลการวิจัยของคลินิกมาโย จากสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่นอนบนเตียงเดียวกับสัตว์เลี้ยงมีปัญหาการนอนถึง 10% สาเหตุก็เพราะหมาและแมวมักจะส่งเสียงรบกวนหรือเดินวุ่นวายในขณะที่เราหลับ อาจทำให้เจ้าของสะดุ้งตื่นกลางดึกหรือนอนหลับไม่สนิท จนมีอาการสะลึมสะลือหรืออ่อนเพลียในตอนเช้าได้ ฉะนั้นเลี่ยงไว้ก่อนดีกว่า หรือถ้าหากแยกมุมที่นอนให้แล้ว แต่สัตว์เลี้ยงก็ยังมาป้วนเปี้ยนบนที่นอน ก็เลี้ยงไว้นอกห้องจะดีกว่า เพื่อช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของตัวคุณเองด้วยนะคะ

2. มีของไม่ใช้ ตั้งไว้ก็เกิดฝุ่น


          การจัดวางสิ่งของที่ไม่จำเป็นหลาย ๆ อย่างในห้องนอน ทำให้เกิดฝุ่นละอองสะสมและส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ เราควรวางของในห้องนอนเท่าที่จำเป็น อะไรที่ไม่ได้ใช้แล้วและทำให้เกิดฝุ่นได้ง่าย เช่น หนังสือ ของตั้งโชว์ ควรเอาออกไปไว้ที่อื่นทั้งหมด นอกจากนี้ควรหมั่นทำความสะอาดที่นอน หมอน ผ้าห่ม รวมถึงพื้นห้องให้สะอาดอยู่เสมอ และหากห้องนอนของใครมีเครื่องกรองอากาศ ก็ควรเปิดให้เครื่องช่วยกำจัดฝุ่นสักประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอนด้วยค่ะ  

3. นอนหมอนเก่าซ้ำ ๆ มาหลายปี

          แน่นอนว่าเราไม่ควรนอนหนุนหมอนที่เก่า เพราะหมอนเก่า ๆ จะไม่รองรับกับสรีระของเรา และถ้าเราฝืนนอนต่อไปนาน ๆ ก็สามารถทำให้ปวดคอและปวดหลังได้ ซึ่งในวันนี้เราก็มีวิธีเช็กว่าหมอนเก่าหรือไม่แบบง่าย ๆ มาฝาก โดยให้นำหมอนมาพับครึ่ง จากนั้นก็ปล่อย ถ้าหมอนคืนตัวกลับเป็นสภาพเดิมก็ถือว่ายังใช้ได้ แต่ถ้าพับแล้วหมอนค้างอยู่อย่างนั้น ก็ให้ทำไปทิ้งได้เลย เพราะว่าหมอนที่ไม่คืนตัว ก็คือหมอนเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วนั่นเอง

4. วางโต๊ะทำงานไว้ในห้อง

          อย่าลืมนะคะว่าห้องนอนไม่ใช่ห้องทำงาน หากตอนนี้ใครมีโต๊ะทำงานอยู่ในห้องนอนละก็ ควรรีบย้ายออกโดยด่วน เพราะห้องนอนเป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อพักผ่อน การนำโต๊ะทำงานมาตั้งไว้ในห้องนอนจะทำให้เรารู้สึกไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เช่น บางคนที่มีงานค้างอยู่ พอตาเหลือบไปมองเห็นโต๊ะ ก็พาลให้คิดถึงเรื่องงาน จนไม่ได้พักผ่อนซะอย่างนั้น แต่ถ้าบ้านใครมีพื้นที่จำกัด ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้จริง ๆ ก็ควรวางโต๊ะทำงานให้ห่างจากเตียงนอนมากที่สุด และหาผ้ามาคลุมเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อให้ห้องนอนเป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

5. กองหนังสือที่อ่านไม่จบ

          สำหรับบางคนที่วางกองหนังสือหรือนิตยสารไว้ทั่วห้องนอน เพราะตั้งใจว่าจะอ่านเมื่อมีเวลาว่าง แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ก็ไม่ได้หยิบมาอ่าน เพราะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น หรือไม่เรื่องที่อ่านไม่น่าสนใจแล้ว จนทำให้ห้องนอนมีหนังสืออยู่เต็มไปหมด ส่งผลให้เรารู้สึกไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แถมเสี่ยงสะดุดหนังสือหกล้มและกลายเป็นจุดสะสมฝุ่นอีกต่างหาก ดังนั้นถ้าตัดสินใจว่าจะไม่อ่านแล้ว ให้รีบเคลียร์หนังสือออกจากห้องนอนไปไว้ที่โต๊ะทำงานหรือห้องรับแขกจะดีกว่า แต่ถ้าไม่ได้มีพื้นที่มากขนาดนั้นจะนำหนังสือไปบริจาคก็ดีนะคะ  

6. เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่เต็มตู้

          สาว ๆ มักจะเกิดอาการเสียดาย เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่เต็มตู้ แต่ก็ตัดใจทิ้งไปไม่ได้ รู้หรือไม่ว่าตามหลักฮวงจุ้ยนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาซะเลย เพราะการที่ยังเก็บเสื้อผ้าเก่าหรือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่แล้วไว้ในตู้ เป็นการปิดกั้นโอกาสใหม่ ๆ ไม่ให้เข้ามา ฉะนั้นถ้าเรามีเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่แล้ว ก็ควรเคลียร์ออกเพื่อเปิดช่องว่างต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ โดยจะนำไปทำเป็นผ้าขี้ริ้ว หรือบริจาคสร้างบุญก็ยังได้

7. วางตะกร้าผ้าในห้องนอน

          หากมีตะกร้าผ้าอยู่ในห้องนอน อาจทำให้เรารู้สึกถึงงานบ้านที่กำลังรออยู่ในช่วงวันหยุด ทางที่ดีควรนำตะกร้าใส่ผ้าไปไว้ที่อื่น ก็จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้มากขึ้น แต่ถ้าหากย้ายตะกร้าผ้าไปไว้ที่อื่นไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรใส่ผ้าลงในตะกร้าให้หมด อย่าให้ออกมานอกตะกร้า เกะกะขวางทางเดิน ทำให้ห้องดูรก และรู้สึกไม่น่าอยู่ได้

8. สร้างกองขยะอิเล็กทรอนิกส์

          มีหลายคนเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ รีโมท และนาฬิกาปลุกเก่า ๆ ที่พังหรือไม่ได้ใช้แล้ว เพราะเป็นความทรงจำดี ๆ หรือไม่ก็เก็บไว้เป็นอะไหล่ โดยที่ไม่รู้ว่าของพวกนี้ไม่ควรอยู่ในห้องนอน เพราะหลักฮวงจุ้ยถือว่า ของที่พัง ชำรุด เสียหาย เป็นแหล่งสะสมพลังงานด้านลบ ซึ่งจะนำเรื่องไม่ดีมาให้คนในบ้านได้ ฉะนั้นเราควรนำของพวกนี้ไปซ่อม บริจาค หรือไม่ก็เก็บใส่กล่องแล้วเอาไปไว้ที่ห้องเก็บของดีกว่า

9. เครื่องสำอางหมดอายุ

          สาว ๆ ควรระวังให้ดี เพราะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลอนดอน เมโทรโพลิตัน บอกว่า เครื่องสำอางเก่า ๆ มีเชื้อแบคทีเรียอยู่เพียบ ถ้าเลือกจะเก็บไว้ในห้องนอนคงไม่เวิร์กแน่ ๆ และที่สำคัญถ้าเครื่องสำอางมันเก่าจนหมดอายุแล้วก็ไม่เห็นจะมีความจำเป็นที่ต้องเก็บไว้ เพราะหากเรานำมาใช้ต่อก็เสี่ยงทำให้หน้าพังได้ง่าย ๆ ดังนั้นเราขอแนะนำให้นำเครื่องสำอางเก่า ๆ ไปทิ้งซะตอนนี้เลย

10. มีโทรทัศน์ไว้นอนดู

          แม้ว่าการดูโทรทัศน์จะถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง แต่การพักผ่อนที่ดีในสุดในห้องนอนก็คือการนอนหลับ ซึ่งการที่มีโทรทัศน์หรือเปิดโทรทัศน์ไว้ก็สามารถรบกวนการนอนหลับได้ ดังนั้นเราขอแนะนำให้ย้ายโทรทัศน์ออกจากห้องนอน หรือถ้าย้ายไม่ได้ก็หาผ้ามาคลุมโทรทัศน์ไว้ในเวลาที่ไม่ใช้จะดีที่สุดค่ะ

          เราเข้าใจว่าสิ่งของบางอย่างก็นำไปไว้ที่อื่นยาก แต่ถ้าหากอยากนอนหลับสบายฝันดี ก็ควรหาทางจัดการกับสิ่งของเหล่านี้ออกไปจากห้องนอนซะ เช่น การนำไปทิ้งหรือบริจาค ก็จะช่วยให้การนอนดีขึ้นได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, codyapp
https://home.kapook.com/view179294.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/579627414559438882/